The king of War - บทที่ 878 แย่งยอดขาย
“ก็ถูก คุณเป็นแชมป์ยอดขายเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องมีประสบการณ์การขายอย่างโชกโชนแน่”
ฉินยีพยักหน้าและกล่าวขึ้น เซียวจื่อฉิงได้ยินอย่างนี้ก็หน้าบานอย่างมีความสุข
แต่เธอยังไม่ทันได้เล่นละครตบตา ก็ได้ยินฉินยีพูดกับหมีเสวี่ยว่า “เสียวเสวี่ย เธอต้องยืนหยัดในเจตนาเดิมของตัวเอง อย่าไปเรียนรู้วิธีการซิกแซกใดๆ”
“ฉันได้ยินมาว่า มีพนักงานขายบางคนต้องยอมขึ้นเตียงเพื่อที่จะขายสินค้า”
“ไม่เพียงเท่านี้ ฉันยังเคยเห็นกับตาว่า มีพนักงานขายหญิงคนหนึ่งในฝ่ายขายถูกตบหน้าเพราะต้องการรั้งลูกค้าไว้ แต่ก็ยังไล่ตามตื๊อต่ออย่างไร้ยางอายเพื่อขอร้องให้ลูกค้าซื้อบ้าน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินยีกล่าว เซียวจื่อฉิงก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวทันที ฉินยีกำลังพูดถึงตนเองอยู่หรือเปล่า?
พนักงานอื่นๆ ในฝ่ายขายยังมองมาที่เซียวจื่อฉิงด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“คุณว่าใครไร้ยางอาย?”
เซียวจื่อฉิงโกรธ เธอคาดคั้นเอาคำตอบจากฉินยี
ฉินยีมองไปที่เซียวจื่อฉิงด้วยสีหน้างุนงงและถามว่า “ฉันก็แค่สอนวิธีการปฏิบัติตัวให้เสียวเสวี่ยเท่านั้นเอง ไปด่าคุณไร้ยางอายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หรือจะบอกว่า สิ่งที่ฉันพูดเมื่อกี้ คุณเคยทำมาก่อน?”
ฉินยีทำหน้าแปลกใจอีกครั้ง หลังจากพูดประโยคนี้ออกไป เธอก็รีบเอามือปิดปากและกล่าวขอโทษ “ขอโทษนะ! ฉันไม่รู้ว่าคุณเคยทำเรื่องพวกนี้ด้วย”
“คุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับสามีของฉัน ฉันจะด่าคุณไร้ยางอายได้ยังไงล่ะ?”
“แม้ว่าคุณจะเคยทำเรื่องไร้ยางอายเหล่านั้นมาก่อน แต่เพื่อเห็นแก่หน้าสามีของฉัน ฉันก็ไม่มีทางด่าคุณหรอก จริงไหม?”
เซียวจื่อฉิงโกรธจนแทบบ้าแล้ว เมื่อครู่เธอถูกคู่สามีภรรยาวัยกลางคนตบหน้ากำลังโกรธพอดี ตอนแรกคิดว่าจะมาบีบหมีเสวี่ยให้เละเป็นโจ๊กเป็นการระบายอารมณ์เสียหน่อย
แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็นตัวเองที่ถูกฉินยีบดขยี้จนเละเป็นโจ๊กเสียเอง
พอเห็นเซียวจื่อฉิงโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ หมีเสวี่ยก็รีบบอกว่า “เราไปดูบ้านกันก่อนเถอะค่ะ!”
หยางเฉินก็เอ่ยปาก “งั้นก็ไปกันเถอะ!”
ฉินยีจึงได้ยอมเลิกรา แต่ก็ยังโบกมือให้เซียวจื่อฉิงด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “เดี๋ยวเจอกันนะคะ!”
เซียวจื่อฉิงมองไปยังคนสามคนที่ออกไปด้วยกัน เธอโกรธจนแทบบ้า “ไอ้พวกเวร พวกแกมันบัดซบ!”
“พี่เขย การแสดงออกของฉันเมื่อกี้ คุณพอใจไหม?”
ระหว่างทางไปดูวิลล่า ฉินยีถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
หยางเฉินพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ถึงยังไงเธอก็เป็นรองประธานบริษัทคนหนึ่งเหมือนกัน ทำไมถึงยอมลดตัวไปทะเลาะกับผู้หญิงเลวๆ แบบนั้นล่ะ?”
ฉินยีเหลือกตาใส่ “ฉันแค่พูดคุยอย่างใจเย็น ไม่ได้ไปทะเลาะกับใครสักหน่อย”
“พี่ยียี คุณกับพี่หยางมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่?”
หมีเสวี่ยสับสนมาตลอด บางครั้งฉินยีก็เรียกหยางเฉินว่าที่รัก บางครั้งก็เรียกว่าพี่เขยหยางเฉิน
ฉินยีหลุดขำออกมา “ฉันแค่จะแกล้งหญิงชั่วที่มองคนอื่นด้วยสายตาดูถูกเท่านั้นเอง เขาเป็นพี่เคยของฉัน และเป็นพี่ชายของฉันด้วย!”
“อ๋อ!”
หมีเสวี่ยกระจ่างในทันใด
หยางเฉินขับรถไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง ทั้งสามก็มาถึงหมู่บ้านวิลล่าเมืองในฝัน
ทันทีที่ผ่านประตูใหญ่เข้ามา ยามเฝ้าประตูก็ทำความเคารพและปล่อยให้เข้าไปทันที
หยางเฉินใช้เวลาขับรถห้านาทีพอดีจึงมาถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขา
“เหมือนกับแบบจำลองบนโต๊ะทรายไม่มีผิดเลย”
หลังจากฉินยีเห็นบ้าน เธอก็กล่าวด้วยสีหน้าอิจฉา “พี่เขย คุณดีกับพี่ชาวจริงๆ วิลล่าดีขนาดนี้ บอกจะให้ก็ให้เลย”
หยางเฉินถามอย่างจนปัญญา “อย่าบอกนะว่าวิลล่านี้เธอเป็นคนเลือก?”
ฉินยีหัวเราะเบาๆ “พี่เขย คุณจะลำเอียงไม่ได้นะ ฉันก็เป็นน้องเมียของคุณเหมือนกัน แถมยังเป็นน้องสาวของคุณด้วย ฉันแต่งงานเมื่อไหร่ คุณห้ามงกเด็ดขาด”
หยางเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เธอแต่งงานเมื่อไหร่ฉันจะมอบของขวัญที่ดีกว่านี้ให้เธอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณพี่เขยล่วงหน้านะคะ!”
ฉินยีเอ่ยอย่างมีความสุข
เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง หมีเสวี่ยก็รู้สึกอิจฉา ทันใดนั้นในหัวสมองของเธอก็มีเงาร่างที่จดจำเอาไว้ในส่วนลึกปรากฏขึ้นมา เธอสะดุ้งโหยง
หยางเฉินและฉินยีไม่ได้ดูอะไรในวิลล่ามากมายนัก แค่เดินวนไปวนมาก็กลับออกไป
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในฝ่ายขาย พวกเขาได้เห็นเค้าโครงบนโต๊ะทรายและแบบจำลองวิลล่าในสัดส่วนเท่ากันแล้ว
อาจกล่าวได้ว่าแบบจำลองนั้นเหมือนกับต้นแบบทุกประการ
แม้แต่ยอดเมฆาของหยางเฉินก็อาจจะสู้วิลล่าพร้อมสวนหลังนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ทำไมดูบ้านเสร็จเร็วจัง?”
ทันทีที่หยางเฉินและคนอื่นๆ เข้ามาที่ฝ่ายขาย เสียงอันน่ารังเกียจของเซียวจื่อฉิงก็ดังขึ้นมา “ไม่ชอบเหรอคะ? หรือว่าวางแผนไว้ว่าจะมาซื้อทีหลัง?”
ในคำพูดของเซียวจื่อฉิงมีความยั่วเย้าแฝงอยู่
จากนั้นก็พูดอีกว่า “เพื่อเห็นแก่ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่า ฉันสามารถแนะนำบ้านมือสองในสต๊อกบ้านให้คุณได้ จ่ายแค่แสนกว่าก็สามารถได้บ้านขนาดยี่สิบตารางเมตรแล้ว”
“แม้ว่าจะแค่ยี่สิบตารางเมตร แต่การที่สามารถมีบ้านอยู่ในเมืองเยี่ยนตูได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ว่าไงล่ะคะ? ถ้าคุณต้องการฉันจะติดต่อให้คุณได้ตอนนี้เลย แถมยังขอส่วนลดให้คุณได้อีกหลายพัน”
หยางเฉินไม่ได้โกรธ แค่มองเซียวจื่อฉิงด้วยรอยยิ้มอ่อนและพูดว่า “สงสัยว่าจะทำให้คุณผิดหวังเสียแล้วล่ะ วิลล่าพร้อมสวนหลังเมื่อกี้ ผมตั้งใจจะซื้อแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เอาก็แล้วไป เดี๋ยวนะ คุณว่ายังไงนะ?”
หลังจากเซียวจื่อฉิงตอบกลับไปประโยคหนึ่ง เธอถึงได้สติกลับมา เธอเบิกตากว้างจ้องมองหยางเฉินและถามอย่างคาดไม่ถึง
หยางเฉินไม่ได้สนใจอีก เขาหยิบบัตรเครดิตออกมายื่นให้หมีเสวี่ยและบอกว่า “เสียวเสวี่ย เอาไปรูดสิ!”
“ได้ค่ะ พี่หยาง!”
หมีเสวี่ยถือบัตรธนาคารไว้ รู้สึกตื่นตัวขึ้นมา
นี่คือวิลล่าราคา 1,500 ล้าน แค่ค่าคอมมิชชั่นอย่างเดียวก็เกือบหนึ่งล้านแล้ว
เธอเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยมาได้ไม่นานก็หาเงินได้เป็นล้านแล้ว สำหรับเธอมันเป็นเงินจำนวนมหาศาล
“ขอบคุณค่ะพี่หยาง! ขอบคุณค่ะพี่หยาง!”
หมีเสวี่ยรีบขอบคุณเขาหลายครั้ง ก่อนจะไปรูดบัตรที่ฝ่ายบัญชี
“เดี๋ยวก่อน!”
พอเห็นหมีเสวี่ยกำลังจะเอาบัตรไปรูด ในที่สุดเซียวจื่อฉิงก็แน่ใจว่าหยางเฉินจะซื้อวิลล่าราคา 1,500 ล้านหลังนี้ เธอรีบเข้าไปขวางหมีเสวี่ยไว้
หมีเสวี่ยยังไม่ทันตั้งตัว บัตรเครดิตในมือก็ถูกเซียวจื่อฉิงแย่งไป
“เซียวจื่อฉิง นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
หมีเสวี่ยถามเสียงดังลั่นทันทีด้วยความร้อนใจ
เซียวจื่อฉิงพ่นลมหายใจแรง “หยางเฉินเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน เขามาซื้อบ้าน เธอมีสิทธิ์มาต้อนรับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
พูดจบเธอก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที เดินเข้าไปอยู่ตรงหน้าหยางเฉินแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หยางเฉิน คุณจะซื้อวิลล่า ทำไมไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้? ฉันมีส่วนลด 3% อยู่ในมือ สามารถช่วยให้คุณประหยัดได้สี่สิบห้าล้าน!”
หมีเสวี่ยน้ำตาคลอเบ้า เธอก็รู้ดีว่าการซื้อวิลล่าจากเซียวจื่อฉิงสามารถช่วยให้หยางเฉินประหยัดเงินได้สี่สิบห้าล้าน ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าไปแย่งชิง
หยางเฉินขมวดคิ้ว เขาโกรธผู้หญิงคนนี้จริงๆ แล้ว
“ที่รัก ทำไมคุณให้บัตรสมาชิกไปล่ะ?”
ฉินยีพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเบิกบานทันที
หยางเฉินชะงักงัน สิ่งที่เขาให้หมีเสวี่ยคือเป็นบัตรดำกิตติมศักดิ์ของธนาคารสากลที่เล็กกว่าบัตรเครดิตทั่วไปธนาคารธรรมดาเล็กน้อย ดูเหมือนบัตรสมาชิก
หยางเฉินชะงักงัน สิ่งที่เขาให้หมีเสวี่ยคือบัตรดำกิตติมศักดิ์ของธนาคารสากลที่เล็กกว่าบัตรเครดิตธรรมดาเล็กน้อย ดูหน้าตาเหมือนบัตรสมาชิกจริงๆ
แต่ฉินยีนั้นรู้ว่านี่คือบัตรดำกิตติมศักดิ์ของธนาคารสากล!
“อะไรนะ? บัตรสมาชิก?”