The king of War - บทที่ 892 แผนการร้าย
“ไม่ๆๆ ผมไม่สนใจเลยสักนิดเดียว ต่อไปผมจะเป็นเจ้านายที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่งเหมือนพี่เฉิน”
หม่าชาวรีบโบกมือ ทันใดนั้นก็พูดอย่างสับสน “แต่อ้ายหลินไม่ชอบทำธุรกิจ ผมเองก็ไม่มีน้องเมียที่ชอบทำธุรกิจเหมือนกัน ควรจะทำยังไงดี?”
“พี่เฉิน คุณไม่ให้ผมยืมตัวประธานลั่วสักสองสามปีได้ไหมล่ะ พอเขาช่วยผมจัดการเรื่องภายในบริษัทได้เข้าที่เข้าทางแล้ว ผมค่อยคืนเขาให้กับคุณ?”
หยางเฉินพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ไปไกลๆ เลย ถ้าให้นายยืมตัวประธานลั่ว แล้วทางฉันจะทำยังไงล่ะ? คงจะให้ตัวฉันที่ไม่รู้เรื่องธุรกิจเลยไปทำการค้าไม่ได้หรอกนะ”
สองพี่น้องหัวเราะลั่น แล้วทั่วทั้งห้องทำงานก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ในขณะเดียวกัน หลิวฉีก็ได้ออกมาจากซินเฉ่ากรุ๊ปแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงคฤหาสน์พร้อมสวนที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว
“หลิวฉี คุณมาที่นี่ทำไม?”
ทันทีที่เขาเข้าไปในลานหน้าวิลล่า หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินออกมาถามหลิวฉี
“พี่ครับ ผมถูกคนรังแกมา พี่เขยอยู่หรือเปล่า?”
หลิวฉีเอ่ยปากถาม
หญิงวัยกลางคนจึงได้สังเกตเห็นบาดแผลบนใบหน้าของหลิวฉี เธอขมวดคิ้วและพูดอย่างโกรธเคือง “ใครน่ะช่างกล้ามาทำร้ายน้องชายของฉันได้ถึงขนาดนี้?”
“พี่ครับ เดี๋ยวเจอพี่เขยแล้วเราค่อยมาพูดถึงรายละเอียดกัน”
หลิวฉีพูดเร่งรัด
หญิงวัยกลางคนจึงรีบพาหลิวฉีเข้าไปด้านในวิลล่า
ในห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางของวิลล่า มีชายวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาระดับไฮเอนด์ที่นุ่มสบาย พร้อมกับถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ
“ที่รัก หลิวฉีถูกคนอื่นรังแกมา คุณเป็นพี่เขย บอกมาเลยว่าต้องการล้างแค้นให้เขาไหม”
หญิงวัยกลางคนเห็นสามีของตัวเอง จึงรีบพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ฉันมีน้องชายแท้ๆ เพียงคนเดียว ไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน แต่วันนี้ดันมาถูกคนอื่นทำร้ายบาดเจ็บ”
ชายวัยกลางคนไม่ได้เงยหน้าขึ้น สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือพิมพ์ แต่กลับพูดอย่างใจเย็น “แล้วคนคนนั้นมันเป็นใครกัน ถึงกล้ามาแตะต้องน้องชายของไป๋ชิ่ง?”
ไป๋ชิ่ง สมาชิกของตระกูลคิงไป๋
เขามาที่เมืองเยี่ยนตูในครั้งนี้ในฐานะผู้ดูแลตระกูลไป๋ รับผิดชอบควบคุมทุกอย่างในเมืองเยี่ยนตู
“เขาเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ 27-28 ปี เป็นประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ไม่รู้ว่าตระกูลกษัตริย์เซวกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้มอบซินเฉ่ากรุ๊ปให้กับไอ้สารเลวคนนี้”
“ที่น่าเกลียดที่สุดคือไอ้สารเลวนี้เอาซินเฉ่ากรุ๊ปที่มีมูลค่าตลาดสี่หมื่นกว่าล้านมอบให้กับสุนัขรับใช้ข้างกายเขา”
“ที่แย่ไปกว่านั้นคือ หมาตัวนี้มันทำร้ายผม แล้วยังขับไล่ผมออกจากซินเฉ่ากรุ๊ปด้วย”
หลิวฉีพูดอย่างเร่งรีบ
ไป๋ชิ่งที่เอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์มาโดยตลอด รู้สึกตกใจกับคำพูดของหลิวฉี สีหน้านิ่งสงบเริ่มมีร่องรอยความหวาดกลัวในที่สุด
“ชายหนุ่มที่คุณกำลังพูดถึงชื่อหยางเฉินหรือเปล่า?”
ไป๋ชิ่งขมวดคิ้วถาม
“ใช่แล้ว หยางเฉินนั่นแหละ เขายังดูเด็กมาก อายุประมาณ 27-28 ปี”
หลิวฉีรีบพยักหน้าตอบ
ไป๋ชิ่งตกอยู่ในภวังค์ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ไป๋ชิ่ง ฉันไม่สน ตอนนี้ฉันมีน้องชายเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉัน เขาได้รับความอยุติธรรมขนาดนี้ คุณต้องช่วยเขา”
หญิงวัยกลางคนเห็นไป๋ชิ่งไม่พูดจา ก็ร้อนใจและกล่าวอย่างโกรธเคือง
“เรื่องนี้ผมเกรงว่าจะช่วยไม่ได้แล้วล่ะ”
ทันใดนั้นไป๋ชิ่งก็พูดด้วยสีหน้าที่ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย
“อะไรนะ? ช่วยไม่ได้?”
“ไป๋ชิ่ง คุณหมายความว่ายังไง?”
หญิงวัยกลางคนพูดอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับสะอึกสะอื้น “ในสายตาของคุณ ไม่มีภรรยาอย่างฉันคนนี้อยู่เลยหรือไง? ทำไมคุณไม่ช่วยครอบครัวเพียงคนเดียวของฉันที่มีอยู่ในโลกใบนี้ล่ะ?”
“หุบปาก!”
ไป๋ชิ่งตวาดด้วยความโมโห “คุณคิดว่าตระกูลกษัตริย์เซวนั้นโง่มากหรือไง ที่มอบซินเฉ่ากรุ๊ปมูลค่าหลายหมื่นล้านให้กับชายหนุ่มจากเมืองเยี่ยนตูไปฟรีๆ?”
“หรือว่าตระกูลกษัตริย์เซวจะมีจุดประสงค์อื่นอีก?”
หญิงวัยกลางคนสะดุ้งตกใจและถามอย่างระมัดระวัง
“ฮึ!”
ไป๋ชิ่งถอนหายใจแรง “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สมาชิกของตระกูลไป๋ได้เข้าไปทำงานในซินเฉ่ากรุ๊ปอย่างต่อเนื่อง และต่อมาก็เข้าไปอยู่ในตระกูลกษัตริย์เซว คุณคิดเหรอว่าตระกูลกษัตริย์เซวจะไม่รู้?”
“มูลค่าตลาดของซินเฉ่ากรุ๊ปอยู่ที่ประมาณห้าหมื่นล้าน หากส่งมอบไปมันจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับตระกูลกษัตริย์เซวมากนัก”
“แต่ที่ตระกูลกษัตริย์เซวทำแบบนี้ ก็คือการส่งสัญญาณเตือนไปยังตระกูลไป๋ เพื่อให้พวกเราเป็นศัตรูกับหยางเฉิน เพื่อตัดทอนโอกาสที่ตระกูลไป๋จะได้รับชัยชนะในเมืองเยี่ยนตู”
ทั้งหลิวฉีและหญิงวัยกลางคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจ หลิวฉีพูดอย่างไม่รู้ตัว “พี่เขย มันจะเป็นไปได้ยังไง? หยางเฉินเป็นแค่ประธานบริษัทในเมืองเยี่ยนตูเท่านั้น เขามีสิทธิ์อะไรมาตัดทอนโอกาสที่ตระกูลไป๋จะได้รับชัยชนะ?”
หลิวฉีถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในสายตาของเขา นอกจากคนของตระกูลเดอะคิงและราชวงศ์ ก็ไม่มีใครเก่งขั้นเทพอีกแล้ว
แต่ตอนนี้พี่เขยของตนซึ่งเป็นทายาทของกษัตริย์ไป๋แห่งตระกูลคิงไป๋ ที่มาเมืองเยี่ยนตูในครั้งนี้ ทุกเรื่องของสมาชิกตระกูลไป๋ในเมืองเยี่ยนตู อยู่ในความรับผิดชอบของไป๋ชิ่ง
คนที่เก่งกาจขั้นเทพเช่นนี้ยังบอกว่าหยางเฉินอาจจะมีผลกระทบต่อโอกาสในการชนะของตระกูลคิงไป๋ในเมืองเยี่ยนตู
“ฮึ!”
ไป๋ชิ่งพูดอย่างเย็นชา “นายทำงานในซินเฉ่ากรุ๊ปมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่านี่เป็นคนรับช่วงต่อที่เตรียมการเอาไว้แต่เนิ่นๆ โดยตระกูลกษัตริย์เซว?”
“คนรับช่วงต่อ?”
หลิวฉีงุนงง
“ถูกต้อง คนรับช่วงต่อ เขาคือคนรับช่วงต่อที่มาเพื่อจัดการกับคิงแห่งเยี่ยนตู”
ไป๋ชิ่งกล่าวว่า “ไม่ใช่แค่ตระกูลกษัตริย์เซวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคลับหวงจินของตระกูลคิงเฉา กวนซื่อกรุ๊ปของตระกูลคิงกวน เปิ่นไจเก๋อของตระกูลคิงหม่า และฝูหรงกรุ๊ปของตระกูลคิงไป๋ ล้วนเป็นกิจการของตระกูลเดอะคิงทั้งห้า”
“กิจการเหล่านี้ มีแห่งไหนที่มีการประกอบการอย่างจริงจังจากตระกูลเดอะคิงบ้าง? มันเป็นแค่หน้าฉากเท่านั้น ตระกูลเดอะคิงทั้งห้ากำลังรอวันนี้อยู่”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ไป๋ชิ่งพูด หลิวฉีก็มีสีหน้าตะลึงงัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับหยางเฉินอย่างไร?
“พี่เขย ผมก็ยังไม่เข้าใจ หยางเฉินเป็นแค่ประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเท่านั้น นอกจากเรื่องเงินแล้ว เขายังมีอะไรอีกบ้าง?”
หลิวฉีถามอย่างระมัดระวัง
“คนไร้ประโยชน์ก็คือคนไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ การที่จัดการให้นายเข้าไปทำงานในซินเฉ่ากรุ๊ปนั้น มันเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาอย่างหนึ่ง”
ไป๋ชิ่งกล่าวอย่างไร้ความเห็นใจ
สีหน้าของหลิวฉีย่ำแย่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋ชิ่งเขาก็ยังไม่กล้าแสดงความโกรธออกมา
“ไป๋ชิ่ง คุณหมายความว่ายังไง? ตอนแรกฉันให้คุณจัดการให้น้องชายของฉันเข้าไปทำงานในบริษัทของตระกูลไป๋ แต่คุณไม่เห็นด้วย ตรงกันข้ามกลับส่งน้องชายของฉันเข้าไปทำงานในซินเฉ่ากรุ๊ปแทน”
“แต่ตอนนี้ เขาได้รวบรวมข้อมูลมากมายเกี่ยวกับตระกูลกษัตริย์เซวให้กับตระกูลไป๋ ตอนนี้หมดประโยชน์แล้ว คุณก็มาดูถูกน้องชายของฉันแบบนี้เลย?”
ภรรยาของไป๋ชิ่งรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เธอชักสีหน้าหงุดหงิด
“หุบปาก!”
ไป๋ชิ่งตบหน้าและพูดอย่างโกรธเคือง “ตอนแรกที่ผมยอมให้เขาเข้าไปทำงานในซินเฉ่ากรุ๊ป ก็เพื่อให้เขารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลกษัตริย์เซวให้กับทางตระกูลไป๋ และเพื่อให้เขามีความดีความชอบ เมื่อผมได้สืบทอดบัลลังก์กษัตริย์ไป๋ในอนาคต จะได้ใช้สอยเขาได้อย่างชอบธรรม แต่ผลลัพธ์น่ะเหรอ?”
“นี่ก็ผ่านไปกี่ปีแล้ว? เขาไม่สามารถปลดหัวใจสำคัญของตระกูลกษัตริย์เซวออกไปได้เลย? ข้อความขยะที่เขารวบรวมนั้นถือว่าเป็นข้อมูลด้วยเหรอ?”
“ตอนนี้เขาถูกตระกูลกษัตริย์เซววางแผนจัดการแล้ว เขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ คุณเข้าใจไหม?”
ปกติไป๋ชิ่งไม่ค่อยอารมณ์เสีย แต่ตอนนี้เขายังตบภรรยาของเขาไป ซึ่งทำให้หลิวฉีและภรรยาหวาดกลัว
หลิวฉีรีบบอกว่า “พี่ครับ พี่เขยพูดถูก ผมมันไม่เอาไหนจนทำให้พี่เขยเสียหน้า พี่ก็อย่าไปโทษพี่เขยเลย พี่เขยเข้มงวดเพราะอยากให้ผมได้ดี”
“นับว่านายยังไม่ถึงขั้นหมดทางเยียวยาเสียทีเดียว”