The king of War - บทที่ 895 แผนเกิดใหม่
เฉียนเปียวสามารถตัดเข็มขัดของพวกเขาได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น และสามารถตัดคอของพวกเขาได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
“แก…ฉัน…ฉัน…ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
กวนหงเหว่ยพูดตะกุกตะกัก ดึงกางเกงขึ้น แล้วหันหลังวิ่งหนีกลับไป
องครักษ์ทั้งสองก็วิ่งหนีไปเช่นกัน
ภายในห้องผู้ป่วยกลับมาเงียบสงบอีกครั้งได้ในที่สุด
กวนเย่วมีสีหน้ากังวลใจ มองมาที่หยางเฉินและกล่าวว่า “อาจารย์ ถึงยังไงอารองของฉันก็มีความสัมพันธ์กับเจ้าชายรองของตระกูลคิงกวน พวกคุณทำกับเขาแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลคิงกวนแล้ว ต่อไปเกรงว่าจะแก้ไขได้ยาก”
หยางเฉินพูดอย่างเฉยชา “ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ไม่อยากสร้างความบาดหมางกับทางตระกูลคิงกวน และไม่ได้ต้องการจะสะสางบุญคุณความแค้น”
ในเวลานี้กวนเย่วก็มีภาพจินตนาการขึ้นมาว่า ถึงแม้กษัตริย์กวนจะมาด้วยตัวเอง หยางเฉินก็คงจะไม่ไหว้หน้ากษัตริย์กวนอยู่ดี
“เฉียนเปียว ช่วงนี้คุณต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของกวนเย่ว หากมีใครกล้ามาก่อกวนการฝึกของเธออีก ต่อให้เป็นกษัตริย์กวน ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็มองไปทางเฉียนเปียวแล้วออกคำสั่ง
“ครับผม!”
เฉียนเปียวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเพื่อนรักของผม น่าจะไม่มีเวลามาเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาล คุณพักผ่อนให้เต็มที่ ผมเสร็จธุระแล้วจะมาหาคุณ”
หยางเฉินมองไปที่กวนเย่วแล้วกำชับว่า “มีเฉียนเปียวอยู่ นอกจากยอดฝีมือชั้นสุดยอดของตระกูลเดอะคิงก็ไม่มีใครทำร้ายคุณได้อีก”
กวนเย่วพยักหน้า “อาจารย์ ขอบคุณค่ะ!”
หยางเฉินฉีกรอยยิ้มอันสดใส “ตั้งแต่คุณเอาตัวเข้ามาบังกระสุนให้ผม ผมก็ยอมรับคุณเป็นลูกศิษย์ของผมแล้ว รอคุณหายดีเมื่อไหร่ ผมจะถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ของผมให้คุณ”
เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดเช่นนี้ กวนเย่วก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ดวงตาของเธอดูสดใส เธอพยักหน้าซ้ำๆ “อาจารย์ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะพักฟื้นในโรงพยาบาลอย่างว่านอนสอนง่าย พยายามฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด จะได้ให้คุณสอนศิลปะการต่อสู้ให้ฉัน”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นบนใบหน้าของกวนเย่ว หยางเฉินก็อดยิ้มไม่ได้ “ดี ผมจะรอคุณ!”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไป
พรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญของเพื่อนรักของเขา ในฐานะที่เขาเป็นญาติสนิทเพียงคนเดียวที่หม่าชาวมี เขาจึงไม่สามารถยอมให้เกิดปัญหาได้
มีบางเรื่องที่เขาจำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเอง
และในเวลานี้กวนหงเหว่ยได้ออกจากโรงพยาบาลมุ่งหน้าไปยังวิลล่าพร้อมสวนที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว
“พ่อคะ พ่อมาที่นี่ทำไม?”
ทันทีที่กวนหงเหว่ยลงจากรถ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมา เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่บวมแดงของกวนหงเหว่ยก็มีสีหน้าแปลกใจ “พ่อคะ พ่อไปทำอะไรมา? ทำไมหน้าตาบวมปูดแบบนี้?”
เมื่อครู่เฉียนเปียวได้ออกแรงอย่างมาก แก้มทั้งสองของกวนหงเหว่ยบวมแดงขึ้นมา
“พ่อรู้ว่าลูกได้รับความอยุติธรรมในเมืองเยี่ยนตู จึงขอให้คุณปู่ของลูกช่วยปล่อยพ่อมาช่วยลูก ทันทีที่พ่อมาถึงเมืองเยี่ยนตู ก็ไปหาหญิงชั่วกวนเย่วมาแล้ว”
“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ข้างกายหญิงชั่วนั่นจะมียอดฝีมือคุ้มครองอยู่ แถมยังตบพ่อสองครั้ง บัญชีนี้ พ่อต้องชำระแค้นให้ได้”
กวนหงเหว่ยพูดพร้อมกับกัดฟันกรอด
พอนึกถึงการถูกตบหน้า ความโกรธก็ปะทุอยู่ในใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ หน้าตาของเขาดูดุร้ายขึ้นเพราะความโกรธ
“อะไรนะ? พ่อไปหากวนเย่วมาแล้วเหรอ?”
กวนซินถามด้วยความแปลกใจ
“พ่อต้องไปหาหญิงชั่วนั่นอยู่แล้ว ไม่งั้นพ่อจะออกหน้าให้ลูกได้ยังไง?” กวนหงเหว่ยถามกลับ
กวนซินสีหน้าดุร้าย เธอกัดฟันพูดว่า “พ่อคะ หญิงชั่วนั่นมันมีอาจารย์แล้ว มีตำแหน่งสูงในเมืองเยี่ยนตูและมีความแข็งแกร่งมาก พ่อไม่ควรบุ่มบ่ามรีบไปหาหญิงชั่วนั่นตอนนี้”
“ไม่ใช่เพราะว่าพ่อเจ็บแทนลูกหรอกเหรอ?” กวนหงเหว่ยกล่าวอย่างหงุดหงิด
“พ่อคะ พ่อไม่ต้องห่วง ฉันคิดหาวิธีแก้แค้นเอาไว้แล้ว”
ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกวนซิน
“เอ๊ะ? ลูกมีวิธีจัดการกับอาจารย์ของกวนเย่วแล้วเหรอ?”
กวนหงเหว่ยรู้สึกมีความหวังขึ้นมา
“อาจารย์ของกวนเย่วชื่อหยางเฉิน ข้างกายยังมีเพื่อนสนิทชื่อหม่าชาวอยู่ด้วย พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของหม่าชาว”
กวนซินหรี่ตาลงและพูดว่า “พรุ่งนี้ ฉันจะบอกให้หยางเฉินรู้ว่าผลลัพธ์จากการที่กล้าต่อต้านฉันนั้นเป็นอย่างไร”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่หยางเฉินออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็ไปที่ฝ่ายขายของเมืองในฝัน
พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของหม่าชาว ในฐานะที่หมีเสวี่ยเป็นญาติทางสายเลือดเพียงคนเดียวของหม่าชาว เธอต้องมาอยู่แล้ว
แม้ว่าเฉียนเปียวจะตามหาหมีเสวี่ยพบแล้วก็ตาม แต่กลับไม่ได้ทำให้ชัดเจนว่า หมีเสวี่ยยังมีพี่ชายแท้ๆ อยู่บนโลกนี้
“ประธานหยาง คุณมาแล้วเหรอ!”
ทันทีที่หยางเฉินเข้าไปในฝ่ายขายของเมืองในฝัน พนักงานหลายคนก็ก้าวออกมาต้อนรับทันที
ผู้หญิงที่มีหน้าตาสวยอ่อนหวานเหล่านั้นต่างปรารถนาที่จะได้เกาะแกะหยางเฉิน
“แล้วหมีเสวี่ยล่ะครับ?”
หยางเฉินถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ผู้จัดการหมีกำลังเก็บของใช้ส่วนตัวอยู่ค่ะ อีกไม่กี่วันเธอก็จะไปทำงานในสำนักงานใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์เมืองในฝันแล้ว”
สาวสวยคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าอิจฉา เธอพูดพร้อมกับชี้ไปที่ห้องทำงานข้างใน “ประธานหยาง ให้ฉันไปเรียกหมีเสวี่ยมาไหมคะ?”
หยางเฉินปฏิเสธ “เดี๋ยวผมไปหาเอง”
ภายใต้ความชื่นชมอิจฉาจากบรรดาสาวสวย หยางเฉินได้เข้าไปภายในห้องทำงาน
ในเวลานี้ บนโต๊ะทำงานของหมีเสวี่ยมีเอกสารกองใหญ่วางอยู่อย่างเป็นระเบียบ
เธอกำลังใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดห้องทำงานอยู่
ช่างเป็นหญิงสาวจิตใจดีเหลือเกิน! เธอกำลังจะออกจากฝ่ายขายแล้ว แต่ก็ยังทำความสะอาดห้องทำงานให้สะอาดก่อนไป
เมื่อก่อนหยางเฉินยังเคยกังวลว่า น้องสาวของหม่าชาวจะเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่ตอนนี้เขาไม่กังวลเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกยินดีแทนหม่าชาว
เมื่อมองไปที่หมีเสวี่ยที่กำลังเก็บกวาดทำความสะอาดห้องทำงานอย่างตั้งใจ หยางเฉินก็ไม่อยากรบกวนเธอและยืนรออยู่ที่ประตู
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน หมีเสวี่ยก็ปัดกวาดเช็ดถูห้องทำงานเสร็จเรียบร้อย ขณะที่กำลังวางผ้าเช็ดฝุ่นลง ก็เห็นหยางเฉินยืนอยู่ที่ประตู
“พี่หยาง คุณมาที่นี่ทำไมคะ?”
หมีเสวี่ยรู้สึกแปลกใจและดีใจ จากนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออก จึงถามด้วยความประหลาดใจ “พี่หยาง คุณคงไม่ได้มาถึงนานแล้วและยืนรอฉันอยู่ตรงนี้ตลอดหรอกนะคะ?”
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย “ผมเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน คุณทำงานก่อนเถอะ”
หมีเสวี่ยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอวางผ้าปัดฝุ่นลงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่หยาง คุณมาหาฉันมีอะไรให้ช่วยไหม?”
“ผมเห็นว่ากำลังจะเลิกงานแล้ว อยากชวนคุณไปรับประทานอาหารค่ำสักมื้อ แต่ไม่รู้ว่าเสียวเสวี่ยจะให้โอกาสพี่หยางหรือเปล่า”
หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พี่หยางพูดไปถึงไหนละ ต่อหน้าพี่หยางฉันจะถือหน้าถือตาไปทำไมล่ะ? พี่หยางชวนฉันกินข้าว ฉันต้องดีใจมากกว่า! จะปฏิเสธได้อย่างไร?”
หมีเสวี่ยยิ้มพลางมองดูเวลาแล้วบอกว่า “แต่ยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนเลิกงาน นี่เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะทำงานในฝ่ายขาย ฉันอยากจะอยู่ทำงานวันสุดท้ายให้ครบ”
“โอเค งั้นผมจะรอคุณข้างนอกนะ”
หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่เขากำลังจะออกไปข้างนอก หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็บุกเข้ามาอย่างดุดัน
“หมีเสวี่ยอยู่ไหน? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
หญิงวัยกลางคนแผดเสียงลั่นทันทีที่เข้ามาในฝ่ายขาย
หยางเฉินที่กำลังจะออกไป จู่ๆ ก็หยุดลงและอดหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้
“สวัสดีครับ ผมเป็นหัวหน้าของหมีเสวี่ย ไม่ทราบว่ามาหาหมีเสวี่ยด้วยเรื่องอะไรเหรอครับ?”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้เข้าถือหุ้นในอสังหาริมทรัพย์เมืองในฝันแล้ว และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดด้วย แท้จริงแล้วหยางเฉินก็ถือว่าเป็นหัวหน้าระดับสูงของหมีเสวี่ยเช่นกัน
หญิงวัยกลางคนมองมาที่หยางเฉินและยิ้มเยาะ “ฉันมาหาลูกสาวของฉัน มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย? หมีเสวี่ย นังตัวดีอยู่ที่ไหน? หลบหน้าอีกแล้วเหรอ? บอกให้เธอรีบออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้”
“หุบปาก!”
หยางเฉินตะโกนอย่างโกรธจัด