The king of War - บทที่ 900 โลงศพสีแดง
หยางเฉินพยักหน้าเบาๆ ยิ้มและมองอ้ายหมิงซวี่ จากนั้นจึงพูดว่า “ลุงอ้าย ต่อไปเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องห่างเหินกันขนาดนั้น เรียกชื่อผมก็พอแล้ว”
ทันใดนั้น สีหน้าของอ้ายหมิงซวี่ เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
เพราะตอนแรก เขาคัดค้านไม่ให้อ้ายหลินกับหม่าชาวอยู่ด้วยกัน ถึงขนาดไล่อ้ายหลินออกจากบ้าน เพราะเรื่องนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินออกหน้า กลัวว่าตอนนี้อ้ายหลิน คงยังไม่มีทางได้กลับตระกูล
“คุณไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่า ก็ดีแล้ว”
สองสามีภรรยาอ้ายหมิงซวี่ รีบพูดขึ้นทันที
พวกเขารู้ดี ตอนนี้คนหนุ่มตรงหน้า เป็นจุดสนใจยิ่งใหญ่ขนาดไหนในเมืองเยี่ยนตู
ข่าวลือว่าคนในตระกูลเดอะคิงหลายตระกูล มาหาหยางเฉินด้วยตัวเอง เพื่อแสดงว่ายอมสนับสนุนให้หยางเฉิน เป็นคิงแห่งเยี่ยนตู
คิงแห่งเยี่ยนตูหมายถึงอะไรน่ะเหรอ การเป็นคนในตระกูลใหญ่แห่งเมืองเยี่ยนตู พวกเขารู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว
หม่าชาวเป็นเพื่อนพี่น้องที่ดีของหยางเฉิน แถมยังเป็นลูกเขยของพวกเขา นี่เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของตระกูลอ้าย เป็นโอกาสที่จะเจริญรุ่งเรือง
ดูเวลาใกล้จะสิบโมงแล้ว ภายในโรงแรมเยี่ยนตู เต็มไปด้วยผู้คน ขนาดงานแต่งของหยางเฉินที่เจียงโจวในตอนนั้น ยังไม่มีคนเยอะขนาดนี้
ขณะนั้น ประตูห้องจัดเลี้ยงค่อยๆ ปิดลง เสียงเพลงอันไพเราะในงานแต่งดังขึ้น พิธีกรงานแต่งปรากฏตัวกลางเวที
งานแต่งของหม่าชาว เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!
“วันนี้หม่าชาวทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง เดินมาถึงงานแต่งของตัวเอง”
“มิตรสหายในที่นี้ เราช่วยปรบมือ ส่งเสียงเชียร์เขากันครับ!”
หลังพิธีกรงานแต่งพูดต้อนรับเสร็จ บรรยากาศในงานถึงจุดพีค
หม่าชาวในชุดสูท เดินเข้ามาช้าๆ
ขณะนั้น แสงไฟในห้องจัดเลี้ยงส่องมาบนตัวหม่าชาว เคลื่อนไปตามการเคลื่อนไหวของหม่าชาว
วันนี้หม่าชาวแต่งตัวหล่อเท่มาก นี่เป็นครั้งแรกที่หยางเฉินเห็นเขาสวมสูท
ในมือมีดอกไม้สดช่อใหญ่ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
“มิตรสหายทั้งหลาย เจ้าบ่าวมาถึงตรงหน้าเราแล้ว วันนี้เขาจะสานช่อดอกไม้แห่งความรัก ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสุข มอบให้แก่ผู้หญิงที่เขารักด้วยชีวิตอย่างจริงใจ”
“โอเคครับ พวกเราช่วยปรบมือ เชิญเจ้าสาวที่สวยที่สุดในวันนี้ เข้ามาในงานอย่างมีความสุขกันครับ!”
พิธีกรงานแต่งพูดจบ เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วงาน
ประตูขนาดใหญ่ปลายพรมแดง ค่อยๆ เปิดออก อ้ายหลินปรากฏตัวต่อสายตาทุกคน
วินาทีที่เธอปรากฏตัว ทั้งงานส่งเสียงโห่ร้องขึ้น
เดิมทีอ้ายหลินเป็นผู้หญิงสวยอยู่แล้ว แต่วันนี้เธอสวยยิ่งกว่า
ตอนนี้ เธอกำลังคล้องแขนพ่ออย่างอ้ายหมิงซวี่ เดินเข้ามาช้าๆ
“ที่รัก โรแมนติกมากเลย!”
ฉินซีพูดด้วยใบหน้าอิจฉา
ถึงเธอแต่งงานมีลูกกับหยางเฉินแล้ว แต่เธอเคยไม่มีความรู้สึกกับหยางเฉิน ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ขนาดงานแต่ง ก็ทำไปพอเป็นพิธี ไม่ได้โรแมนติกเหมือนงานแต่งในตอนนี้สักนิด
หลังจากนั้น หยางเฉินขอแต่งงานที่โรงแรมสตาร์ไลท์ ในเจียงโจว แต่กลับโดนฉินซีปฏิเสธ
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดีขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่เคยมีงานแต่งแบบนี้
จู่ๆ หยางเฉินรู้สึกโทษตัวเอง เขาจับมือภรรยาแน่น แล้วพูดว่า “วันนี้ผมจองตั๋วเครื่องบิน เราไปถ่ายรูปแต่งงานกันใหม่ จากนั้นจัดงานแต่งชดเชยให้คุณ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ฉินซียิ้มบางๆ และส่ายหน้า เธอจับมือหยางเฉินแน่น “ที่รัก การได้อยู่กับคุณ ก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว”
ถึงฉินซีจะปฏิเสธ แต่หยางเฉินกลับจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ
ตอนทั้งสองกำลังพลอดรักกัน งานแต่งก็ถึงช่วงเวลาสำคัญ
“ขอสอบถามเจ้าบ่าว คุณจะรับคุณอ้ายหลินเป็นภรรยาของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี ชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”
พิธีกรงานแต่ง ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
มองใบหน้างดงามที่อยู่ใกล้ตรงหน้า สีหน้าหม่าชาวเต็มไปด้วยความตื้นตัน เขาพูดเสียงดังอย่างไม่ลังเล “ยอมรับครับ!”
จากนั้น พิธีกรงานแต่งหันไปหาอ้ายหลิน แล้วถามว่า “ขอสอบถามเจ้าสาว คุณจะรับคุณหม่าชาวเป็นสามีของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี ชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”
ขณะนั้น สายตาของทุกคนมองไปที่อ้ายหลิน
น้ำตาซึมตรงหางตาอ้ายหลิน เธอรอวันนี้มานานมากแล้ว จะไม่ยอมรับได้อย่างไรล่ะ
“ฉัน……”
อ้ายหลินกำลังจะเอ่ยปาก เตรียมจะพูดสามคำออกจากปาก มีเสียง “ตู้ม” ดังสนั่น ประตูห้องจัดเลี้ยง โดนรถบรรทุกขนาดใหญ่ชน
“ตระกูลเดอะคิงตระกูลกวน ขอให้งานแต่งของหม่าชาวโศกเศร้า มอบโลงศพให้หนึ่งโลง!”
จู่ๆ มีเสียงเฉยชาดังขึ้น
“ตู้ม!”
เสียงดังสนั่น โลงศพสีแดงโลงหนึ่ง ถูกโยนลงมาจากรถบรรทุก
วินาทีนั้น ทุกคนถึงกับตกตะลึง มองแขกไม่ได้รับเชิญด้วยสีหน้าอึ้ง
ขณะนั้น สายตาของทุกคนมองไปยังคนที่พูดประโยคนี้ออกมา
สายตาของหยางเฉินก็มองไปเช่นกัน คนที่นำมาเป็นชายใบหน้าวัยกลางคน คนที่พูดว่าส่งโลงศพ ก็คือเขา
อีกทั้งคนนี้ หยางเฉินก็เคยเจอ เป็นอาสองของกวนเย่ว อีกทั้งยังเป็นพ่อของกวนซิน เขาคือ กวนหงเหว่ย
เมื่อวาน กวนหงเหว่ยยังไปโรงพยาบาล พยายามสั่งสอนกวนเย่ว ถ้าไม่ใช่เพราะกวนเย่ววิงวอน หยางเฉินคงจัดการกวนหงเหว่ยด้วยตัวเองไปแล้ว
แต่ว่าเฉียนเปียวปรากฏตัว ตบหน้ากวนหงเหว่ยไปหลายที
หยางเฉินจึงทำเพียงมองกวนหงเหว่ย และสายตาไปหยุดลงตรงร่างอันคุ้นเคย ข้างหลัง กวนหงเหว่ย
เป็นกวนซินที่เกือบโดนหยางเฉินฆ่า
ก่อนหน้านี้ กวนเย่วบอกเขา การมาเมืองเยี่ยนตูครั้งนี้ กวนซินเป็นผู้รับผิดชอบ ที่ถูกกษัตริย์กวนส่งมาเมืองเยี่ยนตู
แต่วันนี้ กวนหงเหว่ยพ่อของเธอ กลับมาที่เมืองเยี่ยนตู เห็นได้ชัดว่ากวนหงเหว่ยในตอนนี้ เป็นผู้รับผิดชอบตระกูลกวนในเมืองเยี่ยนตู
“ตระกูลเดอะคิงตระกูลกวน เหรอ เมืองเยี่ยนตูมีตระกูลแบบนี้เหรอ”
“โง่ เมืองเยี่ยนตูจะมีตระกูลเดอะคิงได้ยังไง มองไปในจิ่วโจว มีตระกูลเดอะคิงทั้งห้า ตระกูลคิงกวนเป็นหนึ่งในนั้น”
“โอ้พระเจ้า! คนของตระกูลเดอะคิงตระกูลกวน ก็มาเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
ทันใดนั้น แขกจำนวนมากตกตะลึงมาก ถึงขนาดที่มีบางคน ไม่เคยได้ยินตระกูลเดอะคิง
“ขอถามหน่อย คุณคือใคร”
ขณะนั้น อ้ายหมิงซวี่พ่อของอ้ายหลิน เดินเข้ามา ถามอย่างหวาดระแวง
ถึงอีกฝ่ายพูดว่าตัวเอง เป็นคนของตระกูลเดอะคิงตระกูลกวน แต่วันนี้เป็นงานมงคลของหม่าชาวกับอ้ายหลิน คนเป็นพ่อของอ้ายหลินอย่างเขา ต้องออกหน้าอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้อ้ายหมิงซวี่คิดไม่ออก ตระกูลเดอะคิงตระกูลกวน เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมถึงมาอยู่ในงานแต่งล่ะ
ถ้าอีกฝ่ายมาอวยพรจริงๆ ก็ดี แต่อีกฝ่ายกลับเอาโลงศพมาให้ เห็นได้ชัดว่ามาอย่างไม่เป็นมิตร
หม่าชาวที่เป็นเจ้าบ่าว ก็โมโหเป็นอย่างมาก ดวงตาแดงก่ำ จ้องกวนหงเหว่ยเขม็ง
“เพียะ!”
ชายวัยกลางคนตบหน้าอ้ายหมิงซวี่ จนตัวของอ้ายหมิงซวี่กระเด็นออกไปไกลเป็นเมตร
ในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความเงียบ ทุกคนมองไปยังชายวัยกลางคน ด้วยสีหน้าตกตะลึง
ทำให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งกระเด็นไปด้วยตบเดียว นี่ต้องใช้แรงที่น่าหวาดผวาขนาดไหนกัน
“พ่อ!”
อ้ายหลินกรีดร้องออกมา และรีบวิ่งเข้าไปหาอ้ายหมิงซวี่
ดวงตาทั้งสองข้างของหม่าชาว จ้องเขม็งไปที่ชายวัยกลางคน เขากัดฟันแล้วพูดว่า “พวกนายทำเกินไปแล้ว!”
ขณะนั้น กวนซินเดินขึ้นมา มองหม่าชาวด้วยแววตาเยาะเย้ย แล้วพูดว่า “ไม่เกินไปสักนิด ทำแบบนี้เพราะเพื่อนพี่น้องที่ดีของนาย เขากล้าล่วงเกินตระกูลกวนของเรา เราเลยทำได้เพียงมาคิดบัญชีในวันนี้”
สีหน้าของหม่าชาวชะงักไป มองหยางเฉินด้วยใบหน้าสับสน