The king of War - บทที่ 937 ตบหน้า
เธอกัดฟัน
“ก็แล้วแต่สิ!”
กวนเย่วยิ้มบางๆ “ในเมื่อเธอไม่ตบ งั้นฉันคงต้องพูดเรื่องที่เธอด่าสามีในอนาคตของฉัน ว่าเป็นคนโง่เมื่อกี้”
พูดจบ เธอลุกขึ้นช้าๆ เตรียมจะออกไป
แต่ทว่ายังไม่ทันได้ก้าว เธอรู้สึกถึงแผลที่โดนยิงด้านหลัง กำลังจะปริออก
แม้เป็นเช่นนี้ เธอยังสะกดกลั้นความเจ็บปวด และเดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง
ขณะที่เห็นกวนเย่วกำลังจะไป กวนฉินตะโกนออกมาอย่างอดไม่ไหว “ฉันตบ!”
“เพียะ!”
“เพียะ!”
……
เสียงตบชัดเจน ดังสนั่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กวนฉินใช้แรงจริงๆ ตบแต่ละที เสียงดังมาก ตบลงบนใบหน้า จนหน้าแสบร้อน
แต่เธอไม่ทำแบบนี้ไม่ได้ ขืนกวนเย่วพูดเรื่องที่ตัวเองว่าอู่จื่อไคเป็นคนโง่ ตระกูลอู่หวงต้องไม่ปล่อยเธอแน่นอน
“หวังว่าเธอจะรักษาสัญญา!”
กวนฉินตบตัวเองสิบที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรองพื้น บวมเป่งขึ้นมา
เธอจ้องกวนเย่วอย่างเคียดแค้น จากนั้นก็รีบเดินออกไป กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ และสู้กับกวนเย่วจนสุดชีวิต
มองแผ่นหลังกวนฉินวิ่งกุลีกุจอออกไป กวนเย่วรู้สึกว่าจิตใจเบิกบานเป็นอย่างมาก เธอแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “สวะที่โดนตระกูลเสียสละ คิดว่าตัวเองสำคัญจริงๆ เหรอ”
พูดจบ เธอกัดฟัน เดินเข้าห้องโถงงานเลี้ยง
“กวนเย่วล่ะ”
กวนฉินมาถึงห้องโถงงานเลี้ยงก่อน กวนหงอี้เห็นกวนฉินมาเพียงคนเดียว จึงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
“คุณลุง กวนเย่วอยู่ด้านหลัง ใกล้มาถึงแล้ว”
กวนฉินสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ แล้วเอ่ยขึ้น
“หน้าเธอเป็นอะไรไป”
จู่ๆ กวนหงอี้มองหน้ากวนฉิน และถามอย่างสงสัย
คนอื่นต่างมองมาที่หน้ากวนฉิน ทันใดนั้น กวนฉินรู้สึกเหมือนโดนแก้ผ้าต่อหน้าทุกคน
“หน้าเธอทุเรศมาก โดนกระทะแบนฟาดหน้ามาเหรอ”
อู่จื่อไคที่กำลังเล่น Game for Peace จู่ๆ เขาชี้มาที่หน้ากวนฉิน แล้วหัวเราะเสียงดัง
สีหน้าของกวนฉินชะงักไป สีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก
คิดไม่ถึงว่าอู่จื่อไคจะว่าเธอทุเรศ นี่เป็นเรื่องที่ทนไม่ได้จริงๆ
แต่เธอจะทำอะไรได้เหรอ
อู่จื่อไคเป็นลูกชายของอู่หนิงเชียวนะ โดนโอ๋เป็นอย่างมาก
อู่หนิงเป็นผู้จัดการเรื่องต่างๆ ในฝ่ายรองของตระกูลอู่หวง อย่าว่าแต่เธอเลย ถึงแม่สามีเธอ ก็ไม่กล้าล่วงเกินอู่หนิง
“ไม่ได้ ยังตบไม่สะใจพอ ฉันจะตบอีก!”
จู่ๆ อู่จื่อไคพูดเสียงดัง “ไหนกระทะแบนของฉันล่ะ เอามาให้ฉันเร็ว ฉันจะทำให้ผู้หญิงทุเรศคนนี้ ตายตั้งแต่โดดร่มลงมาเลย!”
“คุณชาย นี่กระทะแบนครับ!”
พ่อบ้านที่อยู่ด้านหลังอู่จื่อไค รีบเอากระทะแบนออกมาจากกระเป๋าลากที่เอาติดตัวมา
อู่หนิงไม่มีท่าทีว่าจะขัดขวาง กลับกันยังมองกวนฉิน แล้วพูดว่า “เสี่ยวฉิน เธอก็รู้ว่าจื่อไคชอบอะไรแบบนี้ เธอก็บาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ไปก็แล้วกัน”
“ฉัน ฉัน……”
จู่ๆ กวนฉินไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร
อู่หนิงพูดเอง เธอจะพูดอะไรได้อีก
“ปัก ปัก ปัก!”
อู่จื่อไคพุ่งไปข้างหน้ากวนฉิน เขายกกระทะแบนขึ้น และฟาดลงไปบนหน้ากวนฉินอย่างแรง ทำติดต่อกันหลายครั้ง เพียงพริบตา ใบหน้าของกวนฉินเต็มไปด้วยเลือด
“โอ้ว! ผู้หญิงทุเรศคนนี้ ไม่มีหมวกสาม เกราะสาม แต่มีพลังป้องกันเยอะขนาดนี้”
อู่จื่อไคมีท่าทีตกใจ “แต่มันจะยังไงล่ะ ฉันใช้กระทะแบน ก็สามารถทำให้เธอตายตั้งแต่โดดร่มลงมา!”
“ปัก ปัก ปัก!”
อู่จื่อไคใช้กระทะแบนฟาดลงบนหน้าของกวนฉิน อย่างแรงอีกหลายครั้ง
“อ๊าก……”
กวนฉินร้องโอดครวญอย่างน่าเวทนา ตาเหลือกทั้งสองข้าง จากนั้นก็สลบไปทันที
“ฮ่าๆ นังผู้หญิงทุเรศคนนี้ ตายตั้งแต่โดดร่มลงมาแล้ว!”
เมื่อเห็นกวนฉินล้มลงบนพื้น อู่จื่อไคดีใจมาก “พ่อ ผมเก่งไหม ใช้กระทะแบน ทำให้ผู้หญิงทุเรศคนนี้ ตายตั้งแต่โดดร่มลงมา”
อู่หนิงลูบหัวอู่จื่อไคด้วยใบหน้าเอ็นดู ยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกชายฉันเก่งจริงๆ!”
ทุกคนที่อยู่ในนี้ ต่างพากันตะลึง มีคนรังแกคนอื่นแบบนี้ด้วยเหรอ
แต่กวนฉินแต่งงานออกไปแล้ว ถึงโดนอู่จื่อไคตีจนตายตรงนี้ ก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลคิงกวนสักนิด
กวนหงอี้มุมปากกระตุก แต่ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงกวักมือ “เอาผู้หญิงทุเรศ ที่ตายตั้งแต่โดดร่มลงมาคนนี้ โยนออกไปข้างนอก!”
“ครับ!”
ผู้คุ้มกันของตระกูลกวนคิงสองคน รีบเข้ามา ยกกวนฉินออกไปข้างนอก
เพิ่งเดินถึงประตู กวนฉินก็สะลึมสะลือฟื้นขึ้นมา
“กวนเย่ว เพราะผู้หญิงต่ำตมอย่างเธอ เพราะผู้หญิงต่ำตมอย่างเธอ!”
เธอตะโกนในใจอย่างบ้าคลั่ง
แต่เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา ยังไม่ทันได้ตั้งสติ ผู้คุ้มกันทั้งสองคน โยนเธอออกไป ราวกับโยนขยะ
“พลั่ก!”
ตัวของเธอกระแทกกับพื้นอย่างแรง แถมหัวยังกระแทกกับต้นสน ที่อยู่หน้าประตูห้องโถงงานเลี้ยง กวนฉินตาเหลือก และสลบไปอีกครั้ง
กวนเย่วที่เพิ่งมา เห็นภาพทั้งหมดด้วยตาตัวเอง จู่ๆ เธอถึงกับอึ้งไป
“อย่าบอกนะว่า คนของตระกูลอู่หวงรู้แล้วว่า กวนฉินว่าอู่จื่อไคเป็นคนโง่” เธอพูดพึมพำกับตัวเอง
แต่เธอแค่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังห้องโถงงานเลี้ยง
“เสี่ยวเย่ว ในที่สุดเธอก็มา”
กวนเย่วเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถง กวนหงอี้ยิ้มและเอ่ยขึ้น
เมื่อก่อนตอนเจอกวนเย่ว อย่าว่าแต่ยิ้ม ขนาดมองยังไม่มองเลย
แต่ตอนนี้ กวนเย่วแต่งเข้ามาในตระกูลอู่หวง ต่อไปจะเป็นลูกสะใภ้ของหัวหน้ารองของตระกูลอู่หวง ฐานะและตำแหน่งพลอยดีไปด้วย
ส่วนถ้ากวนหงอี้อยากมีตำแหน่ง ต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอู่หวง และหลังจากที่กวนเย่ว กลายเป็นภรรยาของลูกชายหัวหน้ารอง แค่เธอยอมช่วยเขา โอกาสที่เขาจะมีตำแหน่งสูงขึ้น จึงมีมากขึ้นไม่น้อย
กวนเย่วไม่สนใจกวนหงอี้ สายตามองไปยังอู่จื่อไค
เธอรู้จักคนของตระกูลคิงกวน มีเพียงอู่หนิงกับอู่จื่อไค ที่เป็นคนแปลกหน้า คนที่เธอจะแต่งด้วย คงเป็นอู่จื่อไคสินะ
“เธอคือภรรยาฉันหรือเปล่า”
อู่จื่อไคพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “สวยกว่านังผู้หญิงทุเรศเมื่อกี้ตั้งเยอะ”
อู่หนิงก็มองกวนเย่ว และหยักหน้าอย่างพอใจมาก “ไม่เลว มีคุณสมบัติเป็นลูกสะใภ้ของฉัน!”
“กวนเย่ว ยังไม่รีบมาหาพ่อสามีของเธออีก”
เห็นกวนเย่วเหม่อ กวนหงอี้จึงพูดเร่ง
กวนเย่วหัวเราะเยาะตัวเอง “ฉันยังไม่เคยรับปากว่าจะแต่งงาน และไม่เคยพูดว่าจะแต่งกับคนโง่”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนถึงกับเงียบกริบ
ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง กวนหงอี้เบิกตาโต เขารู้ว่ากวนเย่วไม่ยอมแต่งเข้าตระกูลอู่หวง แต่คิดไม่ถึงว่ากวนเย่วจะกล้าขนาดนี้ พูดว่าอู่จื่อเป็นคนโง่ ต่อหน้าอู่หนิง
สีหน้าอู่หนิงชะงักไป เขาคิดไม่ถึงว่า ในตระกูลคิงกวน จะมีคนกล้าว่าลูกชายของเขาแบบนี้
เขามีอู่จื่อไคเป็นลูกชายเพียงคนเดียว ถึงเป็นคนโง่ แต่ไม่เคยมีใครพูดต่อหน้าเขา
เรียกได้ว่า อู่จื่อไคเป็นสิ่งที่เขาหวงแหนมาก แตะต้องถึงตาย!
“พรึ่บ!”
วินาทีต่อมา อู่หนิงหายไปจากที่เดิม
ตอนปรากฏตัว เขามายืนตรงหน้ากวนเย่ว มองกวนเย่วอย่างเย่อหยิ่ง แล้วพูดว่า “กล้าดูหมื่นลูกชายฉัน ตาย!”
เมื่อพูดจบ เขาง้างมือขวาขึ้นทันที และฟาดลงไปทางหัวของกวนเย่วอย่างแรง
“พ่อ อย่าฆ่าเธอ!”
อู่จื่อไคตะโกนออกมาทันที
ขณะเดียวกัน พลานุภาพอันทรงพลังถาโถมเข้ามา ตามมาด้วยเงาดำพุ่งไปหาอู่หนิง