The king of War - บทที่ 94 ฉินซีตื่นรู้
ฉินเฟยไม่ได้อยากจะฆ่าฉินซี แต่อยากจะเอาตัวฉินซีมาเป็นตัวประกันเพื่อหนีไป
มีเพียงหนีออกไปจากที่นี่ เขาถึงจะมีโอกาสหายอดฝีมือมารับมือกับหยางเฉิน
“พี่ระวังด้วย!”
มุมที่ฉินยีอยู่ ก็สามารถเห็นทุกอย่างได้พอดี แล้วก็ตะโกนออกมา
หยางเฉินก็ไม่คิดเลยว่า ฉินเฟยจะกล้าใช้มีดไปจับตัวฉินซีล็อกไว้
“ฟื้ว!”
มีดของฉินเฟยก็ไปปักที่หน้าอกของหยางเฉิน โลหิตก็ค่อยๆ ไหลออกมาราวกับดอกกุหลาบกำลังแย้มบานอยู่บนหน้าอกหยางเฉิน ไม่นานก็แดงเถือกไปทั้งเสื้อของหยางเฉิน
เวลาก็เหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ทุกคนล้วนนิ่งอึ้งหน้านิ่งไปกันหมด
ส่วนฉินเฟย ก็มีใบหน้าตกใจ จริงอยู่ว่าเขาอยากได้ชีวิตของหยางเฉิน แต่ก็รู้ดีว่าตนเองไม่ชึคู่ต่อสู้ของหยางเฉิน แต่ไม่คิดเลยว่าในช่วงความวุ่นวาย จะแทงหยางเฉินเข้าไปอย่างจัง
“หยางเฉิน!”
“พี่เขยค่ะ!”
ฉินซีและฉินยีก็แทบจะตะโกนออกมาพร้อมกัน ฉินยีพุ่งเข้ามาอย่างกับลม
ฉินเฟยก็ตั้งสติมาได้ช้าๆ แล้วก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งว่า “หยางเฉิน ในที่สุดมึงก็มีวันนี้ ฮ่าๆๆ”
สายตของหยางเฉินก็แหลมคมขึ้นมาในทันใด “ทำชั่วไว้ ไม่สมควรมีชีวิตอยู่!”
พอสิ้นเสียง หยางเฉินก็เตะขาออกไป ฉินเฟยก็ลอยออกไปกลางอากาศแล้วตกลงไปในโลงศพอย่างแรง เหมือนกับบอดี้การ์ดที่เขาจ้างมา
ด้วยพลังของหยางเฉิน เมื่อตอนที่เท้าสัมผัสกับตัวของฉินเฟยนั้น ฉินเฟยก็สลบไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น
จากนั้นหยางเฉินก็ดึงมีดที่หน้าอกออกมา แล้วโยนทิ้งที่พื้น
อาการบาดเจ็บระดับนี้ สำหรับเขาแล้ว มันเล็กน้อยมาก เมื่อก่อนตอนที่อยู่ชายแดนเหนือ เกือบจะทิ้งชีวิตไว้ที่สงครามหลายครั้ง ร่างกายของเขาล้วนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น
“หยางเฉิน เดี๋ยวฉันจะพาไปส่งโรงพยาบาล” ฉินซีเห็นเสื้อของหยางเฉินแดงเถือกไปหมด เธอก็อดน้ำตาไหลไม่ได้
ฉินยีก็ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มเหมือนกัน พูดโดยไม่รอให้หยางเฉินห้ามเลยว่า “พี่คะ เดี๋ยวหนูรีบไปสตาทรถรอเลย พี่พยุงพี่เขยมาเลยค่ะ”
พูดจบ ฉินยีก็วิ่งไปสตาทรถ
ในตอนที่หยางเฉินกำลังโมโหกับตระกูลฉินนั้น ในใจกลับมีความอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นฉินซีหรือว่าฉินยี ตอนนี้ก็กำลังวุ่นวายกัน มันช่างดีกว่ายาแก้ปวดหลายเท่า
“เสี่ยวซี ไม่ต้องกังวลแบบนี้ก็ได้ แผลเล็กน้อยแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก” หยางเฉินปลอบใจ
“หยุดพูดไปเลย!” ฉินซีน้ำตาไหลอาบหน้า แล้วก็ดุไปทางหยางเฉิน “คุณไม่ต้องพูดเลย เก็บแรงไว้ไปโรงพยาบาล”
หยางเฉินรู้ว่าฉินซีเป็นห่วง ในใจนอกจากจะทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ยังมีความซาบซึ้ง ในตอนนี้หม่าชาวก็เข้ามา พอเห็นสีหน้าของหยางเฉิน ก็รู้ได้ว่าแผลแค่นี้ไม่เป็นอะไรมาก
“เรื่องที่เหลือก็ให้คุณจัดการด้วยแล้วกัน เดี๋ยวสักพักผมจะไปหาคุณที่บ้านตระกูลฉิน” หยางเฉินสั่งการออกไป แล้วก็ถูกฉินซีค่อยๆ พยุงขึ้นรถไปอย่างระวัง
ระหว่างทาง ฉินยีเหยียบคันเร่งจนมิด ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล
สาวสวยพยุงหยางเฉินซ้ายขวา มีคนไม่น้อยมองหยางเฉินด้วยความอิจฉา
หลังจากรอหมอดูอาการของหยางเฉินแล้ว ก็พูดว่า “แค่บาดเจ็บภายนอก พวกคุณไม่ต้องตื่นตกใจไปครับ!”
“บาดเจ็บภายนอกงั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไรกัน? เขาถูกแทงมานะ เลือดไหลเลอะเสื้อไปหมด” ฉินซีและฉินยีก็ไม่พอใจ คิดว่าหมอพูดมั่วซั่ว
ในโรงพยาบาล สิ่งที่หมอไม่ชอบที่สุดก็คือ การถามเอาเรื่อง ก็เป็นดังนั้นจริง ฉินซีไปถามหมออย่างเอาเรื่อง ทำให้หมอพูดอย่างไม่พอใจว่า “ถ้าไม่เชื่อผม พวกคุณก็ไปถามหมอคนอื่น อย่ามาทำให้คนไข้คนอื่นเสียเวลา”
สองสาวก็กำลังจะเอาความต่อ หยางเฉินก็รีบมาห้ามไว้ “ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ฉินเฟยเอามีดมาบาดผิวหนังผมเท่านั้นเอง” ก็เลยมีเลือดไหลเยอะ
เขาพูดไป แล้วก็เปิดแผลให้สองสาวดูด้วยตาตัวเอง เมื่อครู่พยาบาลได้ทำแผลให้เขาแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงรอยแผลบางๆ จากมีดบาด
พอเห็นดังนั้น ฉินซีกับฉินยีก็ทำหน้าไม่เชื่อ
“เป็นไปได้อย่างไร? ก็เห็นมากับตา ว่ามีดมันแทงเข้าไปมิดด้ามเลย” ฉินซีถามอย่างตกใจ
หยางเฉินก็ยิ้มๆ “พวกคุณมองผิดไปแล้วล่ะ ฉินเฟยมันแทงเข้าไปในเสื้อจนมิดด้ามจริง แต่จริงๆ แล้วปลายมีดบาดเข้าเนื้อผมเท่านั้นเอง”
สองสาวก็ยังตั้งสติกลับมาไม่ได้อยู่นาน รู้สึกว่าเหมือนหยางเฉินจะมีอะไรปิดดบังพวกเธออยู่
พอกลับมาที่บ้าน พวกคนงานรื้อบ้านกับคนส่งโลงศพก็กลับไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงความพังทลายของบ้านไว้
มุมหนึ่งของบ้านเดี่ยวถูกขุดไปออกไป ถึงแม้จะยังเข้าอยู่ได้ แต่ก็มีความอันตรายมาก
“พวกคุณกลับไปทำงานที่บริษัทก่อน เดี๋ยวผมจะไปบ้านตระกูลฉินเสียหน่อย”
หลังจากหยางเฉินลงรถ ก็พูดขึ้น
“หยางเฉิน ปล่อยตระกูลฉินไปได้ไหม?” ฉินซีเอ่ยขึ้นมา
สิ่งที่ตระกูลฉินทำอย่าง ล้วนทำร้ายจิตใจของเธอ แต่เธอก็โตมาในตระกูลฉิน ก็ยังมีความรู้สึกดีกับตระกูลตนเองอยู่บ้าง
“พี่ ตระกูลฉินทำกับเราขนาดนี้ พี่ยังไปขอร้องแทนพวกมันอีกหรือคะ?”
อารมณ์ของฉินยีร้อนขึ้นมาอย่างมาก “เมื่อคืน เสี้ยวเสี้ยวก็เกือบหายตัวไป วันนี้หยางเฉินก็ถูกพวกมันร้ายจนแทบตาย พี่ยังจะมีความรู้สึกดีๆ ให้กับทางตระกูลเราอีกหรือคะ?”
ฉินยีไม่ได้รู้สึกว่าตนเองพูดหลุดปากไป ใบหน้ามีแต่ความโมโห
เป็นดังนั้น พอฉินซีได้ยินประโยคนั้น ก็หน้าซีดขึ้นมา
เธอนึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนนี้หยางเฉินกับเสี้ยวเสี้ยวกลับบ้านมาดึกดื่น แล้วเสี้ยวเสี้ยวก็ไปอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
นอกจากนี้ ก็คือสิ่งที่ฉินยีพยายามช่วยอธิบายแทนหยางเฉิน
ทั้งหมดนี้มันบอกได้ว่า เมื่อคืนนี้เสี้ยวเสี้ยวได้รับอันตราย แต่หยางเฉินกับฉินยีปิดบังตนเองไว้
“เสี่ยวยี เธอว่าเมื่อคืนนี้ฉินยีเกลือบหายตัวไปงั้นหรือ? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” ฉินซีจ้องมองฉินยี
พอถูกฉินซีถามเข้าแบบนี้ ฉินยีก็หน้าเสีย แล้วก็รู้ตัวว่าตนเองพูดหลุดออกไป
“เมื่อคืนเสี้ยวเสี้ยวเกือบหายตัวไปหรือ? หนูไม่ได้พูดนี่คะ!พี่ฟังผิดไปหรือเปล่า?” ฉินยีรีบกลบเกลื่อน
ฉินซีตาแดงทั้งสองข้าง ส่ายหัวพูดว่า “เสี่ยวยี แต่เด็กเธอก็โกหกใครไม่เป็น ทุกครั้งที่โกหกใคร สายตาก็จะมองไปมองมา บอกพี่มา ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ฉินยียังอยากจะกลบเกลื่อนต่อไป หยางเฉินก็พูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวยี ในเมื่อเสี่ยวซีรู้เรื่องแล้ว ก็บอกความจริงเธอไปเถอะ!”
พอได้ยินหยางเฉินพูด ฉินยีก็ถอนหายใจ แล้วเล่าเรื่องเมื่อคืนทั้งหมดให้ฉินซีฟัง
เมื่อฉินซีรู้เรื่องว่าฟางเยว่มาหลอกเสี้ยวเสี้ยวไปจากโรงเรียน ใบหน้าก็โมโหมาก
แล้วก็เรื่องที่ฉินยีถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าคนมากมาย ฉินซีก็โมโหอย่างมาก
“แล้วเรื่องราวหลังจากนั้นล่ะ?” ฉินซีพยายามกลั้นความโมโหของตนเอง
ฉินยีก็ไม่มั่นใจ ได้แต่มองหยางเฉิน
หยางเฉินก็เล่าช่วงหลัง ที่ตามกวนเสว่เฟิงไปที่บ้านพักหลังหนึ่ง แล้วเจอเสี้ยวเสี้ยวที่ถูกขังกวนเสว่เฟิงกักขังไว้
เพียงแต่เรื่องที่ฟางเยว่ถูกคนนำตัวไป ไม่ได้เล่าออกมา
จนถึงตอนนี้ ฉินซีถึงรู้ว่าเมื่อคืนวานเกิดเรื่องมากมายแบบนี้ ส่วนตนเองกลับไปเข้าใจผิดว่าหยางเฉินไปมีผู้หญิงอื่น ในใจก็โทษตนเอง
“พี่คะ ตอนนี้พี่รู้เข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าทำไมวันนี้พี่เขยถึงจะฆ่าไอ้ฉินเฟยนั่นให้ได้? เขาไม่อยากให้เกิดแบบนี้ขึ้นอีก” ฉินยีพูดอย่างตั้งใจ
พูดจบ เธอก็มองหยางเฉินด้วยใบหน้ากังวล “พี่เขยคะ หนูรู้ว่าพี่เก่งมาก และอยากจะฆ่าฉินเฟย แต่ฆ่าคนมันผิดกฎหมาย พี่ก็ไว้ชีวิตฉินเฟยเสียเถอะ ถือสะว่าทำเพื่อพี่ฉินซีและเสี้ยวเสี้ยวนะคะ ส่วนตระกูลฉิน พี่จะทำอย่างไร หนูก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ”
“ก่อนหน้าฉันโง่เอง เห็นได้ชัดว่าทางตระกูลฮุบเอาทุกอย่างของฉันไป แถมยังไล่พวกเราออกจากตระกูลอีกด้วย ฉันก็ยังโง่ไปมีความรู้สึกดีกับพวกนั้นอีก ฉันผิดเอง”
ตอนนี้ฉินซีก็มองหยางเฉิน สีหน้าก็จริงจังมาก “หยางเฉิน เรื่องที่เหลือ คุณก็จัดการไปเลยเถอ!ขอเพียงไม่ฆ่าคน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ฉันจะเป็นกำลังใจให้คุณเอง!”