The king of War - บทที่ 949 สายเลือดตระกูลบู๊โบราณ
“แต่ว่า ผมสืบประวัติเขาจนรู้หมดแล้ว เขาไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลบู๊โบราณสักนิด เมื่อห้าปีก่อน เขาเป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัยธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น”
กษัตริย์กวนโกนธจนตัวสั่น จากนั้นจึงลุกจากเก้าอี้ ก้าวไปข้างหน้ากวนหงอี้ ง้างมือตบลงไปทันที
“เพียะ!”
เสียงตบดังสนั่นไปทั่วห้อง
ตัวของกวนหงอี้กระเด็นออกไป ตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง เลือดไหลออกจากมุมปากของเขา
เดิมทีแขนทั้งสองข้างก็พิการแล้ว ยังโดนกษัตริย์กวนตบหน้าจนปลิว ตอนนี้ทำไม่ได้แม้แต่คลานขึ้นมา
แต่หน้าของเขายังดื้อดึง กัดริมฝีปากแน่น ไม่ให้ตัวเองส่งเสียงเจ็บปวดออกมาสักนิด
“ผมไม่ผิด!”
เขายังคงไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด
“ไม่ผิดเหรอ”
กษัตริย์กวนโกรธจนแสยะยิ้มออกมา “แกบอกว่าเขาไม่ใช่คนตระกูลบู๊โบราณ ได้ ถึงเขาไม่ใช่จริงๆ งั้นแกบอกฉันมาสิ เด็กมหาวิทยาลัยธรรมดาๆ เมื่อห้าปีก่อนอย่างเขา ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้าปี ทำไมถึงกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุดได้”
“แกบอกว่าแค่ฉันลงมือ ก็สามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย งั้นฉันขอถามแก มองในตระกูลคิง นอกจากฉัน ยังมีใครเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุดอีกไหม”
“ถึงฉันจัดการเขาได้จริง งั้นแกบอกฉันหน่อย จะทำยังไงกับอู่หนิง ฆ่าไปพร้อมกันเลยไหม”
“ถึงฆ่าอู่หนิงตายได้ งั้นแกบอกฉันหน่อย ถ้าตระกูลอู่หวงรู้ความจริง ฉันจะชดใช้กับตระกูลอู่หวงยังไง”
กษัตริย์กวนโมโหสุดขีด เอาแต่ถามไม่หยุด จู่ๆ กวนหงอี้อึ้งไป
เขาไม่ใช่คนไร้สมอง กลับฉลาดและมีฝีมือมากด้วย
แต่เพราะวันนี้ คนไร้ปูมหลังในสายตาเขา อย่างหยางเฉิน ทำให้เขาเสียตำแหน่งผู้สืบทอดกษัตริย์ไป
ดังนั้นเขาจึงอับอายจนโกรธ และเข้าใจว่ากษัตริย์กวนระวังเกินไป
หลังโดนกษัตริย์กวนตบหน้า แถมยังโดนถามคำถามพุ่งเป้ามาที่ตัวเองมากมาย กวนหงอี้กลับใจเย็นลงเรื่อยๆ
“พ่อ ผมผิดไปแล้ว!”
ในที่สุดกวนหงอี้ก้มหน้าลง พูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ!”
มองกวนหงอี้น้ำตานองหน้า กษัตริย์กวนทนเห็นไม่ได้ กัดฟันพูดว่า “ไม่ใช่แค่แกที่สืบเรื่องหยางเฉิน ตอนที่หยางเฉินยังอยู่ที่เมืองเยี่ยนตู ฉันเคยสืบเรื่องเขาแล้ว”
“ระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้าปี จากคนธรรมดาๆ คนหนึ่งเติบโตมาถึงขั้นนี้ เพียงพอที่จะบอกว่า สายเลือดในตัวเขา อาจมีโอกาสเป็นสายเลือดของตระกูลบู๊โบราณ”
“และมีเพียงสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลบู๊โบราณเท่านั้น ที่จะใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้าปี กลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุด”
กษัตริย์กวนมีท่าทีไม่ได้ดั่งใจ พูดอย่างโมโหว่า “แดนราชาสูงสุด เป็นเพียงการที่ฉันคาดเดาพละกำลังของเขาเท่านั้น แต่ความรู้สึกที่เขาให้ฉัน ล้ำลึกเกินคาดเดา”
“นั่นหมายความว่า พละกำลังของเขา อาจมีโอกาสที่จะอยู่ในแดนเทพ!”
“ถ้าฉันไม่จบไม่สิ้นกับเขาจริงๆ และจะรั้งเขาให้อยู่ในตระกูลคิงกวน กลัวว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของตระกูลคิงกวน”
กษัตริย์กวนสีหน้าเคร่งขรึม “ขนาดอู่หนิง หลังโดนหยางเฉินตบจนปลิว ด้วยฝ่ามือเดียว ไม่เพียงแต่จะไม่คิดเอาเรื่องหยางเฉิน กลับยังเป็นฝ่ายแสดงเจตนาดี อู่หนิงเป็นคนโง่เหรอ”
“เขาเป็นหัวหน้ารองของตระกูลอู่หวง อย่าบอกนะว่าเขาไม่รู้ถึงความสำคัญ ของตระกูลคิงกวนที่มีต่อตระกูลอู่หวง”
“แต่สุดท้ายเขาก็ยังเลือกหยางเฉิน ทำไมน่ะเหรอ เพราะเขาสัมผัสได้ว่า ร่วมมือกับหยางเฉิน จะนำพาผลประโยชน์มาให้ตระกูลอู่หวงมากยิ่งกว่า”
“ผลประโยชน์นี้ อาจเกินกว่าความสำคัญที่ตระกูลคิงกวน มีต่อตระกูลอู่หวงด้วยซ้ำ”
หลังได้ยินคำพูดของกษัตริย์กวน กวนหงอี้ตระหนักรู้ทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “พ่อ ผมผิดไปแล้ว!”
“ฉันปลดคุณสมบัติ ในการช่วงชิงตำแหน่งผู้สืบทอดกษัตริย์กวนจากแก แกคิดว่าการทำแบบนี้ คือการทิ้งแกเหรอ”
จู่ๆ กษัตริย์กวนถามขึ้น
ทันใดนั้น แววตาทั้งสองข้างของกวนหงอี้ เป็นประกายออกมาทันที “พ่อ ความหมายของพ่อคือ”
“ตอนนี้ตระกูลคิงกวน นอกจากกวนเจิ้นไห่ ยังมีใครมีคุณสมบัติแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดกษัตริย์จากแกได้อีก”
กษัตริย์กวนพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง “กวนเจิ้นไห่ใจมุ่งมั่นกับบู๊ ความสำเร็จวิถีบู๊ของเขาในอนาคต ไม่มีทางด้อยกว่าฉัน”
“ฉันยกเลิกคุณสมบัติในการช่วงชิงตำแหน่งกษัตริย์จากแก แค่ยื้อเวลาเท่านั้น แค่แกสามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง คงมีสักวัน แกจะได้กลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์เพียงหนึ่งเดียว”
“ในสถานการณ์แบบนั้น ฉันเป็นฝ่ายเสนอให้กวนเจิ้นไห่ เป็นผู้สืบทอด แค่อยากให้เขาจำบุญคุณนี้เอาไว้”
“ส่วนกวนเจิ้นไห่ ไม่ได้เป็นตัวแทนเขาเพียงคนเดียว แต่เป็นคนฝั่งกวนเจิ้นไห่ทั้งหมด”
“พ่อทำเพื่อปูทางอนาคตให้กับแก!”
ตอนนี้กวนหงอี้เข้าใจความตั้งใจดีอันแสนยากลำบาก ของกษัตริย์กวนแล้ว เขาคุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้น หัวโขกลงบนพื้นอย่างแรง “พ่อ ผมผิดไปแล้ว! ต่อไป ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังอีกเด็ดขาด!”
มองกวนหงอี้ที่คุกเข่าร้องไห้อย่างเจ็บปวดบนพื้น กษัตริย์กวนมีสีหน้าปลาบปลื้ม
ความพยายามทั้งหมด ที่เขาทำในวันนี้ ในที่สุดก็ไม่เสียเปล่า
“ลุกขึ้นมาเถอะ!”
กษัตริย์กวนพยุงกวนหงอี้ขึ้นมา
หลังอารมณ์ของกวนหงอี้เป็นปกติ จู่ๆ เขาถามขึ้นมาว่า “ต่อไป ถ้าแกมีโอกาส แกจะทำร้ายหยางเฉินไหม”
กวนหงอี้อึ้งไป เข้าใจเจตนาของกษัตริย์กวนทันที
เขาส่ายหน้า “ไม่!”
“ทำไมล่ะ”
กษัตริย์กวนถาม
“อย่างที่พ่อพูด เขาสามารถใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้าปี จากคนธรรมดากลายเป็นแดนราชาสูงสุด ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน”
“คนแบบนี้ ถ้าไม่มีปูมหลังวิถีบู๊ที่ยิ่งใหญ่ ก็มีพรสวรรค์วิถีบู๊ในตัวที่ไม่ธรรมดา”
“ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ตระกูลคิงกวนต่างไม่สามารถประมาทล่วงเกินได้ บางทีขนาดตระกูลอู่หวง ก็ยังไม่กล้ามีเจตนาร้ายต่อเขา”
กวนหงอี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมไม่เพียงแต่จะไม่คิดแค้นเขา กลับซาบซึ้งต่อเขามากด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เขา ผมคงไม่โตขึ้น”
“ถ้าพอไม่ถือสา ผ่านไปสักระยะ หลังแผลผมหายดี ผมจะไปเมืองเยี่ยนตูด้วยตัวเอง เพื่อเป็นฝ่ายชดใช้ความผิดให้เขา”
กษัตริย์กวนกลับส่ายหน้า ขณะที่กวนหงอี้กำลังไม่เข้าใจ ได้ยินเสียงกษัตริย์กวนเอ่ยขึ้นว่า “ถ้ารอหลังแผลแกหายดี ทั้งหมดก็สายเกินไปแล้ว แกไปขอโทษเขาตอนนี้เลย ขอร้องให้เขาอภัยให้”
“ครับพ่อ!”
กวนหงอี้รู้ถึงมูลค่าของหยางเฉิน และรู้ว่ากษัตริย์กวน ให้ความสำคัญกับหยางเฉิน แต่คิดไม่ถึงว่า กษัตริย์กวนจะให้ความสำคัญกับหยางเฉินขนาดนี้
เขารีบรับปากทันที
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินอยู่ในบ้านหมอเทวดาเฝิง ช่วยเสียวหว่านจัดการเรื่องงานศพของหมอเทวดาเฝิง
หม่าชาวก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่แผลโดนยิงสาหัสมาก จึงไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ชั่วคราว ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียง
เมื่อรู้ว่าหมอเทวดาเฝิง ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขา จากโลกนี้ไปแล้ว หม่าชาวเอาแต่โทษตัวเองในใจ
“เป็นความผิดผม ถ้าผมไม่ทำตามใจชอบ แอบพี่เฉิน บุกเข้าไปในตระกูลคิงกวนคนเดียว คงไม่โดนคิดบัญชีและโดนยิง”
“ถ้าผมไม่โดนยิง หมอเทวเฝิงคงไม่ต้องใช้พลังเพื่อช่วยชีวิตผม”
หม่าชาวโทษตัวเองไม่หยุด โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าโศกเศร้าของเฝิงเสียวหว่าน ยิ่งทำให้เขาเศร้าใจมาก
“คนตายจากเราไปแล้ว นายอย่าโทษตัวเองเลย ถึงไม่ช่วยนาย หมอเทวดาเฝิงก็อาจอยู่ได้อีกไม่นาน”