The king of War - บทที่ 956 เป็นเรื่องอื่น
“แกว่าถ้าหยางเฉินเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือล่ะ”
ดวงตาทั้งสองข้างของกษัตริย์กวนจ้องไปยังกวนหงอี้ แล้วถามอย่างเคร่งขรึม
“อะไรนะ”
กวนหงอี้มีสีหน้าตกใจ “พ่อ จะเป็นไปได้ยังไง”
“เขายังอายุน้อยขนาดนั้น ถึงพละกำลังแข็งแกร่งจริง แต่ไม่น่าจะเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือหรอก”
“ถ้าใช่เขาจริง เขาจะพูดไร้สาระกับเรามากขนาดนี้เหรอ ผมคงโดนเขาฆ่าตายไปนานแล้ว”
กษัตริย์กวนพูดอย่างเคร่งขรึม “เราต่างรู้ดี ผู้รักษาดินแดนเหนือ ยังมีอีกชื่อหนึ่ง นั่นก็คือหยางปูไป้ อีกทั้งข่าวลือยังบอกว่า เขาอายุไม่ถึงสามสิบปี”
“หยางเฉินก็แซ่หยาง อายุก็ยังไม่ถึงสามสิบปี”
“ไม่เพียงแค่นี้ ข้อมูลที่เราได้มาทั้งหมด มีเพียงแค่เรื่องที่เขาไปชายแดนเหนือ เมื่อห้าปีก่อน ต่อมาก็สืบหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้อีก”
“ส่วนเจียงสยง เป็นนักรบที่ออกมาจากชายแดนเหนือ วันนี้หลังจากที่เจอหยางเฉิน กลับคุกเข่ามอบชีวิตให้หยางเฉิน”
“อีกทั้งหงต้าเฉียง ผู้บัญชาการสูงสุดของอาณาจักรรบ ที่ประจำการ ณ เมืองกษัตริย์กวน วันนี้ก็พาคนมาที่อู๋เจียชุนด้วยตัวเอง และตอนที่หงต้าเฉียงเผชิญหน้ากับต่งจ้านกัง สีหน้านอบน้อม และเชื่อฟังเขาด้วย”
“ส่วนต่งจ้านกัง เป็นผู้ติดตามข้างกายหยางเฉิน”
“ถ้าเขาไม่ใช่ผู้รักษาดินแดนเหนือ จะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ยังไง”
กษัตริย์กวนพูดออกมาเรื่อยๆ
เขาไม่ได้สงสัยอะไรสักอย่าง สีหน้าของกวนหงอี้ซีดลง เมื่อเขาพูดจบ กวนหงอี้ถึงกับอ้าปากค้าง สีหน้าตกตะลึง
“สัญญาณทั้งหมดนี้บอกได้ว่า หยางเฉินเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือ ฉายาหยางปูไป้ หนึ่งคนรับมือได้ครึ่งประเทศ!”
เสียงของกษัตริย์กวนเคร่งขรึมมาก ในแววตาก็เต็มไปด้วยความกังวล
“พ่อ เขา เขาคือหยางปูไป้จริงเหรอ”
กวนหงอี้รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ถึงแม้รู้อยู่แก่ใจ ว่าการคาดเดาของกษัตริย์กวนถูกต้อง แต่เขารับไม่ได้ ผู้รักษาดินแดนเหนือ จะอายุน้อยขนาดนี้
กษัตริย์กวนพยักหน้า “ถึงตระกูลเจียงเป็นตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองกษัตริย์กวน แต่เจียงสยงกลับไม่เคยคิดว่าเป็นตระกูลบริวาร พึ่งพาตัวเอง ไม่เคยฟังคำสั่งของตระกูลคิงกวน”
“ถ้าเขาไม่เคยเป็นนักรบชายแดนเหนือ ฉันจะทนตระกูลเจียงได้ยังไง”
“ตอนนี้ผู้รักษาดินแดนเหนือ มาที่เมืองกษัตริย์กวนด้วยตัวเอง อีกสามวันยังจะไปตระกูลเจียง กลัวว่าต่อไป ถ้าตระกูลคิงกวนอยากควบคุมตระกูลเจียง คงยากขึ้นอีก”
นี่แหละที่เรียกว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
กษัตริย์กวน เป็นกษัตริย์ของเมืองกษัตริย์กวน แน่นอนว่าทนให้มีกษัตริย์สองคนไม่ได้แน่นอน
วันนี้หยางเฉินปรากฏตัว ยิ่งทำให้กษัตริย์กวน รู้สึกถึงความอันตราย อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“พ่อ งั้นเราจะทำยังไง”
จู่ๆ กวนหงอี้ร้อนใจทันที และรีบพูดว่า “ตอนนี้ตระกูลเจียง อาศัยการดูแลจากเจียงสยงทั้งหมด ถ้าเจียงสยงรักษาอาการบาดเจ็บจนหาย กลัวว่าต่อไปจะจัดการตระกูลเจียงยากขึ้น”
“พ่อ ห้ามให้เจียงสยงรักษาหายเด็ดขาด!”
กษัตริย์กวนขมวดคิ้ว ส่งเสียงหึแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะสวะอย่างแก ล่วงเกินหยางเฉิน จะวุ่นวายจนเป็นแบบนี้หรือเปล่า”
“ถึงหยางเฉินปล่อยตระกูลคิงกวนแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนภาพของตระกูลคิงกวนในใจเขาได้”
“ฉันก็ไม่อยากให้เจียงสยงรักษาหาย แต่จะทำยังไงได้ หลังสามวัน หยางเฉินจะไปตระกูลเจียงด้วยตัวเอง แกบอกฉันมาสิ เราจะขัดขวางยังไง”
กวนหงอี้กัดริมฝีปากแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยการโทษตัวเอง
เขารู้ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของเขา ถ้าเขาไม่ไปเชื่อคำพูดของกวนซิน แล้วมีเจตนาร้ายกับหยางเฉิน คงไม่เกิดความหงุดหงิดใจแบบตอนนี้
“ตระกูลเจียงเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่สามารถต้านทานได้แล้ว ตอนนี้ อยากขัดขวางก็สายไปแล้ว!”
กษัตริย์กวนถอนหายใจยาว แล้วพูดว่า “ในเมื่อขัดขวางไม่ได้ งั้นคงทำได้เพียงยอมรับ หลังสามวัน ฉันจะไปตระกูลเจียงด้วยตัวเอง”
“คุณจะไปเหรอ”
กวนหงอี้ถามอย่างระแวดระวัง
“ส่งของขวัญ!”
กษัตรย์กวนเอ่ยขึ้น
ในขณะเดียวกัน เจียงสยงก็กลับถึงตระกูลเจียง
ในห้องของเจียงสยง สองพ่อลูก เจียงหลงเฟยกับเจียงลี่อยู่ในนี้
“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงให้พวกแกอยู่ที่นี่”
เจียงสยงนั่งอยู่บนเก้าอี้โบราณ มองสองพ่อลูก แล้วถามขึ้น
เจียงหลงเฟยกับเจียงลี่ ยืนอยู่หน้าเขาอย่างระแวดระวัง เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงสยง ทั้งสองก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร
“พูด!”
เจียงสยงตบโต๊ะ แล้วพูดอย่างโมโห
เจียงหลงเฟยรีบเงยหน้า แล้วพูดว่า “เพราะเราล่วงเกิดคุณหยาง!”
“ปู่ ทั้งหมดเพราะผมเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไปหาหมอเทวดาเฝิงที่อู๋เจียชุน เพราะผมอวดดี เลยล่วงเกินคุณหยาง ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ถ้าปู่จะลงโทษ ก็ลงโทษผมคนเดียว เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับพ่อ”
เจียงลี่คุกเข่าลง พูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
วันนี้ที่อู๋เจียชุน เจียงหลงเฟยทำเพื่อเจียงลี่ ถึงขนาดใช้ความตายของตัวเอง มาแบกรับความผิดทั้งหมดของเจียงลี่ เจียงลี่ตระหนักได้ว่า ตัวเองทำเรื่องผิดมหันต์
“เจียงลี่ หุบปาก!”
เจียงหลงเฟยรีบตำหนิ
เจียงลี่เป็นลูกชายคนเดียวของเขา คนเป็นพ่ออย่างเขา ยอมแบกรับทั้งหมด
“พ่อ ลงโทษผมเถอะ!”
เจียงหลงเฟยพูดเสียงดัง
มองสองพ่อลูกที่ทะเลาะกันรับโทษ ความโกรธของเจียงสยงค่อยๆ หายไป
“ลุกขึ้นมา!”
เขาถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยขึ้น
ที่เขาให้เจียงหลงเฟยกับเจียงลี่อยู่ต่อ ไม่ได้ต้องการลงโทษพวกเขา แต่เพราะเรื่องอื่น
ตามความปรารถนาสุดท้ายของหมอเทวดาเฝิง เขาโดนเผา โปรยเถ้ากระดูกในร่องน้ำกว้างในเมือง
ถึงเขาตาย เขาก็จะกลายเป็นวิญญาณอยู่ในร่องน้ำกว้างในเมือง เพื่อปกป้องประเทศ
ไม่มีใครรู้ว่าเจียงสยงสั่งเสียอะไรกับลูกหลานตัวเอง
ส่วนหมอเทวดาเฝิง ก็ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเขา หลังเผาเสร็จ ก็เอากระดูกเขาไปโปรยในร่องน้ำกว้างในเมือง
หลังจากหมอเทวดาเฝิงตายไป เฝิงเสียวหว่านอยู่กับความเศร้าทุกวัน หยางเฉินกับกวนเย่ว อยู่เป็นเพื่อนข้างกายเธอทุกวัน
กวนเย่วกับเฝิงเสียวหว่านอายุเท่ากัน กวนเย่วเป็นคนที่ร่าเริงสดใส แค่ไม่กี่วัน ทั้งสองก็สนิทกันมาก
ไม่กี่วันมานี้ อาการบาดเจ็บของหม่าชาว ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงเฝิงเสียวหว่านจมอยู่ในความเศร้า แต่ก็ยังไม่ลืมรักษาแผลให้หม่าชาว
ผ่านไปสามวัน หม่าชาวสามารถลงมาเดินเองได้ ตำแหน่งแผลที่โดนยิง ก็เป็นแผลตกสะเก็ดแล้ว
“พี่เฉิน วันนี้พี่ไปตระกูลเจียง ผมไปกับพี่ด้วยสิ!”
หม่าชาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หยางเฉินถามว่า “นายจะไปทำไม”
“ที่นี่เป็นเมืองกษัตริย์กวน เดิมทีตระกูลเจียงไม่ได้สนิทอะไรกับตระกูลคิงกวนอยู่แล้ว วันนี้มีพี่เข้ามา ยิ่งทำให้ตำแหน่งของตระกูลเจียงมั่นคงขึ้น ผมกลัวว่าตระกูลคิงกวน จะทำอะไรพี่”
หม่าชาวพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
ในช่วงนี้ ถึงเขาจะใช้ชีวิตอยู่บนเตียงตลอด แต่กลับทำความเข้าใจกับสถานการณ์ ของเมืองกษัตริย์กวนอย่างละเอียด
ถ้าหยางเฉินยื่นมือช่วยตระกูลเจียง ต้องทำให้ตระกูลคิงกวนรู้สึกโดนคุกคามมาก
หยางเฉินกลอกตามองบนใส่หม่าชาว “อย่าว่าแต่ตระกูลคิงกวนจะทำอะไรฉันหรือเปล่า สภาพนายตอนนี้ ถ้าตระกูลคิงกวนทำอะไรฉันจริง นายจะเป็นคนช่วยฉัน หรือจะให้ฉันปกป้องนายกันแน่”
หม่าชาวอึ้งไป และตั้งสติได้ ตัวเองเพิ่งลงจากเตียงมาเดินได้ ตอนนี้แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ก็สามารถผลักเขาล้มได้
เขาบอกว่าจะไปตระกูลเจียงกับหยางเฉิน ล้วนเป็นปฏิกิริยาของจิตใต้สำนึก