The king of War - บทที่ 971 ผู้แข็งแกร่งฝ่ายสาม
หัวหน้าสามแสยะยิ้ม “ถ้าเขากล้ากลืนคำพูดจริง กลัวว่านอกจากฝ่ายหลัก คนอีกห้าฝ่าย คงจะไม่ยอม”
รอยยิ้มบนใบหน้าเจียงสยง ค่อยๆ หายไป เขาจ้องหัวหน้าสาม “พวกนายวางใจเถอะ ในเมื่อฉันใช้วิธีนี้ มาตัดสินสิทธิ์ในการเลือกผู้สืบทอดตระกูลเจียง ฉันไม่มีทางแพ้พวกนายแน่นอน ผู้ชนะการสู้แบบกลุ่ม ต้องเป็นของฝ่ายหลัก!”
ตอนนี้ เจียงสยงสีหน้ามั่นใจ ความยโสเต็มไปทั้งตัว
พวกญาติฝ่ายหลัก ที่เสียความมั่นใจในตัวเจียงสยง เพราะถูกคัดออกจากการแข่งแบบเดี่ยวและแบบคู่ ตอนนี้แต่ละคนมีสีหน้าฮึกเหิม กำหมัดทั้งสองข้างขึ้นมา
หัวหน้าฝ่ายอื่น ก็สัมผัสได้ถึงความมั่นใจในการชนะของเจียงสยง สีหน้าดูเป็นกังวล
“คุณคิดว่าผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของฝ่ายหลัก แข็งแกร่งที่สุดงั้นเหรอ”
จู่ๆ หัวหน้าสามถามเสียงดัง
“บรื้น!”
เมื่อเขาพูดจบ จู่ๆ เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นขึ้นด้านนอก จากนั้นรถยนต์ลินคอล์น รุ่นฐานล้อยาวสีดำสองคัน พุ่งเข้ามา
ทันใดนั้น รถยนต์ลินคอล์นสองคันนี้ ดึงดูดสายตาของทุกคน
ประตูรถเปิดออก ผู้แข็งแกร่งในชุดจิ้นจวง ซึ่งเป็นชุดจีนโบราณที่เน้นความคล่องตัว เดินลงมาจากรถ และเดินไปทางฝ่ายสาม
ผู้แข็งแกร่งสิบคนเต็มๆ ยืนด้านหลังหัวหน้าสามอย่างเป็นระเบียบ เนื้อตัวเต็มไปด้วยความกระหายเลือด
ตอนนี้ หัวหน้าฝ่ายอื่นๆ ถึงกับสูดหายใจเฮือก
พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลานุภาพอันทรงพลัง จากเหล่าผู้แข็งแกร่งพวกนี้
ผู้แข็งแกร่งสิบคน พลานุภาพบนตัวแต่ละคน ไม่ด้อยไปว่าผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของฝ่ายหลัก กลับแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งช็อกก็คือ ฝ่ายสามเอาผู้แข็งแกร่ง ที่แอบบ่มเพาะเอาไว้ ออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
ถึงฝ่ายอื่นๆ จะเอาผู้แข็งแกร่ง ที่แอบบ่มเพาเอาไว้ มาร่วมการต่อสู้วันนี้ด้วย แต่ล้วนมากับพวกเขาทั้งนั้น
การกระทำของฝ่ายสาม ช่างทะนงตนจริงๆ
ถึงเจียงสยงไม่ได้โมโห แต่ในใจช็อกมาก
การเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของตระกูลเจียง ถึงตอนนี้ร่างกายจะบาดเจ็บสาหัส แต่สัมผัสของเขาไม่ได้ด้อย เพราะอาการบาดเจ็บสาหัส
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน ผู้แข็งแกร่งทั้งสิบคนของฝ่ายสาม ที่เพิ่งมาถึง พละกำลังโดยส่วนใหญ่ อยู่ในแดนราชาขั้นต้น ถึงขนาดที่มีสองคน เป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง
ถึงเจียงสยงอยู่ในสภาวะสมบูรณ์พร้อม ก็มีพละกำลังแค่แดนราชาขั้นปลาย
และห้าฝ่ายนอกจากฝ่ายหลักของตระกูลเจียง พละกำลังของหัวหน้าฝ่าย แค่ระดับแดนราชาขั้นกลางเท่านั้น
ตอนนี้ ฝ่ายสามเอาผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลางมาสองคน ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นต้นอีกแปดคน ไม่ต้องคิดก็รู้ ว่าเจียงสยงช็อกแค่ไหน
ขณะกำลังช็อก ก็โมโหด้วย!
ถ้าไม่มีทุนทรัพย์ของตระกูลเจียง หัวหน้าสามจะบ่มเพาะผู้แข็งแกร่งแดนราชา มากมากขนาดนี้ได้อย่างไร
“หัวหน้าสาม คุณบ่มเพาะผู้แข็งแกร่งเยอะขนาดนี้ ตั้งแต่ตอนไหนกัน”
หัวหน้าใหญ่อดถามขึ้นไม่ได้
หัวหน้าสามมองหัวหน้าใหญ่อย่างเย็นชา “เกี่ยวอะไรกับนาย”
จู่ๆ หัวหน้าใหญ่พูดไม่ออก แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้
ตอนนี้พลานุภาพของฝ่ายสามยิ่งใหญ่ ถึงเป็นหัวหน้าใหญ่ ก็ไม่สามารถต้านทานได้
“ผมรู้ว่าคุณตกใจมาก แล้วก็โมโหมากด้วย แต่จะทำไมล่ะ”
ฝ่ายสามมองไปยังเจียงสยง แล้วพูดอย่างเย็นชา “ขอแค่ตำแหน่งผู้สืบทอดเป็นของฝ่ายสาม ผู้แข็งแกร่งที่ผมบ่มเพาะพวกนี้ ต่อไปจะเป็นกำลังหลักในตระกูลเจียง ฝ่ายสามจะพาตระกูลเจียง ไปสู่จุดที่รุ่งเรืองกว่านี้”
“นายพูดไม่ผิด ฉันตกใจและโมโหมาก”
ความโกรธของเจียงสยงสงบลง พูดเนิบๆ ว่า “อย่างที่นายพูด ผู้แข็งแกร่งพวกนี้ นายบ่มเพาะเพื่อตระกูลเจียง เป็นอนาคตของตระกูลเจียง”
“ฟังจากที่คุณพูด จะยอมแพ้เหรอ” หัวหน้าสามหัวเราะ แล้วถามขึ้น
เจียงสยงส่ายหน้า “การต่อสู้แบบกลุ่มยังไม่ทันเริ่ม จะยอมแพ้ได้ยังไง”
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นอย่ามาพูดไร้สาระเลย เริ่มการต่อสู้แบบกลุ่มเถอะ!”
ความยโสของหัวหน้าสามพลุ่งพล่าน พูดด้วยเสียงดัง
“ได้ การต่อสู้แบบกลุ่ม เริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”
เจียงสยงประกาศเริ่มการต่อสู้แบบกลุ่มในช่วงสุดท้ายทันที
ไม่นานการจับสลากสิ้นสุดลง
กรรมการประกาศว่า “เริ่มการแข่งต่อสู้แบบกลุ่ม รอบน็อคเอาท์!”
“รอบแรก ฝ่ายห้าVSฝ่ายรอง!”
“รอบสอง ฝ่ายสี่VSฝ่ายสาม!”
“รอบสาม ฝ่ายห้าVSฝ่ายหลัก!”
“เริ่มการแข่งขัน! เชิญผู้แข็งแกร่งสิบคนของแต่ละฝ่าย ฝ่ายห้ากับฝ่ายรอง ขึ้นมาบนเวที!”
เมื่อกรรมการพูดจบ ผู้แข็งแกร่งของฝ่ายห้ากับฝ่ายรอง ต่างขึ้นมาบนเวที
“คุณหยาง คุณว่าผู้แข็งแกร่งของฝ่ายสาม เป็นยังไง”
เจียงสยงไม่มีความคิดที่จะดูการแข่งขัน แต่มองหยางเฉินที่อยู่ข้างๆ แล้วถามขึ้น
หยางเฉินสีหน้าไร้อารมณ์ พูดเนิบๆ ว่า “ถ้าใช้เป็น ก็เป็นมีดอันแหลมคมของตระกูลเจียง แต่ถ้าใช้ไม่เป็น จะเป็นมีดเล่มใหญ่ ที่เข้ามาหาตระกูลเจียง!”
เพียงประโยคเดียว อธิบายถึงความสำคัญของฝ่ายสาม ที่มีต่อตระกูลเจียง
จู่ๆ เจียงสยงครุ่นคิดเงียบๆ เขาเข้าใจความหมายของหยางเฉิน ผู้แข็งแกร่งทั้งสิบคน ที่ฝ่ายสามบ่มเพาะ พละกำลังแข็งแกร่งมาก
ถ้าตระกูลเจียงมีผู้แข็งแกร่งพวกนี้เพิ่มเข้ามา จะเหมือนเสือติดปีก แต่ถ้าคนพวกนี้ดึงดันเชื่อฟังแต่คำพูดของหัวหน้าสาม ถึงแม้ยอมจำนนต่อตระกูลเจียงในตอนนี้ ต่อไปก็ยังมีโอกาสหักหลังได้
แน่นอนว่ายังมีอีกวิธีหนึ่ง สามารถใช้ประโยชน์จากคนพวกนี้ นั่นก็คือไว้ชีวิตหัวหน้าสาม
แต่ว่าถึงไว้ชีวิตหัวหน้าสาม หัวหน้าสามจะยอมเป็นรองเจียงสยงต่อหรือเปล่า
“ฝ่ายรอง ชนะ!”
ขณะนั้น กรรมการประกาศผลการต่อสู้แบบกลุ่มรอบแรก ไม่ต้องบอกก็รู้ผล ฝ่ายรองได้รับชัยชนะ
จากนั้น ผลการต่อสู้รอบสองก็ออกมา ฝ่ายสามได้รับชัยชนะ
การต่อสู้แบบกลุ่ม รอบน็อคเอาท์ รอบสุดท้าย เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
“คุณหยาง ที่เหลือฝากคุณด้วยนะครับ!”
เจียงสยงมองหยางเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วเอ่ยขึ้น
“ได้!”
หยางเฉินพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงก้าวออกมา เดินไปทางเวทีต่อสู้ทีละก้าว
เมื่อเห็นหยางเฉินขึ้นมาบนเวที คนในตระกูลเจียงถึงกับตะลึง
เมื่อเห็นหยางเฉินเดินมาบนเวที ทุกคนตะลึง ขนาดเจียงหลงเฟยยังมีสีหน้าช็อก
“พ่อ นี่คุณหยาง”
เจียงหลงเฟยมองไปทางหยางเฉินอย่างเหม่อลอย และเอ่ยถามเจียงสยง
เจียงสยงยกมุมปากขึ้นเบาๆ เป็นรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ “คุณหยางออกโรง ตัดสินแพ้ชนะแล้ว!”
“ผู้นำ ในมือคุณไม่มีคนที่ใช้ประโยชน์ได้แล้วหรือไง”
หัวหน้าสามอึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “ถ้าเป็นเช่นนี้ พูดกับผมได้นะ ผมจะให้คุณยืมสักสองสามคน”
หัวหน้ารองก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “ฝ่ายรองก็ยอมให้คุณยืมคนได้นะ”
ถึงฝ่ายอื่นจะตกใจเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงสยง ถึงให้หยางเฉินขึ้นมาบนเวที แต่เพราะไม่รู้เบื้องลึกของหยางเฉิน และกลัวอำนาจของเจียงสยง พวกเขาจึงต้องทำตัวเป็นกลาง
ไม่เพียงแค่ฝ่ายอื่น คนของฝ่ายหลัก ก็มีสีหน้าสับสน
“ผู้นำ การต่อสู้แบบกลุ่ม เป็นโอกาสเดียวของฝ่ายหลัก ต้องให้สิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายหลัก ขึ้นไปบนเวทีสิ ถึงจะปลอดภัยที่สุด ทำไมถึงใช้คนอายุน้อยล่ะ”
คนมีอำนาจสูงในฝ่ายหลักคนหนึ่ง ถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“ใช่ เก้าคนที่เหลือก็แค่นั้น ให้คนอายุน้อย ที่เราไม่รู้จักเบื้องลึก ขึ้นไปบนเวที จะเป็นไปได้ยังไง”
ผู้มีอำนาจในฝ่ายหลักถามขึ้น
“ผู้นำ ผมยอมออกไปสู้ ให้ผมเปลี่ยนกับเด็กหนุ่มคนนั้นเถอะ!”
“ผู้นำ ผมก็ยอมออกไปสู้!”
……
จู่ๆ ผู้แข็งแกร่งของฝ่ายหลักจำนวนมาก ต่างพากันขอออกไปสู้
“ถอยไปให้หมด!”
เจียงสยงเลิกคิ้วขึ้น แผดเสียงอย่างโมโห