The king of War - บทที่ 101 ใครเข้ามาตาย
การปรากฏตัวของฉินซี ดึงดูดความสนใจของคนวัยกลางคนทันใด
ตอนที่เขาเห็นรูปโฉมฉินซี รู้สึกว่าความสดใสของตัวเองได้กลับมาแล้วในทันใด
“คนสวยสวัสดีครับ ผมชื่อเว่ยเสียง มาจากตระกูลเว่ย มิทราบว่าคนสวยชื่ออะไรเหรอครับ?”
สายตาของเว่ยเสียงเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ กำเริบเสิบสานแล้วมองฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยเฉพาะจุดลับหลายจุดนั้น ถูกเค้ามองด้วยความลามกหลายครั้ง
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเขา ความจริงไม่ใช่ภรรยาของเขา เพียงแต่เป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งเปลี่ยนเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้จะสวยระดับหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับฉินซีแล้ว ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
ฉินซีหน้านิ่วคิ้วขมวด ที่เจียงโจว ที่กล้าแนะนำตัวว่าตนมาจากตระกูลเว่ยได้นั้น มีความเป็นไปได้อย่างเดียว คืออีกฝ่ายมาจากตระกูลเว่ยที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลของเจียงโจว
ในขณะเดียวกันนี้เอง ฉินยีออกมา หลังจากที่เห็นคนแปลกหน้าหลายคนที่สวน เธอจึงได้ถามอย่างสงสัยว่า “พี่ พวกเขาเป็นใคร?”
แค่ฉินซีคนเดียว ก็พอที่จะทำให้เว่ยเสียงตกใจได้แล้ว แล้วตอนนี้ยังมีฉินยีที่สวยระดับเดียวกันออกมาอีก ทำให้เว่ยเสียงแสดงอาการเจ้าชู้ขึ้นมา
เห็นสายตาไม่ดีของเว่ยเสียง ฉินซีจึงได้ลากฉินยีมาด้านหลัง กล่าวอย่างสงบ “ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกเป็นใคร ที่นี่เป็นบ้านของฉัน เชิญออกไปเดี๋ยวนี้!”
“คนสวย ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกคุณชื่ออะไรกันบ้าง! อีกอย่าง ตอนนี้ที่นี่เป็นบ้านของคุณ แต่อีกเดี๋ยว ก็จะกลายเป็นบ้านของผมแล้วล่ะ” เว่ยเสียงมองไปที่สองสาวอย่างยิ้มกริ่ม
“หมายความว่าไง?” ฉินซีขมวดคิ้ว
“ที่นี่คืออสังหาที่ครอบครัวตระกูลเว่ยของผมจะพัฒนา ตอนนี้ผมและผู้หญิงของผมชอบมัน พวกคุณทำได้เพียงย้ายออก แน่นอน ถ้าคุณคนสวยทั้งสองไม่ติดอะไร จะอยู่กับผมก็ได้นะ”
เว่ยเสียงยิ้มอย่างมีเลศนัย ราวกับไม่ปิดบังว่าสนใจฉินซีและฉินยีแต่อย่างใด
“ไอ้เหี้ยหมูตอน แกพูดมั่วอะไร?”
ฉินยีเกรี้ยวกราด ด่าออกมาทันใด
เว่ยเสียงถูกยั่วโมโหทันที เขาสูงเพียง1.6เมตร แต่กลับหนัก200กว่ากรัม หัวตัวหูใหญ่ ทวารทั้งห้าบีบอัดเข้าหากัน หน้าตาน่าเกลียดสุดๆ
เขาเกลียดที่คนอื่นว่าเขาว่าอ้วนที่สุด แน่นอน ด้วยตัวตนของเขา ก็ไม่มีใครว่าเขาว่าอ้วน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีใครกล้าด่าเขาต่อหน้าว่าไอ้หมูตอน
“ถ้าแน่จริง แกเรียกฉันใหม่อีกครั้ง!”
เว่ยเสียงโกรธจนตาลุกเป็นไฟ แบบนี้ทำให้ตาเล็กลงเข้าไปอีก เห็นเพียงเส้นเดียวเท่านั้น
ฉินซีรู้สึกไม่ดี จึงรีบขวาง “เสี่ยวยี ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเข้าไป!”
“พี่ พี่ก็ดูสายตาของไอ้เหี้ยหมูตอนนี้สิ ขยะแขยงจริงๆ เขาไม่ผิดที่หน้าตาน่าเกลียด แต่มันยังทุเรศอีก”
ฉินยีไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองยั่วโมโหใครเข้าแล้ว แล้วยังประชดประชันอยู่อีก
“หุบปาก!” เว่ยเสียงเกรี้ยวกราด
การ์ดที่อยู่ด้านหลังเขาคนหนึ่ง ไปที่ฉินยีโดยตรง
มาถึงตอนนี้ ฉินยีเพิ่งจะรู้ ว่าอีกฝั่งกล้าลงไม้ลงมือแล้วจริงๆ
“ถ้าพวกแกยังวุ่นวายอีก ฉันจะเรียกรปภ.แล้วนะ! ”
ฉินซีร้อนรนขึ้นทันใด หยิบมือถือโทรไปหาส่วนกลาง “ฉันคือเจ้าของยอดเมฆา มีคนก่อความวุ่นวายที่นี่ พวกคุณมาจัดการหน่อย”
ส่วนกลางที่เดิมทีรับสายแล้วมีมารยาทมาก หลังจากได้ยินเธอพูดว่าเป็นยอดเมฆาแล้ว อีกฝ่ายก็วางสายทันที
เว่ยเสียงดูแคลน “นี่เป็นหมู่บ้านคฤหาสน์หรูที่ตระกูลเว่ยของฉันพัฒนา ต่อให้ที่นี่เป็นยอดเมฆา แกคิดว่าพวกเขาจะกล้ายุ่งเรื่องของฉันมั้ย?”
ฉินซีเข้าใจได้ในทันที ทางผ่านมาที่นี่มีเพียงเส้นทางเดียว ถ้าไม่ใช่ส่วนกลาง ไม่มีทางปล่อยเข้ามาได้แน่นอน ตอนนี้เว่ยเสียงขับรถเข้ามาได้ ก็อธิบายได้แล้ว
และตอนนี้ การ์ดของเว่ยเสียงมาถึงข้างกายฉินยี ยกมือขึ้นแล้วตบไป
“เพี่ยะ!”
การ์ดกำลังจะตบไป จู่ๆก็รู้สึกว่าถูกคนจับข้อมือไว้ เห็นเพียงชายบึกบึนผิวดำ ขวางอยู่ตรงหน้าของฉินยี การ์ดหน้าเปลี่ยนสีทันใด “ปล่อย!”
“ไสหัวไป!”
ชายดำบึกบึนต่อยไปที่อกของการ์ด การ์ดถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวถึงหยุดลง ด้วยสายตาตกใจ
“เซินปา!”
ฉินยีเคยเห็นเซินปามาก่อน เมื่อเห็นเขา ก็ดีใจขึ้นมาทันใด
ฉินซีเพิ่งจะเคยเห็นเซินปาเป็นครั้งแรก จึงตกใจขึ้นมา
“นี่เป็นคนที่พี่เขยจัดมาปกป้องเรา” ฉินยีพูดกับฉินซีอย่างดีใจ
ฉินซีเจ็บแปลบใจเล็กน้อย เธอและหยางเฉินเป็นสามีภรรยากันแท้ๆ แต่ช่วงนี้เพิ่งจะพบว่า หลายๆเรื่องของหยางเฉิน ฉินยีรู้มากกว่าที่เธอรู้เสียอีก
หลังจากที่เว่ยเสียงเห็นเซินปา ก็หน้าบูดบึ้งขึ้นมา
เซินปาค่อนข้างตกใจ เมื่อกี้ที่เขาฉวยโอกาสโจมตี ทำได้แค่ทำให้การ์ดถอยหลังไปเท่านั้น แต่หมัดนั้นเขาได้ใช้พลังมหาศาลโจมตีไปเลยทีเดียว
หมัดนี้ของเขา การ์ดธรรมดาทั่วไปไม่มีทางรับได้ แต่การ์ดของเว่ยเสียง หลังจากที่รับหมัดของเขา คิดไม่ถึงว่าจะแค่ถอยไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น
“รนหาที่ตาย! รุมเลย!”
เว่ยเสียงออกคำสั่ง การ์ดทั้งสองพุ่งไปที่เซินปา
เซินปาเริ่มระมัดระวัง แล้วพูดกับหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังทั้งสองว่า “พวกคุณกลับไปที่ห้องก่อน!”
เมื่อพูดจบ เซินปาก็พุ่งเข้าไป ชกต่อยกับการ์ดทันที
แม้เขาจะฝีมือแข็งแกร่ง แต่การ์ดของเว่ยเสียงฝีมือก็ไม่แย่ และยังสองรุมหนึ่ง เซินปาไม่ได้เปรียบสักเท่าไหร่ ทำได้เพียงฟัดเหวี่ยงกันไป
ถึงแม้เป็นแบบนี้ เว่ยเสียงกลับช็อกอย่างที่สุด การ์ดสองคนนี้เป็นการ์ดนานาชาติชั้นยอด เขาลงทุนมากในการเชิญมา แต่ทั้งสองรุมพร้อมกัน กลับจัดการเซินปาคนเดียวไม่ได้
ในขณะนี้ รถเปิดประทุนสีดำคันหนึ่งค่อยๆขับเข้ามาที่ยอดเมฆา หยางเฉินลงมาจากรถ
“พี่เฉิน!”
เซินปาต่อยสองหมัดติดกัน โจมตีการ์ดสองคนจนถอยหลัง มาที่หยางเฉิน
หยางเฉินเห็นรถโรลส์รอยซ์จอดอยู่ด้านหลังเว่ยเสียง ก็รู้ว่าไอ้หัวใหญ่นี้มีตัวตนที่ไม่ธรรมดา เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ทำไม
ในขณะที่หยางเฉินกำลังจ้องไปที่เว่ยเสียง เว่ยเสียงก็กำลังจ้องหยางเฉินเช่นเดียวกัน จู่ๆได้กล่าวขึ้นมาว่า “เด็กเปรต แกคือหยางเฉิน?”
อีกฝั่งรู้ชื่อของตัวเอง ก็แสดงว่ามาเพราะตน หยางเฉินมองเขาอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ถามเซินปาว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เซินปาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ฟัง ความจริงแล้วเขาแอบปกป้องฉินยีมาโดยตลอด ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เขารู้ดีมาก
หลังจากที่หยางเฉินได้ยินว่าการ์ดของอีกฝ่าย เกือบจะลงมือกับฉินยี ก็สีหน้าเยือกเย็นทันที
เว่ยเสียงเห็นหยางเฉินเมินตน จึงแสดงสีหน้าโกรธเคืองขึ้นมา “เด็กเปรต มึงแม่งหูหนวกเหรอ? กูกำลังถามมึงอยู่นะ……”
“เพี่ยะ!”
เว่ยเสียงยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆก็มีคนๆหนึ่ง ตบไปที่หน้าของเขา ร่างของเขาลอยไปทันใด
เหตุการณ์นี้สร้างความตะลึงให้กับการ์ดทั้งสอง
เซินปาตะลึงเช่นกัน
เมื่อกี้หยางเฉินยังอยู่ข้างๆเขาอยู่เลย แว็บเดียว ก็ไปอยู่ข้างๆของเว่ยเสียง ความสูงของทั้งสองต่างกันอยู่สิบเมตร แว็บเดียวเดินไป ตบอีกฝ่ายลอย
พลังและความเร็วแบบนี้ มันช่างอัศจรรย์จริงๆ!
ผู้หญิงที่เว่ยเสียงพามา หวาดกลัวตั้งแต่แรก ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยขาทั้งสองข้างที่อ่อนแรงลง
หยางเฉินไม่มองเธอแม้แต่แว็บเดียว เดินไปที่เว่ยเสียงทีละก้าว มองเขาจากด้านบนลงไปแล้วกล่าว “ถ้าไม่อยากตาย ก็รีบพาลูกน้องของแกไสหัวไปซะ ถ้าฉันเห็นแกเข้ามาที่นี่อีกก้าว ฉันจะฆ่าแกซะ!”
“เด็กเปรต มึงกล้าทำร้ายกู รู้มั้ยว่ากูเป็นใคร?”
เว่ยเสียงเช็ดเลือดที่อยู่มุมปากออก ยืนสะบัดไปมา มองไปที่หยางเฉินอย่างแค้นเคือง
“มึงเป็นใคร จะทำอะไรกู? กูรู้แค่ว่า นี่คือถิ่นของกู ถ้ากูไม่อนุญาต ใครกล้าเข้ามา กูจะฆ่ามัน!” สายตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยความเลือดเย็น