The king of War - บทที่ 102 เชิญคุณลงทัณฑ์
ร่างอ้วนของเว่ยเสียง สั่นทั้งตัว เก็บคำข่มขู่นั้นกลับไปทันที
“คุณหยาง เมื่อกี้ผมทำผิดไป ตอนนี้ผมขอโทษคุณ ขอโทษครับ!”
เว่ยเสียงที่เมื่อกี้ยโสโอหังอย่างมาก จู่ๆก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน คิดไม่ถึงว่าจะขอโทษหยางเฉิน
จู่ๆเขาก็ท่าทีเปลี่ยนไป แม้ว่าหยางเฉิน ก็ค่อนข้างมึนงง นี่คือโดนตบจนกลัวเหรอ?
หยางเฉินไม่สนใจ จ้องเว่ยเสียงอย่างครุ่นคิด คนรุ่นหลังของตระกูลใหญ่ทั้งสี่แห่งเจียงโจว ที่แท้ก็ไม่ธรรมดาเลยสักคน
“คุณหยาง พูดตรงๆ ครั้งนี้ที่ผมมาหาคุณ ไม่ใช่เพราะผมชอบคฤหาสน์หลังนี้ แต่มีคนใหญ่คนโต ชอบที่นี่”
เว่ยเสียงท่าทางลำบากใจ
ดูแล้วไม่เหมือนโกหก งั้นก็น่าจะมีคนชอบคฤหาสน์นี้จริงๆ
หยางเฉินรู้ดี ยอดเมฆาในตอนแรกเป็นเขาที่สั่งให้ลั่วปิงซื้อไว้ ตอนนี้กลับมีคนอยากได้ที่นี่ ตระกูลเว่ยจึงได้จัดคนมาเกลี้ยกล่อม นี่หมายถึง ผู้ที่อยากได้คฤหาสน์หลังนี้ จะต้องเป็นผู้มีอิทธิพลแน่นอน
“มีคนชอบยอดเมฆา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู? กูไม่ขาย! มึงไสหัวไปได้ละ!” หยางเฉินกล่าวเน้นย้ำ
“คุณหยาง ยังไงที่นี่ก็เป็นคฤหาสน์ที่ตระกูลเว่ยของผมเป็นผู้พัฒนา ถึงแม้คุณรู้จักกับลั่วปิง แต่เบื้องหลังของอีกฝั่งใหญ่กว่า ยอมที่จะให้จากราคาเดิม เพิ่มขึ้นไปอีกสิบล้าน”
ดวงตาของเว่ยเสียงแสดงออกถึงความไม่มีความสุข แต่ก็กดความโกรธไว้แล้วกล่าว “หวังว่าคุณหยางจะคิดอย่างถีถ้วน อย่าหาเรื่องให้ตัวเองถ้าไม่จำเป็น”
“นี่เป็นคฤหาสน์ที่กูใช้เงินซื้อมา บนโฉนดก็มีชื่อกู ไม่ว่าใครจะเป็นผู้พัฒนา ก็เป็นอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัวของกูทั้งนั้น มีคนชอบ แล้วกูต้องขาย?”
หยางเฉินดูแคลน เขาไม่เข้าใจตรรกะของตระกูลเว่ย
“คุณหยาง อย่าเกินไป! อีกฝ่ายยอมที่จะชดเชยให้คุณสิบล้าน ยังไม่พออีกงั้นเหรอ? แน่นอน ถ้าคุณไม่มีที่อยู่ ผมจัดการ มอบคฤหาสน์ที่ตีนเขาให้อีกหลัง เพื่อเป็นการชดเชย”
เว่ยเสียงกล่าวอย่างกัดฟัน ด้านล่างภูเขาจิ่วเฉิง ต่อให้เป็นคฤหาสน์ที่ธรรมดาที่สุด ราคาก็กว่าสิบล้านไปแล้ว
หยางเฉินค่อยๆหลับตาทั้งสองลง ดูๆแล้วเบื้องหลังของอีกฝ่ายไม่ธรรมดาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้คนของตระกูลเว่ยยอมจ่ายมากมายขนาดนี้ ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ด้วยราคาที่มากกว่าปกติ
“มึงไม่เข้าใจ ที่กูพูด? หรือว่าไม่ได้ยิน? อยากให้ฉันทำให้แกฟังชัดเจนสักหน่อยมั้ย?”
หยางเฉินหลับตาพูด เหมือนเว่ยเสียงกำลังเกลี้ยกล่อม แต่ตั้งแต่ต้นจนจบกลับประพฤติตัวสูงส่ง ทำให้เขาไม่พอใจมาก
“หยางเฉิน! มึงอย่าคิดว่ามึงรู้จักกับลั่วปิง แล้วจะทำตามอำเภอใจที่เจียงโจวได้นะ เยี่ยนเฉินกรุ๊ปในตอนนี้ได้แยกออกมาจากตระกูลอวี่เหวิน แล้วมีอะไรต้องกลัวอีก?”
เว่ยเสียงเกรี้ยวกราด “ไม่ต้องพูดถึงคนรับผิดชอบของสาขาสำนักงาน ในสายตาของตระกูลเว่ย ลั่วปิงไม่สำคัญอะไรเลย ถ้ามึงคิดว่าเค้าให้ท้ายมึงอยู่ แล้วจะทำอะไรก็ได้ มึงคิดผิดแล้วละ?”
หยางเฉินอาลัยอาวรณ์ เยี่ยนเฉินกรุ๊ปในตอนแรก ในช่วงที่เจริญรุ่งเรือง เพียงแค่เป็นผู้รับผิดชอบของสาขาสำนักงาน ก็ทำให้ผู้นำตระกูลในท้องถิ่นระแวงได้
ตอนนี้หลังจากที่ข่าวเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแยกออกจากตระกูลอวี่เหวินแพร่สะพัดออกไป แม้แต่เจียงโจวเมืองเล็กๆ ล้วนไม่มีใครให้เกียรติอีกแล้ว
พวกเขามองว่า เยี่ยนเฉิงกรุ๊ปตอนนี้ บางทีอาจจะเป็นแค่คนป่วยเท่านี้!
หยางเฉินไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ “มึงคิดว่า เบื้องหลังของกูเป็นลั่วปิงจริงๆงั้นเหรอ?”
"หรือไม่ใช่?"
เว่ยเสียงดูแคลน “แกมีใครอยู่เบื้องหลัง ตระกูลเว่ยรู้ดีมากตั้งแต่แรกแล้ว ก็แค่ชายแต่งงานเข้าบ้านหญิงที่ไร้ชาติตระกูล ถ้าไม่ใช่เพราะลั่วปิงชอบเมียมึง คิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนลั่วปิงจริงๆงั้น?”
หยางเฉินหลับตามองไปที่เว่ยเสียง ดูๆแล้ว คนจำนวนมากล้วนคิดว่าที่ตนรู้จักกับลั่วปิง เป็นเพราะฉินซี
“ก่อนหน้ามึง คนของตระกูลกวนก็โอหังแบบนี้นี่แหละ แต่ไม่นาน ตระกูลกวนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้คนของตระกูลเว่ยก็โอหังแบบนี้เช่นกัน มึงว่า วันหนึ่ง ตระกูลเว่ยจะพบจุดจบเหมือนกับตระกูลกวนมั้ย?” หยางเฉินกล่าวอย่างยิ้มกริ่ม
เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นที่ตระกูลกวน ยังไม่แพร่ออกไป แม้แต่ตระกูลเว่ย ก็ไม่รู้
จู่ๆได้ยินหยางเฉินพูดถึงการล้างบางตระกูลกวน เว่ยเสียงจึงเยาะเย้ยออกมา “คนไม่รู้ก็ไม่กลัวอะไรจริงๆ แม้ตระกูลกวนไม่ยิ่งใหญ่เท่าตระกูลเว่ยของกู แต่ก็ไม่ต่างกันมาก ต่อให้เป็นตระกูลเศรษฐีชั้นนำของเมือง มีใครกล้าล้างบางตระกูลกวนบ้าง?”
“วันนี้กูอารมณ์ดี จึงพูดกับมึงได้มากขนาดนี้ ตอนนี้ มึงไสหัวไปได้ละ!” หยางเฉินกล่าวขึ้นมาทันใด
“มึงไม่รู้เสียด้วยซ้ำ ว่าใครที่ชอบคฤหาสน์หลังนี้ ก็ปฏิเสธแล้ว?” เว่ยเสียง เกรี้ยวกราด
“กูให้เวลามึงสิบอึดใจ ไสหัวไปจากที่นี่ซะ! มิเช่นนั้น ก็อยู่ที่นี่ตลอดไป!”
ทันใดนั้นก็มีกลิ่นอายความเลือดเย็น ออกมาจากตัวของหยางเฉิน
ถ้าไม่ใช่เพราะฉินซีอยู่ตรงนี้ แค่เรื่องที่เว่ยเสียงบุกรุกเข้ามาในถิ่นของเขา ก็พอที่จะฆ่าเขาได้แล้ว
เว่ยเสียงสีหน้าไม่ดีสุดๆ โตมาขนาดนี้ ไม่เคยมีใครทำร้ายเขามาก่อน และไม่มีใครกล้าข่มขู่เขา หยางเฉินถือเป็นคนแรก
“ในเมื่อมึงไม่ยอมเซ้งให้ งั้นรอให้ท่านนั้นมาหาละกัน ดูว่ามึงจะยังโอหังขนาดนี้ได้อีกมั้ย”
เว่ยเสียงพูดทิ้งท้าย แล้วหันหลังจากไป
หลังจากที่เขาพาคนกลับไปแล้ว เซินปากล่าว “พี่เฉิน พี่ปล่อยพวกมันไปแบบนี้เนี่ยนะ?”
“ไม่งั้นละ?” หยางเฉินสงสัย
“อย่างน้อยก็ต้องรู้ก่อน ว่าใครอยากได้คฤหาสน์หลังนี้กันแน่ ที่จิ่วโจวของพี่มีคำสอนโบราณไม่ใช่เหรอว่า รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนนี้แม้แต่ศัตรูเป็นใครก็ยังไม่รู้ เราเสียเปรียบมากเลยนะ”
คำสอนโบราณจิ่วโจวของเซินปาดีมาก บางครั้งจะพูดภาษาจีนโบราณออกมาบ้าง
จู่ๆหยางเฉินก็ยิ้ม กลิ่นอายของความหยิ่งผยองได้ถูกปล่อยออกมา “ใต้ล่านี้ คนที่คู่ควรจะเป็นศัตรูกับฉัน มีกี่คนกันเล่า?”
เซินปารับรู้ได้ถึงความยโสของหยางเฉิน จึงชะงักทันใด รู้ได้ทันที ว่าหยางเฉินไม่ได้สนใจคำพูดของเว่ยเสียงแม้แต่น้อย
“หยางเฉิน คุณไม่เป็นไรใช่มั้?”
ฉินซีและฉินยีเห็นเว่ยเสียงพาคนกลับไป หญิงสาวทั้งสองจึงรีบเข้ามา
หยางเฉินยิ้ม “วางใจได้ ผมจะเป็นอะไรได้อย่างไร?”
เขาพูดจบ หันไปมองฉินยีอีกครั้งแล้วถาม “บ้านหลังใหม่ไม่เลวใช่มั้ย!เลือกห้องของตัวเองแล้วยัง?”
“พี่เขย พี่ติดดินมากจริงๆ มีคฤหาสน์ดีขนาดนี้ ยังยอมที่จะเสียเปรียบอยู่ที่บ้านเก่าหลังนั้นกับเราอีก”
เมื่อพูดถึงเรื่องบ้าน ฉินยีที่เมื่อกี้ไม่พอใจ ได้กล่าวอย่างตื่นเต้น "ฉันว่าแล้ว พี่สาวฉันแต่งกับพี่ จึงจะมีความสุขที่สุด!"
ฉินซีผลักฉินยีที่กำลังจับแขนของหยางฉินอย่างไม่สนใจ ท่าทางโมโห "มีบ้านใหญ่ก็ใช่ว่าจะดี ต้องใช้เวลานานในการทำความสะอาดทุกวัน"
หยางเฉินมอง การกระทำเล็กๆของเธอทั้งหมด จู่ๆในใจก็รู้สึกตลกขึ้นมา ฉินซียังหึงหวงแม้แต่น้องสาวแท้ๆของเธอเอง
ฉินยีไม่ได้สังเกตอารมณ์ของพี่สาว จึงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า "พี่ ไม่เห็นเป็นไรเลย รอเดือนหน้าฉันเงินเดือนออก จะจ้างแม่บ้านสักคน ถือเป็นการจ่ายค่าเช่าบ้านให้กับพี่เขยก็แล้วกัน พี่เขย พี่คงไม่เก็บค่าเช่านอกกับฉันหรอกนะ?"
“ไม่เก็บแน่นอน!” หยางเฉินยิ้มพลางกล่าว
ในขณะเดียวกันนี้ เว่ยเสียงที่เมื่อกี้เพิ่งออกจากยอดเมฆา โทรศัพท์ไปหาคนหนึ่ง พูดอย่างกล้าๆกลัวๆว่า “คุณชายเมิ่ง ขอโทษจริงๆครับ เรื่องที่คุณให้ผมทำ ไม่สำเร็จ เชิญคุณลงทัณฑ์”