The king of War - บทที่ 1037 ปล่อยข่าวออกไปว่าผมตายแล้ว
“เสียวหว่าน เขากินยาที่คุณให้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยังไม่ดีขึ้นอีก?”
เมื่อสังเกตเห็นว่าดวงตาทั้งสองของหม่าชาวปิดอยู่ หยางเฉินก็ถามอย่างเป็นกังวล
เฝิงเสียวหว่านกัดริมฝีปากแดงของเธอแน่น เธอพยายามเอาเข็มเงินหลายอันแทงเข้าไปที่รอบๆ หัวใจของหม่าชาว
ทั้งหมดเจ็ดเข็ม เหมือนกับตำแหน่งเข็มดาวเหนือเจ็ดดาว
หยางเฉินเคยเห็นเฝิงเสียวหว่านใช้ชุดฝังเข็มนี้รักษามาก่อน ซึ่งดูเหมือนจะเรียกว่าเข็มดาวเหนือคืนชีพ
เพียงแต่คราวนี้เข็มดาวเหนือคืนชีพนั้น ไม่ได้น่าตกใจเท่ากับตอนที่เฝิงเสียวหว่านช่วยชีวิตผู้คนมาก่อนหน้านี้
“พี่หยาง ฉันทำได้แค่ประคองให้พี่หม่ายังมีชีวิตอยู่ได้ชั่วคราว อย่าดึงเข็มเงินออกจากตัวเขาเด็ดขาด”
เฝิงเสียวหว่านยืนกรานหนักแน่น
ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็เหลือกตาและสลบไป
“เสียวหว่าน!”
หยางเฉินตะโกนเรียกและรีบเข้าไปประคองเฝิงเสียวหว่านไว้
ในเวลานี้ต่งจ้านกังเดินเข้ามาและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หมอวิเศษเสียวหว่านใช้พลังงานมากเกินไปเพื่อช่วยชีวิตคุณก่อนหน้านี้ เมื่อครู่ก็ถูกซีเหมิงตบ ผมเกรงว่ามันจะรุนแรงเกินขีดจำกัดของเธอ”
หยางเฉินย่อมรู้ดีว่า ก่อนหน้านี้เฝิงเสียวหว่านได้พยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยเขา
ตอนนี้ทั้งเฝิงเสียวหว่านและหม่าชาวล้วนอยู่ในอาการสลบไสล
โชคดีที่หม่าชาวยังคงมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะยังไม่รู้สึกตัว แต่อย่างน้อยก็ยังมีการเต้นของหัวใจและลมหายใจอยู่
“ไปโรงพยาบาลก่อน!”
หยางเฉินกล่าว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในห้องผู้ป่วยวีไอพีของโรงพยาบาลชุมชนเยี่ยนตู หยางเฉินยืนเฝ้าอยู่ข้างหม่าชาวด้วยตัวเอง
เฝิงเสียวหว่านได้บอกไว้ว่า ห้ามดึงเข็มเงิน 7 เข็มออกจากร่างกายของหม่าชาวเด็ดขาด เขาจึงต้องเฝ้าดูด้วยตัวเองเพื่อความมั่นใจ
เฝิงเสียวหว่านได้ให้น้ำเกลือไว้ด้วย ใช้เวลาไม่นานก็จะฟื้นขึ้นมา
อ้ายหลินก็อยู่ข้างกายหม่าชาวด้วย ในเวลานี้เธอจับมือของหม่าชาวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย มองผู้ชายของเธอด้วยสีหน้าอ่อนโยน
มันออกจะเป็นส่วนเกินไปเสียหน่อยที่หยางเฉินจะอยู่ที่นี่
แต่เพื่อรับประกันความปลอดภัยของหม่าชาว เขาจำเป็นต้องคอยคุ้มกันด้วยตัวเอง
“นายท่าน รอบๆ ห้องผู้ป่วย ล้วนเป็นยอดฝีมือแดนราชาจากกองยุทธการ ท่านไปพักผ่อนเถอะ!”
ต่งจ้านกังอดพูดขึ้นมาไม่ได้ เขารู้ดีว่าแม้ว่าหยางเฉินจะฆ่าซีเหมิงตายแล้ว แต่ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
หยางเฉินส่ายหน้าพลางมองไปที่ต่งจ้านกังและถามว่า “ข่าวที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ถูกปล่อยออกไปใช่ไหม?”
ต่งจ้านกังรีบส่ายหน้าและกล่าวว่า “ยังครับ! หลังจากที่ท่านเกิดเรื่อง เมืองเยี่ยนตูก็เหมือนได้ล้างไพ่ครั้งใหญ่ ตระกูลเดอะคิงแห่งจิ่วโจว ยกเว้นตระกูลคิงเซวและตระกูลคิงกวน ตระกูลเดอะคิงที่เหลือได้ทยอยเข้าประจำการในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ในเวลานี้แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้ถูกยึดครองไว้หมดแล้ว”
หยางเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย “ปล่อยข่าวออกไป ว่าผมตายแล้ว!”
ให้บอกว่าหยางเฉินตายแล้ว?
ต่งจ้านกังอึ้งไปชั่วขณะ หยางเฉินคิดจะทำอะไร?
ก็เห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ จะให้บอกว่าตายแล้วทำไม?
ทันใดนั้นเขานึกถึงความเป็นไปได้และถามด้วยความประหลาดใจ “นายท่าน ท่านตัดสินใจสืบทอดตี้ชุนแล้วหรือ?”
หากมีใครต้องการถามว่า ในเมืองเยี่ยนตูใครสามารถสืบทอดตี้ชุนได้ นอกจากยางเฉินแล้ว ต่งจ้านกังก็นึกไม่ออกว่าใครจะมีคุณสมบัติเหมาะสม
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าความสามารถที่แท้จริงของหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็มั่นใจว่า อย่างน้อยความสามารถของหยางเฉินก็อยู่ในแดนเทพ
ถึงอย่างไรซีเหมิงที่อยู่กึ่งแดนเทพ เมื่ออยู่ในกำมือหยางเฉินก็ไม่มีกำลังที่จะตอบโต้กลับได้เลย
นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่า ในชายแดนเหนือนั้นมีเก้ากษัตริย์แห่งชายแดนเหนือ กษัตริย์แต่ละองค์มีพลังต่อสู้ในระดับกึ่งแดนเทพ
หยางเฉินในฐานะอดีตรักษาดินแดนเหนือ ความสามารถของเขาจะด้อยกว่าระดับกึ่งแดนเทพได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยได้ยินข่าวลือว่า เก้ากษัตริย์แห่งชายแดนเหนือล้วนถูกสร้างขึ้นโดยหยางปูไป้ซึ่งเป็นรักษาดินแดนเหนือ
ไม่เพียงเท่านี้ วิธีปลดล็อคเก้ากษัตริย์แห่งชายแดนเหนือซึ่งเป็นความลับ ก็สืบทอดมาจากหยางเฉินเช่นกัน
เมื่อก่อนตอนที่เขาได้ยินว่าเก้ากษัตริย์แห่งชายแดนเหนือมีวิธีลับที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมาก เขาก็ยังไม่เชื่อมากนัก แต่วันนี้เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองว่า มีเพียงหม่าชาวที่อยู่แดนราชาขั้นกลางเท่านั้นที่สามารถระเบิดศักยภาพได้ทัดเทียมกับกึ่งแดนเทพ เขาถึงได้ตระหนักว่าวิธีลับนี้ทรงพลังเพียงใด
หยางเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่ตอบว่าจะสืบทอดตี้ชุนหรือไม่ แต่พูดด้วยเสียงลุ่มลึกแทนว่า “ถึงเวลานำเมืองเยี่ยนตูกลับคืนสู่ความสงบสุขแล้ว”
“ครับ ผมจะจัดการให้คนเผยแพร่ข่าวการตายของท่านออกไป”
ต่งจ้านกังตอบอย่างเร่งรีบ จู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ถามขึ้นว่า “นายท่าน ท่านต้องการปิดบังภรรยาด้วยไหม?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่หยางเฉินรีบรุดไปถึงที่เกิดเหตุ ก็เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของฉินซีและฉินยี
พอพูดถึงฉินซี ความสงสารก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของหยางเฉิน
เขารู้ว่าถ้าฉินซีรู้ข่าวการตายของเขา เธอจะต้องเสียใจมากแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมืองเยี่ยนตูกำลังยุ่งเหยิง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะไม่สามารถมีชีวิตที่สงบสุขได้
คนบริสุทธิ์ไม่มีความผิด แต่เพราะครอบครองหยกจึงมีความผิด คนเราอาจได้รับอันตรายหากมีความสามารถ!
ตราบใดที่คนเหล่านั้นรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ก็จะมีปัญหาตามมามากมาย
ครั้งนี้เป็นนักฆ่าของหงเฉินที่มาฆ่าเขา แล้วครั้งต่อไปล่ะ? จะมีใครหานักฆ่าที่แข็งแกร่งกว่ามาฆ่าเขาอีกไหม?
สิ่งที่เขาต้องการทำก็คือ ยอมลำบากเพียงหนเดียวก็ทำให้เมืองเยี่ยนตูเกิดความโกลาหลขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง เขาจะไม่ปิดบัญชีจนกว่ากองกำลังทั้งหมดที่น่าจะลงมือได้ลงมือแล้ว
“บอกพวกเขาไปว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผมเป็นหรือตาย ผมถูกกองยุทธการชิงตัวไป!”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยางเฉินก็พูดขึ้น
“ใช่!”
ต่งจ้านกังรีบตอบ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
มันเป็นความจริงที่สามารถตรวจสอบได้ ว่าหยางเฉินได้ไปที่กองยุทธการเมื่อห้าปีก่อน
หลายคนอาจเดาได้แล้วว่าศักยภาพที่หยางเฉินแสดงออกมานั้นเป็นอย่างไร แม้แต่ในกองยุทธการ เขาก็ยังคงเป็นคนที่มีสถานะ
ในเวลานี้หากปล่อยข่าวว่าเขาถูกคนของกองยุทธการชิงตัวไป ก็คงไม่มีใครสงสัยหรอกนะ?
ที่สำคัญที่สุด เขาต้องการให้ฉินซีมีความหวังอยู่บ้าง
เขารู้ดีว่าฉินซีเป็นคนแบบไหน หากข่าวการตายของเขาแพร่กระจายออกไปจริงๆ ฉินซีอาจจะรู้สึกผิดจนทำอะไรโง่ๆ ออกมา
เพราะเมื่อก่อนตอนที่เขาเกิดเรื่อง ก็เพราะฉินซีโทรมาบอกเขาว่าจะขอหย่า
หากข่าวการได้รับบาดเจ็บสาหัสของเขาถูกแพร่กระจายออกไป คนภายนอกอาจคิดว่า แม้ว่าหยางเฉินจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็จะกลายเป็นคนพิการอย่างสมบูรณ์ ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสถานการณ์ของเมืองเยี่ยนตู
แต่ฉินซีนั้นไม่เหมือนกัน เธอจะรอจนกว่าจะได้ทราบข่าวการตายที่แน่นอนของหยางเฉิน
ต่งจ้านกังมีความรวดเร็วมาก ออกไปไม่ถึงสิบนาที พาดหัวข่าวทั้งหมดในเมืองเยี่ยนตูก็เป็นข่าวหยางเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกกองยุทธการพาตัวไป
ข่าวนี้ได้เป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งเมืองเยี่ยนตูในทันที
ไม่เพียงแต่ในเมืองเยี่ยนตูเท่านั้น แต่ตระกูลเดอะคิงทั้งห้าก็ทราบข่าวนี้ด้วย หลายคนถึงกับตกตะลึง
เมืองเยี่ยนตู ภายในวิลล่ายอดเมฆา
ฉินซีนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความงุนงง น้ำตาได้เหือดแห้งไปหมดแล้ว สมองของเธอเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์นั้น ฉินยีก็เช่นกัน ในเวลานี้เธอมีแต่รู้สึกผิดเท่านั้น
ผู้หญิงสองคนจมอยู่กับความเศร้าโศกและความรู้สึกผิด