The king of War - บทที่ 1044 กองยุทธการจิ่วโจว
เขายังถูกต่งจ้านกังตบ ตอนนี้ใบหน้าบวมขึ้นมา ความตั้งใจที่จะฆ่าต่งจ้านกัง ของเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าความตั้งใจของไป๋ชิ่ง
ไป๋ชิ่งขมวดคิ้ว “สังหารผู้บัญชาการสูงสุดของกองยุทธการย่อย? นายคิดว่าตระกูลคิงไป๋แข็งแกร่งมากจนถึงขั้นไม่เห็นกองยุทธการอยู่ในสายตาเลยหรือ?”
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของไป๋ชิ่ง สีหน้าของไป๋จวิ้นเหาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “อาสอง ผมขอโทษ ผมพูดมาก พูดผิดไป”
“ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็อย่าว่าฉันหยาบคายกับนาย!”
ไป๋ชิ่งพูดอย่างเฉยเมย
“ครับๆๆ ผมจะไม่พูดเหลวไหลอีก!”
ไป๋จวิ้นเหาพูดอย่างลนลาน
ไป๋ชิ่งพูดต่อ “อย่าว่าแต่ต่งจ้านกังที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุด แม้ว่าเขาเพิ่งก้าวเข้าสู่แดนราชา พวกเราก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้”
“กองยุทธการจิ่วโจวเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจิ่วโจว และเป็นกองกำลังที่ถือหางพวกเดียวกันมากที่สุด หากผู้บัญชาการสูงสุดของกองยุทธการตาย เกรงว่าจะสั่นสะทือนไปทั่วทั้งจิ่วโจว”
“ด้วยนิสัยการถือหางพวกเดียวกันของกองยุทธการจิ่วโจว จะต้องมีการสอบสวนอย่างเข้มงวด ถึงตอนนั้นไม่ต้องพูดถึงการหาหลักฐาน ต่อให้ไม่มี แค่สงสัยตระกูลคิงไป๋ ก็เกรงว่ากองยุทธการจะต้องให้ตระกูลคิงไป๋จ่ายชดใช้ในราคาที่สูง”
ด้วยเหตุนี้แม้ว่าไป๋ชิ่งจะได้เปรียบในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับต่งจ้านกัง
“ถ้าเรื่องที่นายต้องการฆ่าต่งจ้านกังแพร่กระจายออกไปข้างนอก ทันทีที่เกิดอะไรขึ้นกับต่งจ้านกัง ตระกูลคิงไป๋ทั้งหมดจะต้องเผชิญกับความโกรธของกองยุทธการ”
ไป๋ชิ่งจ้องไปที่ไป๋จวิ้นเหาและพูดอย่างจริงจัง
“อาสอง ผมเข้าใจแล้ว วันหลังผมจะไม่พูดโง่ๆ แบบนี้อีก” ไป๋จวิ้นเหาพูดอย่างลนลาน
“ตูม!”
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก ในเวลาเดียวกัน ลมปราณอันทรงพลังจนทำให้คนอื่นหายใจไม่ออกก็เข้าปกคลุมตระกูลหลิน
“ใครน่ะ?”
สีหน้าของไป๋ชิ่งเปลี่ยนไปอย่างมาก ลุกขึ้นยืนทันที
แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกกดดันอย่างมากจากลมปราณอันทรงพลังนี้ เขามีลางสังหรณ์ว่าความแข็งแกร่งของชายผู้นี้น่ากลัวอย่างยิ่ง และอาจไปถึงระดับกึ่งแดนเทพ
ไป๋จวิ้นเหายิ่งรู้สึกหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ ภายใต้แรงกดดันของลมปราณอันทรงพลังนี้ เขาตัวสั่นด้วยความตกใจ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขารู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมายของยมบาล ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะพุ่งเป้ามาหาเขา
“ผมคือไป๋ชิ่ง เจ้าชายรองตระกูลคิงไป๋ ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสมาที่นี่มีอะไรให้รับใช้หรือ?”
ไป๋ชิ่งเปิดประตูและเดินออกไป เมื่อมองไปที่รถเก๋งสีดำคันเล็กที่จอดอยู่ที่ประตู เขาก็พูดด้วยท่าทีเคารพ
เขาถูกห้อมล้อมด้วยผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของตระกูลคิงไป๋ บางคนก็เป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุด ในเวลานี้ทุกคนมีสีหน้าจริงจัง
ใครก็สามารถสัมผัสได้ว่า ภายในรถมีผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้นั่งอยู่ เป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้
สิ่งที่ทำให้ไป๋ชิ่งกลัวมากที่สุดก็คือ ต่อให้อยู่ต่อหน้ากษัตริย์ไป๋เขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ในฐานะผู้นำของตระกูลคิงไป๋ ตัวเขาได้ก้าวสู่ระดับกึ่งแดนเทพแล้ว ในฐานะโอรสของกษัตริย์ไป๋ เขารู้ดีว่าบิดาของตัวเองแข็งแกร่งเพียงใด
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ได้ปรากฏผู้แข็งแกร่งลึกลับที่น่ากลัวกว่าบิดาของเขาขึ้นในเมืองเยี่ยนตู ซึ่งทำให้เขาไม่สบายใจอย่างมาก
“แกร๊ก!”
ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออก
เมื่อไป๋ชิ่งมองไปที่ประตูรถที่เปิดออก ก็รู้สึกถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่มากขึ้นกว่าเดิมกำลังพุ่งเข้ามาหา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
“อาสอง ช่วยด้วย เขาจะฆ่าผม ช่วยด้วย…”
ในขณะนั้นเอง เสียงร้องคร่ำครวญอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมาจากภายในห้องทันที
มันเป็นเสียงของไป๋จวิ้นเหา แต่เขายังพูดไม่ทันจบก็ไม่มีโอกาสได้มีชีวิตอยู่แล้ว
“ปัง!”
จากนั้นเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ประตูรถที่เปิดอยู่ก็ปิดลงอีกครั้ง
รถเก๋งสตาร์ทอีกครั้งและเคลื่อนออกไปช้าๆ
ทุกคนในตระกูลคิงไป๋ยืนอยู่กับที่ด้วยความสะพรึงกลัว แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากไป๋จวิ้นเหาในห้อง แต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับ
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการช่วยไป๋จวิ้นเหา แต่พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย
ทันใดนั้นประตูรถได้เปิดออกอย่างกะทันหัน ก่อนที่พวกเขาจะมองเห็นได้ชัดเจนว่าใครอยู่ในรถ คนในรถก็หายตัวไปแล้ว จากนั้นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไป๋จวิ้นเหาดังมาจากในห้อง
จากนั้นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไป๋จวิ้นเหาก็หายไป ประตูปิดลงทันที
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเสี้ยวพริบตา ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบโต้ รถเก๋งคันนั้นก็แล่นออกไปแล้ว
“ไป๋จวิ้นเหา ตายแล้ว!”
ในเวลานี้ ชายชราที่อยู่แดนราชาสูงสุดที่อยู่ข้างหลังไป๋ชิ่งได้กล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง ไป๋จวิ้นเหาที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อครู่ กลับมาตายไปแบบนี้?
พวกเขาแค่รู้สึกว่ามันเหมือนจินตนาการเหลือเกิน สมาชิกตระกูลคิงไป๋คนหนึ่ง ถามขึ้นด้วยสีหน้าเหม่อลอย “ผู้แข็งแกร่งลึกลับในรถเป็นคนฆ่าหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก
เมื่อครู่พวกเขาคาดเดาได้ แต่ไม่มีใครยอมรับความจริงข้อนี้ และไม่มีใครยินดีจะพูดมันออกมา
จนกระทั่งมีคนพูดขึ้น พวกเขาจึงได้ตระหนักในที่สุดว่า ไป๋จวิ้นเหาถูกฆ่าโดยผู้แข็งแกร่งลึกลับในรถเมื่อครู่นี้
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่เงาร่างของอีกฝ่าย พวกเขายังไม่สามารถสัมผัสได้
ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาทีตั้งแต่ประตูรถเปิด จะกระทั่งไป๋จวิ้นเหาถูกฆ่าตายและรถเก๋งแล่นออกไป
“นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
ไป๋ชิ่งมีสีหน้าจริงจังจนถึงขีดสุด ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาและถามชายชราแดนราชาสูงสุดที่อยู่ข้างกายว่า “อีกฝ่าย เป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพหรือเปล่า?”
ชายชราส่ายหน้าเบาๆ
ไป๋ชิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ และถามว่า “หรือว่าเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพ?”
ชายชราพยักหน้า “มีเพียงผู้แข็งแกร่งแดนเทพเท่านั้นที่สามารถฆ่าคนได้ในเวลาอันสั้น หากต่อสู้กับเขาเกรงว่าผมจะไม่มีโอกาสได้ลงมือด้วยซ้ำ”
ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้างทันทีที่คำพูดของชายชราออกจากปาก
ชายชราเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของตระกูลคิงไป๋ มีความสามารถในระดับแดนราชาสูงสุด แม้แต่ในตระกูลคิงไป๋ เขาก็สามารถติดอันดับหนึ่งในห้า
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ก็บอกว่าหากต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งลึกลับคนนั้น เขาจะไม่มีโอกาสได้ลงมือด้วยซ้ำ
“ไป๋จวิ้นเหามีความสามารถอยู่ในระดับแดนราชาขั้นต้นเท่านั้น เหตุใดถึงดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งแดนเทพลงมือด้วยตัวเองได้?”
ไป๋ชิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมบุคคลในตำนานมาที่นี่เพื่อฆ่ามดตัวเล็กๆ ในแดนราชาขั้นต้นด้วยตัวเอง
ผ่านไปเป็นเวลานาน ชายชราที่อยู่แดนราชาสูงสุดข้างกายไป๋ชิ่งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เว้นแต่ไป๋จวิ้นเหาจะไปล่วงเกินคนที่เขาไม่ควรจะล่วงเกิน ถ้าไม่เช่นนั้น เขาจะไม่มีทางดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งแดนเทพมาหาได้”
“ไม่เพียงเท่านี้ นี่เป็นคำเตือนที่อีกฝ่ายมีให้กับตระกูลคิงไป๋ด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา ไป๋จวิ้นเหาก็พูดขึ้นทันที ช่วงนี้ไป๋จวิ้นเหาได้คอยตามรังควานฉินซีอยู่ตลอด ส่วนเรื่องที่พักอาศัยของไป๋จวิ้นเหา เขาเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด