The king of War - บทที่ 106 ในไวน์มียาพิษ
ลั่วปิงร้อนใจขึ้นมาจริงๆแล้ว เผิงกางเพิ่งถูกสั่งสอนต่อหน้าผู้คน ถึงขั้นยังตัดนิ้วทั้งสองต่อหน้าคนหมู่มากอีกด้วย
ตอนนี้กลับเสียชีวิตแล้ว ถ้าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป จะต้องสร้างปัญหาให้บริษัทอย่างใหญ่หลวงแน่นอน
“เผิงกางกระโดดตึกฆ่าตัวตายแล้ว! ก่อนที่เขาจะกระโดดตึก ยัง ยังพูดว่า……”
เลขาท่าทางกลัวตัวสั่น ไม่กล้าพูดต่อไป
“มันพูดอะไรกันแน่?” ลั่วปิงเกรี้ยวกราด
“เขาพูดว่า ท่านบีบให้เขาตาย เป็นผีก็ไม่มีทางปล่อยท่านไว้แน่” เลขากล่าว
ลั่วปิงนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยสีหน้าซึม
สายตาทั้งคู่ของหยางเฉินเปลี่ยนเป็นเลือดเย็นขึ้นทันใด ถ้าเป็นการเล่นงานทั่วไป เขารับได้ แต่ตอนนี้ถึงขั้นเอาชีวิตกัน มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้แล้ว
“แจ้งความก่อน!”
หยางเฉินออกคำสั่ง
เลขาไม่รู้ตัวตนของหยางเฉิน ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็มองไปที่ลั่วปิงด้วยสีหน้าไม่ดี
“รีบทำตามคำพูดของท่านประธานสิ! จะยืนแข็งทื่ออยู่ทำไมกันเล่า?”
ลั่วปิงตะคอกออกมา เลขาได้ยินคำว่าประธานคำนี้ ก็ตกใจอย่างมาก
ถึงแม้มักจะเห็นหยางเฉินและลั่วปิงอยู่ด้วยกัน แต่กลับไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหยางเฉิน วันนี้เพิ่งจะรู้ ว่าที่แท้วัยรุ่นท่านนี้ จะเป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
หลังจากที่เลขาออกไปแล้ว หยางเฉินกล่าว “เรื่องนี้ ตำรวจจะต้องพาคุณไปให้ปากคำแน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น คุณไปมอบตัวเดี๋ยวนี้”
“เรื่องที่เกิดขึ้นในการประชุมก่อนหน้านี้ ปิดบังไว้ไม่อยู่อย่างแน่นอน ตอนนี้เผิงกางตายแล้ว ต่อให้คุณไม่ไปมอบตัว ยังไงก็สาวมาถึงตัวคุณแน่นอน”
ลั่วปิงเข้าใจหยางเฉิน รีบกล่าวว่า “ผมฟังท่านครับ!”
พูดจบ เขาก็จากไป
หยางเฉินโทรออก “สืบให้ฉันหน่อย ก่อนหน้าที่เผิงกางจะเสียชีวิตติดต่อใครบ้าง แล้วก็เด็กและคนแก่ของครอบครัวเผิงกาง เช็คให้ดีทั้งหมด!”
เขารู้ การตายของเผิงกาง ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายดายอย่างนั้นแน่นอน
ถ้าเขาไม่กลัวตายจริงๆละก็ ทำไมตัดนิ้วสองนิ้วของเขา แล้วเขาจึงพูดออกมาทั้งหมดละ?
และด้วยตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการขายของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างเขา ต่อให้ออกจากบริษัทไป ด้วยวัยวุฒิของเขา หางานที่ไม่เลวสักงาน ไม่ยากเลย
เขาคนที่กลัวเจ็บคนหนึ่ง จะกระโดดตึกได้อย่างไรกัน?
นี่หมายความว่า เขาจะต้องถูกข่มขู่ สำหรับระดับสูงอย่างเขา ถ้าจะถูกข่มขู่ ก็มีแค่ครอบครัว
ไม่นาน ฉินยีถูกเรียกเข้าไปในห้องทำงานประธานบริษัท
เธอเห็นหยางเฉินที่นั่งในตำแหน่งประธาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “พี่เขย พี่มาที่นี่ได้ไง?
อาจเพราะตกใจกับเรื่องที่เผิงกางกระโดดตึกฆ่าตัวตาย สีหน้าของฉินยีจึงซีดเป็นอย่างมาก
หยางเฉินกล่าว “ผมให้ลั่วปิงไปมอบตัวแล้ว จากนี้ไปช่วงระยะหนึ่ง เขาจะไม่ปรากฏตัว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณรักษาการแทนผู้จัดการทั่วไปชั่วคราว รับผิดชอบทุกเรื่องในบริษัท
แม้ฉินยีจะรู้ว่าหยางเฉินไม่ธรรมดา แต่ไม่เคยเอาหยางเฉินมาพัวพันกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
ขณะนี้ คำพูดของหยางเฉิน ทำให้ในหัวของเธอผุดความคิดอันแรงกล้าออกมา
“พี่เขย พี่……”
ฉินยีไม่รู้ว่าจะพูดออกมาดีมั้ย สุดท้ายแล้วหยางเฉินก็ไม่เคยบอกเธอมาก่อน เกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง
หยางเฉินพูดเสียงโทนต่ำ “ผมคือประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบาย ต่อจากนี้ไปต้องเกิดเรื่องอีกมากมายแน่นอน ตอนนี้ผมพูด คุณทำตาม!”
“ค่ะ!”
หลังจากที่มั่นใจกับการคาดเดาในใจแล้ว ฉินยีก็ช็อก แต่ก็รู้ดีถึงความร้ายแรงของปัญหา จึงรอฟังคำสั่งของหยางเฉินอย่างตั้งใจ
“ประการแรก การตายของเผิงกาง คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรือโทษตัวเองแต่อย่างใด ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำ ก็คือรักษาการแทนลั่วปิง จัดการทุกอย่างของบริษัทให้เรียบร้อย”
“ประการที่สอง การตายของเผิงกาง จะต้องมีคนฉวยโอกาสทำ คุณจะต้องเผชิญกับแรงกดดันทางจิตใจอย่างมาก ผมบอกให้คุณเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่ต้องหวาดผวา ทำอย่างมีเสถียรภาพ”
“ประการที่สาม ภายในบริษัท ต้องสังเกตอีกฝั่งให้ดี ตอนนี้ผมทำได้เพียงเชื่อคุณ ดังนั้นจึงได้ให้คุณรักษาการแทนลั่วปิง”
“เอาละ สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ตอนนี้มีคำถามอะไร ถามมาได้เลยนะ”
หยางเฉินในตอนนี้ มีความเกรงขามของคนระดับสูง ฉินยีแอบเกิดอาการหวาดกลัว
แม้ในใจเธอจะมีความสงสัยเกิดขึ้นมามากมาย แต่ก็แยกแยะสถานการณ์ออก ส่ายหน้าแล้วส่ายหน้าอีก “คุณวางใจได้ ฉันไม่มีทางทำให้คุณผิดหวัง!”
“ดี ในเมื่อไม่มีอะไรจะถาม งั้นผมก็มอบบริษัทให้เป็นหน้าที่ของคุณก็แล้วกัน เพื่อนรักของคุณซุนเถียน ถ้ามีความสามารถจริงๆ ก็เลื่อนขั้นให้ได้นะ”
หยางเฉินพูดจบ มองไปที่นาฬิกา จากนั้นก็ยืนขึ้น “ผมต้องไปรับเสี้ยวเสี้ยวแล้ว”
พูดจบ เขาก็หันหลังจากไป เหลือไว้แค่ฉินยีที่หน้ามึนงง “บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณจะไปง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ?”
หลังจากที่ข่าวฉินยีรักษาการแทนผู้จัดการทั่วไปแพร่สะพัดออกไป ระดับสูงและระดับต่ำของบริษัทต่างพากันแตกตื่น คนจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
นี่ทำให้ฉินยีที่เพิ่งเลื่อนขึ้น รู้สึกกดดันอย่างมาก
หยางเฉินรู้ดี ในทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยความสามารถของเขา จะจัดการปัญหาเหล่านี้ ง่ายดายเสียเหลือเกิน
ที่ให้ฉินยีรับช่วงต่อเรื่องเละเทะแบบนี้ เพียงแค่อยากฉวยโอกาสฝึกฝนเธอ สาขาย่อยของเจียงโจว สำหรับหยางเฉินแล้ว ไม่สำคัญใดๆ ที่เมืองเยนตูถึงจะเป็นการต่อสู้ที่แท้จริง
เมืองเยนตู คฤหาสน์ขนาดใหญ่ ภายในหนึ่งในคฤหาสน์ที่หรูหราหลังหนึ่ง
วัยรุ่นคนหนึ่ง กำลังยืนเอามือไขว้หลังอยู่ด้านหน้าหน้าต่างยาวถึงพื้นอันสูงใหญ่ แล้วมองไปที่ด้านนอกหน้าต่าง
ด้านหลังมีวัยกลางคนคนหนึ่ง พูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายปิง ผมได้ทำตามคำสั่งของท่าน บีบให้เผิงกางตายแล้ว ไอ้สวะนั่น น่าจะเคร่งเครียดมากในตอนนี้”
วัยรุ่นที่ถูกเรียกว่าคุณชายปิง ยิ้มมุมปาก “ทำได้ไม่เลว!”
พูดจบ คุณชายปิงเดินไปข้างๆโต๊ะน้ำชาไม้มะฮอกกานีอย่างยิ้มกริ่ม รินไวน์แดงสองแก้วด้วยตัวเอง เอาแก้วไวน์หนึ่งในนั้นยื่นให้วัยกลางคน “ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แกควรจะไปกบดานนอกประเทศ แก้วนี้ เพื่อความสำเร็จของแก”
“ขอบคุณครับคุณชายปิง!ได้ทำเพื่อคุณชายปิง ถือเป็นความปีติยินดีอย่างยิ่ง!”
วัยกลางคนรู้ดีถึงตัวตนของวัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ ตอนนี้มีความรู้สึกดีใจที่ได้รับคำชมอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบรับแก้วไวน์มา
“เกร๊ง!”
เสียงชนแก้วดังขึ้น
วัยกลางคนดื่มกรึ๊บเดียวหมด
“คุณชายปิง งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ รอผมกลับมา แล้วจะมารับใช้อีกครั้ง”
วัยกลางคนพูดพลาง หันหลังเดินจากไป
เพียงแต่เขาเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆก็เกิดวิงเวียนศีรษะขึ้นมา
ไม่นาน เขาหายใจเร็วขึ้น หน้าช้ำเขียว ขาดอากาศหายใจอย่างรุนแรง ทำให้เขาหวาดกลัวสุดขีด
“ไวน์ ในแก้วไวน์มียาพิษ!”
นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่เขาพูดบนโลก เมื่อพูดจบ คอก็พับไป
คุณชายปิงดูแคลน “แค่แกตาย เรื่องที่เกิดขึ้นในเจียงโจว ก็จะปะติดปะต่อกันไม่ได้”
ไม่นาน ชายบึกบึนสวมชุดดำสองคนเข้ามาในห้อง ยกศพของชายวัยกลางคนไป
อีกฝั่ง หยางเฉินกำลังเข้าแถวรับเสี้ยวเสี้ยว จู่ๆเสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น
“พี่เฉิน เจอแล้ว ก่อนหน้าที่เผิงกางจะเสียชีวิตได้รับสายจริงๆ ของเฉินไห่”
ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากในมือถือ แต่ไม่นาน อีกฝ่ายก็พูดต่อว่า “แต่เมื่อกี้ เมืองเยนตูส่งข่าวมา หลังจากที่เฉินไห่เข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลอวี่เหวิน ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย”