The king of War - บทที่ 1103 ขัดขวาง
ภาพที่เกิดขึ้น ทำเอาบรรดาผู้นำเศรษฐีผู้ที่เลือกข้างตระกูลเฉา ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นสุด ๆ ความรู้สึกคิดเสียใจในใจ เข้มข้นยิ่งขึ้น
เพียงแค่ประโยคคำพูดเดียว สามารถปลุกพลังการทำสงครามของแปดผู้แข็งแกร่งขึ้นมา ชายหนุ่มคนนี้ เป็นใครกันนะ?
สีหน้าของเฉาเยว่ค่อย ๆ อึมครึมลงไปถึงสุด ๆ ตาที่หยีอยู่ สาดประกายเหี้ยมสายหนึ่ง พึมพำกับตัวเองว่า “ทำไมต้องมาบีบคั้นข้า?ทำไมต้องมาบีบคั้นข้า?”
บรึม!
เสียงพูดจบ พลังลมปราณที่น่าสะพรึงกลัว ระเบิดออกมาจากตัวของเขา
“แดนเทพ!”
หยางเฉินหรี่ตาลง ขณะนี้ จากในตัวของเฉาเยว่ เขาได้รู้สึกถึงพลังปราณผู้แข็งแกร่งแดนเทพ
“ออกให้หมดมาเลย!”
ฉับพลันนั้นเอง ก็มีสายพลังอันน่าสะพรึงกลัวหลายกระแส มุ่งกดดันใส่เข้ามาทางตระกูลฉิน
หนึ่งหน่วย!
สองหน่วย!
สามหน่วย!
เพียงชั่วกระพริบตา ก็ปรากฏมีเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวสามร่าง แต่ละร่างเงา เต็มไปด้วยพลังปราณของกึ่งแดนเทพ
มาขณะนี้ คนในตระกูลฉินต่างหมดหวังกันแล้ว หนึ่งผู้แข็งแกร่งแดนเทพ สามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพ ตระกูลเฉา เก็บซ่อนพลังกองกำลังใหญ่ถึงขนาดนี้แลยชียว
ส่วนฝ่ายตระกูลฉิน ที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีอู่เลี่ยคนเดียว เพิ่งจะก้าวเข้าขั้นกึ่งแดนเทพใหม่ ๆ
คนตระกูลฉินทุกคนต่างก็หมดหวังกัน ส่วนพวกหัวหน้าตระกูลเศรษฐีที่เพิ่งเลือกข้างก้าวไปอยู่ฝ่ายตระกูลเฉาตอนนี้ก็ให้ตื่นเต้นกันขึ้นมาอย่างมาก ต้องให้ระกูลเฉาสยบตระกูลฉินลงได้ จึงจะรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกพัวพันเข้าไปด้วย
“หยางเฉิน กล้าไสหัวออกมาซัดกันสักตั้งไหม?”
เฉาเยว่ก้าวเดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ด้วยสายตาที่เยือกเฉียบ จ้องใส่หยางเฉินแล้วตวาดใส่
นาทีนั้นเอง สายตาคนทั้งหมดจ้องไปที่หยางเฉินอย่างพร้อมเพรียง ต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ใครจะไปคิดได้ว่า กษัตริย์เฉาที่แข็งกล้า กลับจะลงมาฟาดฟันกับหยางเฉินเอง
โดยเฉพาะพวกหัวหน้าตระกูลเศรษฐีเหล่านั้น ยิ่งให้รู้สึกตื่นใจ มองดูแล้วอายุหยางเฉินไม่น่าจะถึงสามสิบ ต่อให้มีที่มาที่ใหญ่โต แล้วจะมีอะไร?
เฉาเยว่ในเวลานี้ พลังฝีมือทะลวงทะลุไปถึงขั้นเทพแล้ว
เหล่าบรรดาหัวหน้าตระกูลเศรษฐีพวกนั้นต่างมีความรู้สึกดูเป็นเรื่องเหลวไหล เหมือนกับว่าผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง อยู่ดีไม่ว่าดีไปชวนเด็กอนุบาลมาต่อยตีกัน
มีแต่พวกผู้แข็งแกร่งทั้งแปดคนที่หยางเฉินนำมาจะรู้ดี เฉาเยว่กำลังรนหาที่ตาย
พวกเขาต่างก็เคยเห็นมากับตา พวกผู้แข็งแกร่งเมืองเหมียว สำหรับหยางเฉิน ยังไม่พอมือสักนิด แล้วจะอะไรกับเฉาเยว่ที่แค่เพิ่งเข้าถึงขั้นแดนเทพ?
“หยางเฉิน เจ้าอย่าไปสู้กับมันเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องของตระกูลฉินของเรา เจ้าพาพ่อตาเจ้าออกไปจากที่นี่ในตอนนี้เลย พวกเราจะสู้กันแค่ตายกับเฉาเยว่ที่นี่เอง”
ฉินเต๋อเจิ้งรีบเข้ามาห้าม เขาไม่รู้ได้ว่าหยางเฉินมีพลังฝีมือแข็งแกร่งขนาดไหน รู้ได้แต่พลังฝีมือของเฉาเยว่ เข้าถึงขั้นเทพแล้ว
หยางเฉินส่ายหน้าช้า ๆ ค่อย ๆลุกยืนขึ้น สายตามองไปยังเฉาเยว่ในฉับพลัน “แกแน่ใจ จะสู้กับข้านะ?”
“แกไม่กล้าหรือ?”
เฉาเยว่ถามเสียงเยือก น้ำเสียงเต็มไปด้วยการยั่วยุ
“ได้ ในเมื่อแกอยากตาย ข้าก็จะช่วยให้สมใจ!”
หยางเฉินพูดจบ ก้าวเดินเข้าไปหาเฉาเยว่
“หยางเฉิน อย่านะ!มันกำลังใช้การยั่วยุ เพื่อให้เจ้าเข้าไปตาย!”
ฉินเต๋อเจิ้งร้อนใจจนแทบคลั่ง ถ้าหยางเฉินเกิดเป็นอะไรไป เขาจะแบกหน้าเข้าหาพี่ชายใหญ่ได้ยังไง?
“ท่านคิง ท่านโปรดได้วางพระทัย คุณหยางมีพลังฝีมือล้ำเลิศสุดจะหยั่งวัดได้ ต่อให้เฉาเยว่บรรลุเข้าถึงขั้นเทพ ก็ไม่ใช่คู่ตอสู้ของคุณหยาง”
อู่เลี่ยเอ่ยปากพูด มองตามเงาหลังของหยางเฉิน สายตาทั้งคู่เต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธา ก่อนหน้านี้ฉินหรูเฟิงได้ระดมเอาพิษกู่ในร่างขึ้นมา ระเบิดขับพลังฝีมือแดนเทพขั้นต้นออกมา ก็ยังถูกหยางเฉินซัดทีเดียวก็แพ้ยับ
เท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่า หยางเฉินนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
เฉาเยว่ในขณะนี้ อานุภาพพลังแม้ว่าแข็งกล้ามาก ขนาดว่าแข็งแกร่งกว่าฉินหรูเฟิงในก่อนนี้อีกมาก แต่ให้อู่เลี่ยมองแล้ว เฉาเยว่ถึงยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน
“แต่ว่า……….”
ฉินเต๋อเจิ้งกัดฟันพูด “ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมา ไม่กลายเป็นว่าตระกูลฉินของพวกเราเป็นเหตุทำให้เขาตายหรือ?”
“วางใจเถอะ เขาจะไม่เป็นอะไร!”อู่เลี่ยพูดด้วยความมั่นใจสุด ๆ
ภายใต้สายตาของคนที่จ้องมองอยู่ทั้งหมด หยางเฉินมาถึงข้างหน้าเฉาเยว่ นัยน์ตาทั้งคู่นิ่งสงบ มองเฉาเยว่อย่างเหยียด ๆ พูดว่า “แกลงมือก่อนเลย!ไม่งั้นข้ากลัวว่าแกจะไม่มีโอกาสได้ทำอะไร”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นตะลึง
เฉาเยว่ยิ่งได้แต่แค่นหัวเราะออกมา “ข้ารู้อยู่ว่าแกเก่งกาจมาก แต่ไม่คิดไม่ถึงเลยว่า แกจะโอหังถึงขนาดนี้ จะให้ข้าลงมือก่อน แกแน่ใจหรือ?”
หยางเฉินส่ายหน้าด้วยสีหน้าเอือมระอา “แน่ใจแน่นอน เอาเลย!”
“ให้แกลงมือก่อนดีกว่า เอาหยั่งงี้ ข้าจะต่อให้แกสามกระบวนท่า หลังจากสามกระบวนท่าของแก แล้วข้าก็จะลงมือ!”
เฉาเยว่เอ่ยปากพูด
มีผู้แข็งแกร่งขั้นกึ่งแดนเทพยืนอยู่ จัดตำแหน่งยืนเป็นสามมุม จ้องไปที่หยางเฉินด้วยสายตาดุดัน
ไม่มีต้องสงสัย ถ้าเมื่อเฉาเยว่ออกคำสั่ง ผู้แข็งแกร่งขั้นกึ่งแดนเทพทั้งสามนี้ ก็จะรุมใส่หยางเฉินพร้อมกันทันที
“ถ้าจะให้เป็นแบบนี้ แกก็ไสหัวออกไปนั่งเป็นผู้ช่วยครูฝึกเถอะ!”
ชั่วขณะเดียวที่หยางเฉินพูดจบ บรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวมุ่งโถมถลาเข้าใส่เฉาเยว่
แต่ก็ในขณะเดียวกันนั้น สิ่งที่ทุกคนต้องตื่นตาเป็นอย่างมากบังเกิดขึ้น เฉาเยว่ที่เดิมเห็นยืนอยู่ จู่ ๆ ก็แวบถอยไป
ติดตามมาทันทีนั้นคือ สามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพ ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่หยางเฉินอย่างพร้อมเพรียง
“ฆ่ามัน!”
ทั้งสามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพ ไม่มีการยืดยาด พุ่งตรงเข้าใส่หยางเฉิน ในมือแต่ละคน ต่างถือมีดสั้นส่องประกายวับ
“เฉาเยว่ แกนี่มันต่ำช้าไร้ยางอาย!”
ฉินเต๋อเจิ้งคำรามขึ้นมาลั่น
ดวงตาหยางเฉินทอแววฆ่าเป็นประกาย เผชิญหน้ากับการใช้อาวุธจู่โจมใส่เข้ามาของสามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพ เขาไม่มีทีท่าจะฉากตัวหลบ กระทืบขาลงกับพื้น
“บรึม!”
เสียงดังสนั่น พื้นตรงที่เขากระทืบเห็นลึกเป็นรอย ขณะเดียวกันก็เกิดรอยแยกขนาดท่อนแขน จากจุดศูนย์กลางที่ตรงเท้าของเขากระทืบเป็นรอยบุ๋ม แตกกระจายออกไปโดยรอบ
คนอื่น ๆ ในบริเวณ หน้าตาแตกตื่น ร่างกายสะท้านสั่น
เท้าที่ย่ำลงไปของหยางเฉิน ถึงกับทำให้เกิดอาการเหมือนแผ่นดินไหว
สามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพที่กำลังพุ่งเข้าใส่หยางเฉิน ปรากฏเห็นรอยแยกของพื้น ทำให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาต้องสะดุดกะทันหัน
“ผลุบ ผลุบ ผลุบ!”
ในขณะชั่วเวลาที่พวกเขาสะดุดชะงักนั้นเอง ก้อนหินสามก้อนที่หยางเฉินกระแทกกระเด็นขึ้นมา อานุภาพประดุจพายุหมุนที่น่าสะพรึงกลัว เร็วปานลูกกระสุนที่หมุนตัวเป็นเกลียว เจาะใส่เข้าไประหว่างคิ้วบนใบหน้าของทั้งสาม
“ปึง ปึง ปึง!”
ทุกอย่างจบลงอย่างสงบ หยางเฉินยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงที่เดิม
ส่วนสามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพที่พุ่งใส่หยางเฉิน ล้มลงบนพื้นพร้อม กัน แต่ละคนมีรูเลือดตรงหว่างคิ้ว ตายตาไม่ทันหลับ
ครืน!
ภายในบ้านใหญ่โตโอฬารตระกูลฉิน เหล่าคนทั้งหมดที่อยู่ยืนเซ่อเป็นไก่ตาแตก