The king of War - บทที่ 1216 ไม่เกินไปใช่ไหม
ซ่างกวนโหรวพูดอย่างประชดประชัน “พวกคุณจะยุบพันธมิตรในระยะเวลาอันสั้นแค่นี้น่ะหรือ?”
“หุบปากซะ!”
หลงเคอคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
หลังจากต้วนหวูหยากินยาที่หม่าชาวให้แล้ว อาการบาดเจ็บก็ทรงตัว
ในเวลานี้ เขามองไปที่หลงเคอด้วยสายตาอาฆาตและกล่าวว่า “หลงเคอ ราชวงศ์หลงของคุณกล้าดียังไงที่ปล่อยให้ยอดฝีมือมาฆ่าผม คุณคิดว่าราชวงศ์ต้วนของเราเป็นพวกอ่อนแอเหรอ?”
“คุณคอยดูเถอะ ราชวงศ์ต้วนจะเปิดศึกกับราชวงศ์หลงของคุณ!”
สีหน้าของหลงเคอแย่ลงทันที ต้วนหวูหยาเป็นทายาทของราชวงศ์ต้วน เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในเรื่องวิถีบู๊ ถ้าตายก็แล้วไป แต่ในเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ ราชวงศ์ต้วนก็ต้องเปิดศึกกับราชวงศ์หลงเพื่อต้วนหวูหยาอย่างแน่นอน
เมื่อครู่เขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของต้วนหวูหยามาแล้ว ถ้าจะบอกว่าต้วนหวูหยาในตอนนี้เป็นยอดฝีมือระดับแดนเทพชั้นยอดคนแรกก็ไม่เกินไป
บวกกับกษัตริย์ต้วนแห่งแดนเทพชั้นยอด ความแข็งแกร่งของราชวงศ์ต้วนก็น่ากลัวมากแล้ว
เมื่อเปิดฉากการต่อสู้ ราชวงศ์หลงก็ไม่มีโอกาสชนะแน่นอน
นอกจากราชวงศ์ต้วนแล้ว ยังมีสมาคมบูโดที่คอยจับตาดูราชวงศ์หลงด้วย ถึงอย่างไร ยอดฝีมือของราชวงศ์หลงได้ฆ่ายอดฝีมือแดนเทพชั้นกลางของสมาคมบูโดไปหนึ่งคน
ตอนนี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงการสืบทอดตี้ชุนเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของราชวงศ์หลงได้
“หัวหน้าหวา ต้องขอโทษจริงๆ ราชวงศ์หลงของเราก็อยากได้ตี้ชุนเหมือนกัน”
หลงเคอมองไปที่หวาอิงเจี๋ย พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของหวาอิงเจี๋ยก็มืดมนลงอย่างสมบูรณ์ “คุณเคยคิดถึงผลที่จะตามมาเมื่อราชวงศ์หลงพ่ายแพ้หรือไม่?”
หลงเคอพยักหน้า “ผมรู้ดี ดังนั้นจึงต้องแข่งขันกับสมาคมบูโดให้ได้”
“ฮึ่ม!”
หวาอิงเจี๋ยพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “คุณนี่มันโง่ พวกเขากำลังยั่วยุคุณ จงใจทำให้ราชวงศ์หลงต่อต้านสมาคมบูโด เช่นนี้จึงจะเห็นการต่อสู้ระหว่างสองกองกำลังของเรา”
“ผมรับรองได้เลยว่าตราบใดที่ราชวงศ์หลงยินดีถอนตัวจากการแข่งขันนี้ หลังจากที่สมาคมบูโดของเราได้สืบทอดตี้ชุน ก็จะร่วมมือกับราชวงศ์หลง”
“แน่นอน ผมก็รู้ว่า คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ ผมให้โอกาสคุณติดต่อหลงหวง”
แม้ว่าหวาอิงเจี๋ยจะมั่นใจว่า ยอดฝีมือของสมาคมบูโดจะสามารถคว้าชัยชนะได้ แต่ยอดฝีมือของราชวงศ์หลงก็อยู่ในระดับแดนเทพขั้นปลายเช่นกัน ความสามารถใกล้เคียงกัน หากพ่ายแพ้ขึ้นมาล่ะ?
หลงเคอพยักหน้า “ตกลง ผมจะติดต่อพ่อเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นหลงเคอก็กดโทรหาหลงหวง รายงานสถานการณ์ที่นี่ รวมถึงเรื่องยอดฝีมือของราชวงศ์หลงจะสังหารต้วนหวูหยา แต่พลาดไปสังหารยอดฝีมือของสมาคมบูโดโดยบังเอิญให้ฟังด้วย
“ไอ้เวร! กล้าฆ่าแม้แต่ทายาทของราชวงศ์ต้วน ทำไมถึงกล้าดีขนาดนี้?”
เมื่อหลงหวงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เขาก็คำรามอย่างโกรธจัด “ถ้าฆ่าต้วนหวูหยาได้ก็แล้วไป แต่พวกแกมันไร้ประโยชน์ ปล่อยให้ต้วนหวูหยารอดชีวิต แต่กลับไปฆ่ายอดฝีมือของสมาคมบูโด”
“พวกคุณชอบรนหาที่ตายมากเหรอ?”
หลงเคอคาดการณ์ไว้แล้วว่า หลงหวงจะโกรธมากเมื่อได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เมื่อหลงหวงได้ระบายออกมาจนพอใจแล้ว หลงเคอจึงพูดอย่างระมัดระวังว่า “พ่อครับ ผมรู้ว่าผมผิดไปแล้ว ตอนนี้พวกเราควรยุติการต่อสู้ชี้ขาดหรือไม่?”
คราวนี้ หลงหวงไม่ได้โกรธ เขานิ่งเงียบอยู่นานและพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “ตี้ชุน ต้องเป็นของราชวงศ์หลงเท่านั้น!”
“ครับ!”
หลงเคอเข้าใจแล้ว
“ว่าไง?”
หวาอิงเจี๋ยเห็นหลงเคอวางสายแล้ว จึงถามอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น ทุกคนก็มองไปที่หลงเคอ
ภายใต้การจ้องมองของผู้คน หลงเคอส่ายหน้า “หัวหน้าหวา ต้องขอโทษเป็นอย่างมาก พ่อของผมได้ตัดสินใจที่จะต่อสู้ชี้ขาดต่อไป!”
“ในเมื่อราชวงศ์หลงรนหาที่ตาย งั้นผมจะสงเคราะห์ให้!”
สองตาของหวาอิงเจี๋ยเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ในฐานะหัวหน้าสมาคมบูโด เขาเคยกลัวใครที่ไหน?
เมื่อเขาสามารถสืบทอดตี้ชุนได้ ต่อให้เป็นศัตรูของราชวงศ์ทั้งสี่ในเมืองจิ่วโจวในเวลาเดียวกัน แล้วจะทำไมล่ะ?
หลงเคอดูมีสีหน้าหวาดกลัว แต่หลงหวงออกคำสั่งเขาแล้ว เขาก็ต้องต้องปฏิบัติตาม
“หัวหน้าหวา ฝ่าบาทหลง ดูเหมือนพวกคุณจะลืมไปว่ายังมีอีกคนหนึ่งอยู่ในสังเวียนต่อสู้ชี้ขาด!”
และในเวลานี้เอง จู่ๆ เย่ชงก็พูดขึ้น
ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา สายตาของทุกคนก็พุ่งไปที่ภายในสังเวียนต่อสู้ชี้ขาด คอยจับจ้องหยางเฉินอยู่ตลอดเวลา
เมื่อพวกเขาเห็นว่าหยางเฉินมีสีหน้าสงบนิ่ง และมีความหยอกเย้าแฝงอยู่ในความสงบนิ่งนั้น พวกเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้อย่างกะทันหัน
“หยางเฉิน ในเมื่อคุณสูญเสียกำลังที่จะต่อสู้อีกครั้ง ยังจะอยู่ในสังเวียนต่อสู้ชี้ขาดทำไม? คุณคิดจะออกไปเอง? หรือให้ใครมาตีคุณออกไป?”
หวาอิงเจี๋ยหรี่ตามองหยางเฉิน
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกถึงความกดดันอย่างเลือนรางจากตัวหยางเฉิน
ราวกับว่าหยางเฉินไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ
หลงเคอยังกล่าวอีกว่า “หัวหน้าหวา ยังจะมัวพูดเรื่องไร้สาระกับเขาอีก? ให้ยอดฝีมือสองคนของสมาคมบูโดและราชวงศ์หลงร่วมมือกันขับไล่หนุ่มน้อยคนนี้ออกจากสังเวียนต่อสู้ชี้ขาดก่อน แล้วพวกเขาค่อยสู้กันใหม่? ว่าไง?”
“ตกลง!”
หวาอิงเจี๋ยไม่กล้าอวดเก่ง เห็นด้วยกับข้อเสนอของหลงเคอ
“ฆ่ามัน!”
ไม่ต้องรอให้หวาอิงเจี๋ยและหลงเคอออกคำสั่ง ยอดฝีมือแดนเทพขั้นปลายทั้งสองก็พุ่งเข้าหาหยางเฉินแล้ว
ในทางกลับกัน หยางเฉินยังคงยืนอยู่กับที่อย่างสงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับแดนเทพขั้นปลายสองคน
กำลังพลเช่นนี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับแดนเทพชั้นยอดทั่วไป ก็อาจจะรับมือไม่ไหว
แล้วนับประสาอะไรกับหยางเฉินที่กำลังบาดเจ็บสาหัสเลย?
หวาอิงเจี๋ยแอบคิดในใจ แต่ก็ดูกังวลมาก
ยอดฝีมือของราชวงศ์ซ่างกวนและราชวงศ์ต้วนก็มีสีหน้ากังวลและจริงจังในเวลานี้เช่นกัน พวกเขาย่อมหวังว่าหยางเฉินจะชนะ
“ฆ่ามัน!”
“ตายเสียเถอะ!”
ในชั่วพริบตา ยอดฝีมือแดนเทพขั้นปลายสองคนได้ปรากฏตัวขึ้นขนาบซ้ายขวาหยางเฉินแทบจะในเวลาเดียวกัน พวกเขาเริ่มโจมตีหยางเฉินอย่างแข็งแกร่ง
เมื่อยอดฝีมือของราชวงศ์หลงอยู่ห่างจากหยางเฉินเพียงไม่กี่เมตร เขาก็กระโดดขึ้นสูง ปลายเท้าที่ซ่อนอาวุธลับเล็งตรงไปที่ศีรษะของหยางเฉิน
เขาหมายเอาชีวิตด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ยอดฝีมือของสมาคมบูโดก็ระเบิดการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา รวบรวมกำลังทั้งหมดไว้ที่หมัดขวา โจมตีเข้าที่ตำแหน่งหัวใจของหยางเฉินโดยตรง
“คุณหยาง ระวัง!”
ซ่างกวนโหรวร้องอุทานทันที
ต้วนหวูหยากำหมัดแน่น เขาไม่รู้ว่าหยางเฉินมีกำลังต่อสู้อีกครั้งหรือไม่ แต่ดูจากสภาพ น่าจะไม่มีกำลังต่อสู้อีกครั้งมากกว่า
เมื่อสมาคมบูโดหรือราชวงศ์หลงได้ครอบครองตี้ชุน มันจะเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อราชวงศ์อื่น
“คุณหยาง!”
ต้วนหวูหยามีสีหน้ากังวล
มีเพียงหม่าชาวเท่านั้นที่ไม่กังวลใดๆ เลย เขายิ้มมุมปาก “การต่อสู้ กำลังจะจบลงแล้ว!”
“ปัง!”
“ปัง!”
ภายใต้การจ้องมองจากทุกคน การโจมตีของสองยอดฝีมือระดับแดนเทพขั้นปลาย ต่างก็เข้าปะทะพร้อมๆ กัน
ยอดฝีมือจากสมาคมบูโดต่อยเข้าไปที่ตำแหน่งหัวใจของหยางเฉินอย่างจัง
ในทางกลับกัน ยอดฝีมือของราชวงศ์หลงก็ใช้เท้าที่มีใบมีดคมซ่อนอยู่ แทงเข้าที่ศีรษะของหยางเฉิน
ในเวลานี้ ทุกคนในที่นี้ต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง
เพราะหยางเฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิม โดยไม่มีสีหน้าเกรงกลัวใดๆ เห็นเขายิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ในเมื่อพวกคุณต้องการปลิดชีวิตของผม งั้นผมฆ่าพวกคุณก็คงไม่เกินเลยไปใช่ไหม?”
ทันทีที่เขาพูดจบ ลมปราณแห่งวิถีบู๊ที่น่าสะพรึงกลัวก็แผ่ขึ้นมาจากร่างกายของเขา