The king of War - บทที่ 1221 เขายังมีชีวิตอยู่
ระหว่างที่จ้องมองสองคนที่กำลังเดินเข้ามา ในใจของหม่าชาวก็รู้สึกแตกตื่นอย่างถึงที่สุด ถ้าฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวได้รู้สภาพของหยางเฉินในตอนนี้ คิดว่าสองคนนี้คงต้องเป็นบ้านแน่ๆ?
“สวัสดีเสี้ยวเสี้ยว!”
หม่าชาวสงบสติได้อย่างรวดเร็ว เขาหันไปตอบกลับเสี้ยวเสี้ยวก่อน จากนั้นค่อยหันไปพูดกับฉินซีว่า “พี่สะใภ้! พี่มาได้จังหวะพอดี ผมกะว่ากำลังจะไปหาพี่เลย!”
“หาฉัน?“
ฉินซีทำหน้าสงสัย จากนั้นก็ได้ยินหม่าชาวพูดว่า “เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ เมื่อกี้พี่เฉินเพิ่งได้รับภารกิจลับจากกองยุทธการ ตอนนี้พี่เฉินได้ออกเดินทางไปแล้วครับ”
“ว่าไงนะ? หยางเฉินไปแล้ว?”
ฉินซีรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้ดีว่าห้าปีที่หยางเฉินจากเธอไปก็ไปอยู่ที่กองยุทธการตลอด
“หยางเฉินได้ปลดประจำการไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงยังต้องรับภารกิจอีกล่ะ?”
“เขาได้รับภารกิจอะไร? มันอันตรายรึเปล่า? อีกนานแค่ไหนกว่าจะกลับ?”
ฉินซียิ่งคำถามออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำท่าลนลาน เห็นแล้วชวนให้เอ็นดูมาก
หม่าชาวรีบตอบไปว่า “พี่สะใภ้ พี่ใจเย็นก่อน ภารกิจของพี่เฉินไม่ได้อันตรายขนาดนั้น อย่างมากหนึ่งเดือน ก็น่าจะได้กลับมาแล้ว”
“เพราะเป็นภารกิจลับ ผมจึงอธิบายให้พี่ฟังไม่ได้ พี่ช่วยเข้าใจด้วยนะครับ!”
ทันใดนั้นเอง ซ่านกวนหรัวก็ได้เดินเข้ามา จับมือของฉินซีด้วยความรักใคร่ แล้วพูดไปว่า “เธอสินะคนรักของพี่เฉิน?”
“เธอไม่ต้องเป็นห่วง ภารกิจของพี่ไม่อันตรายแน่นอน ฉันรับประกันกับเธอได้เลย!”
ระหว่างจ้องมองหญิงสาวที่ดูสวยงามสง่าอยู่นั้น ฉินซีก็ได้ถามไปว่า “คุณหมายความว่า?”
“ในช่วงที่พี่เฉินไม่อยู่ ฉันจะรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยครอบครัวของพี่เฉินเอง ถ้าเธอยินดี ตั้งแต่วันนี้ ให้ฉันคอยอยู่ข้างๆเธอ จะได้มั้ย?”
สายตาของซ่านกวนหรัวเป็นประกาย
หลังจากวันนี้ที่ได้เจอหยางเฉินตัวเป็นๆแล้ว เธอก็ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า ต้องหาทางผูกมิตรกับหยางเฉินให้ได้
ตอนนี้ หยางเฉินกำลังเจ็บหนัก ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือจะไป แต่เธอกลับมีความมั่นใจในตัวหยางเฉินมากว่าเขาต้องไม่เป็นไร
วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมามากมายขนาดนี้ ใครก็รับประกันไม่ได้ว่าครอบครัวของหยางเฉินจะไม่เป็ไร แล้วตอนี้เธอก็นำพาผ฿้แข็งแกร่งแดนเทพสองคนของราชวงศ์ซ่านกวนมาคอยปกป้อง หยางเฉินจะต้องซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนี้แน่
“ต้องได้อยู่แล้วค่ะ!”
ฉินซีตอบไปตามสัญชาตญาณ ซ่านกวนหรัวก็เป็นสหายร่วมรบของหยางเฉิน จึงรีบตอบรับไป
เธอเองก็ไม่อยากให้หยางเฉินเป็นห่วง ถ้ามีคนคอยปกป้องอยู่ข้างๆ มันก็ทำให้หยางเฉินไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่อยู่ข้างหลัง
หม่าชาวขมวดค้วไปทีหนึ่ง แต่พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ซ่านกวนหรัวได้มอบยารักษษวิเศษของราชวงศ์ซ่านกวนที่มีเพียงเม็ดเดียวให้กับหยางเฉิน ต้องไม่หวังรายกับหยางเฉินอยู่แล้ว เขาถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นมา
ต้วนหวูหยาสายตาเป็นประกาย ซ่านกวนหรัวคนนี้ หัวใสซะจริง
การที่ช่วยปกป้องครอบครัวของหยางเฉินในเวลาแบบนี้ มันต้องทำให้หยางเฉินซาบซึ้งในบุญคุณอย่างแน่นอน
“ช่วงที่คุณหยางไม่อยู่ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของราชวงศ์ต้วนก็จะอยู่เยี่ยนตูเหมือนกัน ร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์ซ่านกวน คอยปกป้องครอบครัวของคุณหยางไปด้วยกัน”
ต้วนหวูหยาก็พูดออกมาเหมือนกัน
ฉินซีไม่รู้ว่าราชวงศ์ต้วนเป็นตระกูลแบบไหน แต่ดูจากการแต่งตัวของต้วนหวูหยาแล้ว ต้วนหวูหยาต้องมีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณคุณลุงคนนี้มากค่ะ!”
ฉินซีพูดด้วยสีหน้าที่ตื้นตัน
หม่าชาวเองก็รู้สึกโล่งอกมากเหมือนกัน ข้างกายของซ่านกวนหรัวกับต้วนหวูหยาต่างก็มีผู้แข็งแกร่งระดับแดนเทพอยู่สองคน รวมกันก็มีผู้แข็งแกร่งแดนเทพที่งหมดหกคนที่คอยปกป้องครอบครัวของหยางเฉิน
การจัดทีมแบบนี้ มันได้แข็งแกร่งเกินกว่ากองกำลังของราชวงศ์ใดๆแล้ว นอกจากจะมีตระกูลแข็งแกร่งสุดยอดที่ยังไม่เปิดเผยตัวตนเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่ใครจะสามารถทำอะไรคนในครอบครัวของหยางเฉินได้อย่างแน่นอน
ฉินซีไม่ได้อยู่นาน พอรู้ว่าหยางเฉินได้ไปปฏิบัติภารกิจของกองยุทธการแล้ว เธอก็พาเสี้ยวเสี้ยวกลับไป
ซ่านกวหรัวเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งหก เธอจึงต้องตามฉินซีกลับไปที่ยอดเมฆา
“คุณต้วน หลังจากนี้ ต้อรบกวนคุณแล้วครับ!”
หลังจากที่ซ่านกวนหรัวไปกับฉินซีแล้ว หม่าชาวก็ได้พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ต้วนหวูหยาพยักหน้า “ฉันอายุมากกว่าเธอไม่น้อย ถ้าไม่รังเกียจ ก็เรียกฉันว่าลุงต้วนก็ได้”
“ขนาดคุณลุงต้วนต้องถูกสมาคมบูโดกับราชวงศ์อื่นข่มขู่ ยังยอมยืนอยู่ข้างเดียวกับพี่เฉิน พวกเรารู้สึกซาบซึ้งมาก แล้วจะไปรังเกียจได้ยังไงล่ะครับ?”
หม่าชาวพูดไปยิ้มไป “ต่อไปคุณลุงต้วนเรียกผมว่าเสี่ยวหม่าก็ได้ครับ”
พอได้ยินหม่าชาวเปลี่ยนสพรรณนาม ต้วนหวูหยาก็ได้ยิ้มออกมา จากนั้นก็มองไปทางคลินิคอ้ายหมินด้วยสีหน้าที่จริงจัง แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ คุณหยางถึงจะได้สติเหรอ?”
หม่าชาวทำหน้ากังวล แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ “พี่เฉินต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!”
“เสี่ยวหม่า เธอรู้รึเปล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของหัวยินเจ๋?”
จู่ๆต้วนหวูหยาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
ก่อนหน้านี้จู่ๆหัวยินเจ๋ก็ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าแดนเทพชั้นยอดไปมาก เห็นได้ชัดว่าควบคุมไม่อยู่ มันจึงทำให้ต้วนหวูหยารู้สึกสงสัยมาก
ด้วยตำแหน่งของเขา ก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนว่า สามารถระเบิดพลังจากแดนเทพชั้นยอดไปเทียบเคียงกับแดนเหนือธรรมชาติได้
หม่าชาวพอรู้มาบ้างนิดหน่อย ตอนนั้นหลังจากที่หยางเฉินกินยาสมบูรณ์แบบเข้าไปแล้ว ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าสุดท้ายหยางเฉินก็ได้สติกลับคืนมา
“บางทีอาจเป็นเพราะหลายปีที่อยู่นอกเขต เขาอาจจะได้ยาอะไรที่สามารถเพิ่มพลังขึ้น แต่กลับมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมากก็ได้ครับ!”
หลังเงียบไปพักใหญ่ หม่าชาวก็ได้ตอบไป
เรื่องยาสมบูรณ์แบบมันจะดึงหยางเฉินเข้าไปวุ่นวายด้วย ยังไงต้วนหวูหยาก็เป็นผู้สอบทอดของราชวงศ์ เขาเองก็รับประกันไม่ได้ว่า ถ้าต้วนหวูหยารู้เรื่องของยาสมบูรณ์แบบแล้ว จะไม่มุ่งเป้ามาที่หยางเฉิน
ความคิดที่จะทำร้ายคนอื่นนั้นไม่ควรมี แต่ความระแวงในตัวคนอื่นก็ห้ามขาด!
ตอนนี้หยางเฉินไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย เขาเองก็กำลังเจ็บหนัก ที่สำคัญคือต้วนหวูหยาเป็นถึงคนที่แกร่งพอๆกับแดนเทพชั้นยอด หากคิดทำอะไรไม่ดีขึ้นมา เขาก็ไม่มีทางขวางได้แน่นอน
ต้วนหวูหยาก็ไม่ได้สงสัยในคำพูดของหม่าชาว ยังไงหลายปีมานี้สมาคมบูโดก็เติบโตอยู่นอกเขต ในจิ่วโจวก็มีแต่สาขาย่อยอยู่แค่สาขาเดียวเท่านั้น
ในโลกที่กว้างใหญ่ เรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ การที่หัวสมาคมบูโดอย่างหัวยินเจ๋จะได้ยาอะไรที่สามารถเค้นให้พลังให้แกร่งขึ้นได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“แต่ว่า หลังจากที่คุณหยางกับหัวยินเจ๋สู้กันเสร็จ คุณหยางได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วหัวยินเจ๋ล่ะ? ทำมถึงหามันไม่เจอเลย?”
จู้ๆต้วนหวูหยาก็ถามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
หม่าชาวส่ายหวด้วยสีหน้าที่กังวล “หวังว่า มันจะตายไปแล้ว!”
ในเวลาเดียวกัน ชานเมืองของเยี่ยนตู พื้นที่ก่อสร้างที่ลึกลับแห่งหนึ่ง บนโต๊ะทดลองได้มีร่างที่โชกเลือดของใครบางคนนอนอยู่
ถ้าหม่าชาวกับต้วนหวูหยาอยู่ที่นี่ ก็ได้มองออกอย่างแน่นอนว่า คนคนนี้ ก็คือหัวยินเจ๋นั่นเอง
บนตัวของหัวยินเจ๋ได้มีสายมากมายที่เชื่อมต่อกับเครื่องมือเสียบอยู่ ชายวัยกลางคนที่สวมชุดการ์ดคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าเครื่องมือ สายตาจ้องมองไปยังตัวเลขที่แสดงอยู่บนหน้าจอด แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้นเอง หัวยินเจ๋ที่ถูกมัดอยู่บนโต๊ะทดลองก็ได้ลืมตาขึ้น แล้วเริ่มขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง สายตาที่แดงก่ำคู่นั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความโหดร้าย
“ปั้งปั้งปั้ง!”
หลังจากที่ดิ้นอย่างรุนแรง กุญแจมือโลหะที่ล็อกมือล็อกเท้าของเขาไว้ก็ได้ขาดออก!