The king of War - บทที่ 1225 ไปราชวงศ์ต้วน
“กษัตริย์ไป๋ รีบโทรหาหลิวเหว่าก้วยเร็ว เขาน่าจะฆ่าหยางเฉินไปแล้วมั้ง?”
กษัตริย์หม่ารีบพูดเร่ง
เขารอที่จะควบคุมตี้ชุนไม่ไหวแล้ว
“วันๆนี้ ตระกูลเดอะคิงรอคอยมาร้อยปีพอดี!”
กษัตริย์เซวก็พูดอย่างตื่นเต้นเหมือนกัน
กษัตริย์ไป๋ก็เหมือนกัน พูดไปหัวเราะไปว่า “ได้ ผมจะโทรหาหลิวเหล่าก้วยเดี๋ยวนี้เลย!”
พูดจบ กษัตริย์ไป๋ก็หยิบมือถือขึ้นมาโทร
ครั้งแรก ไม่มีเบอร์ที่ติดต่อ!
ครั้งที่สอง ก็ยังไม่มีเบอร์ที่ติดต่อ!
ครั้งที่สาม ก็ยังคงไม่มีเบอร์ที่ติดต่อเหมือนเดิม!
รอยยิ้มบนใบหน้าของกษัตริย์ไป๋หายไป สีหน้าแข็งเกร็ง “ทำไมหลิวเหล่าก้วย ถึงไม่รับสายนะ?”
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ในใจของเขาก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น
กษัตริย์หม่ากับกษัตริย์เซวก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเหมือนกัน แต่ก็ยังอดกลั้นความกลัวในใจเอาไว้
“บางที เขาอาจจะกำลังยุ่งอยู่ก็ได้มั้ง?”
กษัตริย์หม่ามองอย่างไม่มั่นใจ
กษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์เซวต่างก็ไม่พูดอะไร ตอนนี้มันก็เวลาเช้าตรู่ จะไปยุ่งได้ยังไง?
“ไม่แน่ ดึกมากแล้ว หลิวเหล่าก้วยอาจจะนอนแล้วก็ได้!”
หลังจากที่เงียบไปนาน กษัตริย์ไป๋ก็พูดให้กำลังใจตัวเอง
กษัตริย์เซวพูดอย่างมีสติว่า “ในเมื่อคุณได้นัดกับหลิวเหล่าก้วยไว้แล้ว ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนก็จะติดต่อไป ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรติดต่อเขาไม่ได้สิ”
“ถ้าเขากำลังนอนหลับแล้วไม่ได้ยิน หรือปิดเครื่อง หรือแม้กระทั่งแบตหมด มันก็ไม่ควรบอกว่าไม่มีเบอร์ที่ติดต่อสิ!”
พอได้ยินอย่างนั้น กษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์หม่าก็หน้าซีดขึ้นมาทันที
“หลิวเหล่าก้วยให้เราช่วยจัดหาผู้แข็งแกร่งแดนเทพสี่คน เมื่อเป็นแบบนั้น เขาก็ต้องมั่นใจมาก นอกจากผู้นำของราชวงศ์มาเอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางเอาชนะหลิวเหล่าก้วยได้หรอก”
“อีกอย่าง เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอด มีวิชาพิษกู่ที่แข็งแกร่ง ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั่วไป ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาแน่นอนจริงมั้ย?”
กษัตริย์ไป๋รีบพูดขึ้นมา
“ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลิวเหล่าก้วย ถ้าอย่างนั้นก็ลองหาข้อมูลก่อน ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเยี่ยนตูกันแน่”
กษัตริย์เซวพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
พูดจบ เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาโทร
ไม่นาน เขาก็วางสาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “หน่วยข่าวกรองของตระกูลคิงเซวบอกว่า ในศึกชิงตำแหน่งคิงแห่งเยี่ยนตู ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ หยางเฉินก็เกิดคลุ้มคลั่ง และเกือบฆ่าหลิวเหล่าก้วยไปแล้ว”
“ในตอนนั้นเอง เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนเทพของราชวงศ์ก็ได้ออกจากโรงยิมศิลปะการต่อสู้เยี่ยนตูจนหมด หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกเขาก็ไม่รู้แล้ว”
พอได้ฟังที่กษัตริย์พูด กษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์หม่าก็ช็อกไปตามๆ กัน
“นะ…..นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
กษัตริย์พูดด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “หลิวเหล่าก้วยเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอด ทำไมถึงเกือบถูกหยางเฉินฆ่าล่ะ?”
กษัตริย์หม่าก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ต่อให้หยางเฉินจะเก่งสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอดได้หรอกมั้ง?”
กษัตริย์ยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้ แต่หน่วยข่าวกรองของตระกูลคิงเซวไม่มีทางหลอกเขาอยู่แล้ว
“พวกคุณก็น่าจะมีหน่วยข่าวกรองเหมือนกันใช่มั้ย? ลองถามข้อมูลจากพวกเขาดูสิ” กษัตริย์เซวพูดขึ้น
กษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์หม่าถึงตั้งสติได้ พวกเขาก็มีหน่วยข่าวกรองอยู่ในเยี่ยนตูเหมือนกัน จึงรีบติดต่อคนของพวกเขา
ไม่นาน ทั้งสองก็วางสาย แล้วพากันทำหน้าเคร่งขรึม ภายใต้ความเคร่งขรึมยังมีความหวาดกลัวแอบแฝงอยู่
เห็นได้ชัดว่า พวกเขาได้รับข้อมูลแบบเดียวกับกษัตริย์เซว หยางเฉินเกือบฆ่าหลิวเหล่าก้วย เหตุการณ์หลังจากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกเลย
“กษัตริย์ไป๋ ตอนนี้เราควรทำยังไงต่อดี?”
ผ่านไปพักใหญ่ กษัตริย์เซวก็ได้ถามขึ้น
กษัตริย์กัดฟันแล้วพูดไปว่า “ผมไม่เชื่อว่าหยางเฉินมันจะฆ่าหลิวเหล่าก้วยได้ ข้อมูลที่เราได้ หยางเฉินก็แค่เกือบฆ่าหลิวเหล่าก้วยได้เท่านั้น แต่บทสรุปนั้นเป็นยังไงก็ยังไม่รู้”
“เมื่อเป็นแบบนั้น แล้วทำไมเราถึงต้องสรุปว่าคนที่ตาย ต้องเป็นหลิวเหล่าก้วยแต่ไม่ใช่หยางเฉินด้วยล่ะ?”
พอได้ฟังที่กษัตริย์ไป๋พูด กษัตริย์เซวกับกษัตริย์หม่าเหมือนเห็นแสงสว่าง ถึงความหวังมันจะริบหรี่มาก แต่มันก็มีค่าพอให้คาดหวัง
“ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็หาข้อมูลกันต่อมั้ย?”
กษัตริย์เซวถาม
“ใช่ หาข้อมูลกันต่อ!”
กษัตริย์ไป๋พยักหน้า
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยเข้า สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไปทันที
ในทางที่พวกเขาทั้งสามกำลังมองไป อีกฝ่ายก็กำลังมองมาที่พวกเขาเหมือนกัน
แต่แล้ว อีกฝ่ายก็แค่กวาดตามองพวกเขาแวบเดียว แล้วเดินจากไป
ราวกับว่า อีกฝ่ายไม่ได้รู้จักพวกเขาเลย
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจคือ ข้างหลังของคนๆนั้น มีชายร่างกำยำคนหนึ่งได้แบกชายหนุ่มคนหนึ่งไว้ที่หลัง ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นก็คือหยางเฉิน
“หยางเฉิน!”
กษัตริย์หม่าทำหน้าตกใจ
กษัตริย์เซวมองไปที่กษัตริย์ไป๋ แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ผู้สืบทอดของราชวงศ์ต้วน ต้วนหวูหยา พาตัวหยางเฉินไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
กษัตริย์ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “บางที หยางเฉินอาจจะเก็บซ่อนความลับอะไรไว้ ต้วนหวูหยาเลยพามันกลับไปที่ราชวงศ์ต้วนรึเปล่า?”
พอได้ยินอย่างนั้น กษัตริย์หม่ากับกษัตริย์เซวก็ทำหน้าตกใจ
“หรือว่า คนที่ชนะคนสุดท้ายคือราชวงศ์ต้วน?”
กษัตริย์เซวพูดด้วยสีหน้าที่ชวนสงสัย
“เราลองไปถามดูมั้ย?”
กษัตริย์หม่าทำหน้าบ้าบิ่น
ถึงพวกเขาจะเป็นตระกูลเดอะคิง แต่ตระกูลเดอะคิงในตอนนี้ เมื่อเทียบกับราชวงศ์แล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย
พวกเขาสามคน เป็นแค่กึ่งแดนเทพ แต่ผู้นำของเหล่าราชวงศ์ ต่างเป็นแดนเทพชั้นยอดทั้งนั้น แม้แต่ต้วนหวูหยาที่พวกเขาเจอในวันนี้ ก็เป็นถึงแดนเทพขั้นปลายเลย
“องค์ชายต้วน สวัสดีครับ!”
ทั้งสามรีบเดินเข้าไป แล้วโค้งคำนับให้ต้วนหวูหยาเล็กน้อย
“พวกคุณเป็นใคร?”
ต้วนหวูหยาขมวดคิ้ว ก่อนหน้าที่เห็นสามคนนี้ ก็รู้สึกอยู่ว่าสามคนนี้ไม่เหมือนคนทั่วไป เลยมองมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย
ไม่นึกเลย พวกเขาจะรู้ว่าตนนั้นเป็นคนของราชวงศ์ต้วน
“เรียนองค์ชายต้วน ผมคือกษัตริย์ไป๋แห่งตระกูลคิงไป๋ครับ”
กษัตริย์ไป๋รีบตอบ
กษัตริย์หม่ากับกษัตริย์เซวก็รีบแนะนำตัว
ต้วนหวูหยาถึงได้รู้ฐานะของสามคนนี้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “มีธุระอะไรกับผม?”
“คือแบบนี้ครับ เราเห็นคุณพาหยางเฉินมาด้วย นี่คุณจะพาเขาไปไหนอย่างนั้นเหรอครับ?”
กษัตริย์ไป๋ถามอย่างระมัดระวัง
“ไสหัวไป!”
ต้วนหวูหยาตะคอกใส่ จากนั้นก็เดินหน้าต่อ ไม่แม้แต่จะมองพวกกษัตริย์ไป๋เลย
พวกกษัตริย์ไป๋ถึงกับหน้าเสีย ได้แต่จ้องมองต้วนหวูหยาพาตัวหยางเฉินไป
“บัดซบ! กล้าทำแบบนี้กับเราได้ยังไง!”
รอจนต้วนหวูหยาลับสายตาไปแล้ว กษัตริย์หม่าจึงได้พูดพร้อมกัดฟัน
สีหน้าของกษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์เซวเปลี่ยนไปทนที และรีบตะคอกไปว่า “หุบปาก!”
“รู้ไว้เลยนะ ต้วนหวูหยานั้นเป็นถึงแดนเทพขั้นปลาย ถึงเขาจะเดินจากไปไกลแล้ว แต่ถ้าเขาอยากรู้ว่าเราพูดอะไรกันมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”
กษัตริย์ไป๋พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ฟังจบ กษัตริย์ไป๋ก็ถึงกับตกใจ สีหน้าซีดเผือด และพูดด้วยความหวาดกลัวว่า “ผมไม่ได้มีเจตนาอื่น แค่เห็นว่าองค์ชายต้วยดูอารมณ์ร้อนไปหน่อยเท่านั้น”
แต่ว่า ต้วนหวูหยาไม่มีอารมณ์ไปแอบฟังพวกเขาหรอก ตอนนี้ได้พาหยางเฉินขึ้นเครื่องบินส่วนตัวและตรงไปยังเมืองราชวงศ์ต้วนแล้ว