The king of War - บทที่ 1271 เก่งฉกาจขึ้นไปอีกแล้ว
นี่ยังใช่คนที่พวกหล่อนช่วยมาจากยอดภูเขาหนิง พี่เสี่ยวคนที่กำลังจะตายคนนั้นหรือ?
สองผู้แข็งแกร่งบ้านตระกูลลู่ร่วมแรงกัน แพ้หยางเฉินไปในชั่วพริบตา นั่นจะไม่หมายถึงว่า พลังฝีมือของหยางเฉิน จะสามารถเป็นหลักพาให้ตระกูลลู่ก้าวสู่ความมั่นคงระดับสุดยอดไปเลยหรือ?
อาจเป็นได้ว่า ต่อให้หลี่จิ้นแห่งตระกูลหลี่ที่เป็นหนึ่งในสองตระกูลสุดยอดในหนิงโจว ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน?
“คุณลุงครับ ต้องขอประทานโทษ ผมไม่ทันระวังในการควบคุมพลังของผม ทำร้ายเอาคนของท่าน”
ทันทีนั้นหยางเฉินได้รีบกล่าวคำขอโทษด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
เมื่อครู่นี้เขาก็ได้ออมพลังลงแล้ว แต่ไม่คิดว่า สองยอดฝีมือตระกูลหลี่นั้นจะเปราะบางขนาดนี้ เพียงแค่เสี้ยวพลังของเขา ก็ยังรับกันไม่ได้
“ฮา ๆ ๆ ๆ ดีมาก!”
ลู่ชวนกลับได้สติขึ้นมา หัวเราะร่าพูดว่า “ไอ้หนู ตั้งแต่นี้ต่อไป ก็ให้อยู่ข้างกายฉิงเสว่ รับหน้าที่ปกป้องดูแลความปลอดภัยให้เธอนะ”
“ขอบคุณท่านอาลู่!”
หยางเฉินรีบกล่าวคำขอบคุณ
ลู่ฉิงเสว่กับมู่เชียนเชียนหลังจากตกตะลึงไปพักหนึ่ง กลายเป็นความตื่นเต้นกลับขึ้นมาต็มสีหน้า
“พี่เสี่ยว คุณนี่ร้ายกาจจริง ๆ เลย!”
มู่เชียนเชียนลากมือหยางเฉิน พูดไปอย่างตื่นเต้น “พี่เสี่ยว ฉันจะให้พี่สอนวิทยายุทธให้ฉัน ฉันก็อยากเก่งกาจอย่างพี่มั่ง”
หยางเฉินเอามือเกาหัว ทำท่าให้รู้สึกว่าเขิน
ลู่ฉิงเสว่ที่แต่เดิมมีเรื่องหนักใจอยู่ ก็ปล่อยโล่งออกไปได้ หันมองไปที่หยางเฉิน แววตาเต็มด้วยความหวานแหวว
“ต่อไปนี้คุณก็อยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ”
ลู่ฉิงเสว่พูด “ในเมื่อคุณพ่ออนุญาตแล้ว ทีนี้ก็ไม่มีใครที่จะไล่คุณได้อีก”
“ขอบคุณมากครับ!”
หยางเฉินขอบคุณไปจากใจ
เขาย่อมเข้าใจได้อย่างดี ถ้าไม่ใช่เพราะลู่ฉิงเสว่ ตัวเขาคงไม่มีโอกาสได้มีที่พักได้ที่นี่ อาจไม่แน่ว่า เขาน่าจะตายไปแล้วบนยอดภูเขาหนิงแล้วเมื่อหลายวันก่อน
เมื่อได้รู้เห็นแล้วว่าหยางเฉินเก่งกาจถึงขนาดนี้ ลู่ชวนก็รีบออกไปไม่รอช้า
เรื่องแรกของเขาคือตรงไปหาผู้นำตระกูลลู่ หลังจากแยกกับหยางเฉินออกมา
“คุณพ่อ ผมมีข่าวดีเรื่องหนึ่งมาบอกท่าน!”
ลู่ชวนพอได้พบผู้นำตระกูลลู่แล้ว พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“อือม์?ข่าวดีอะไรกัน ทำเอาแกตื่นเต้นได้ถึงขนาดนี้”
ลู่หยวนทงให้รู้สึกประหลาดใจเอามาก
ลู่ชวนเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในความตั้งใจอยู่ของเขาเอง กับลูกชายคนนี้ เขาเข้าใจเป็นอย่างดี และยังไม่เคยเห็นเขาจะเคยมีอาการควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ถึงขนาดนี้
ลู่ชวนรีบเล่าไปว่า “ฉิงเสว่ พาเอายอดฝีมือสุดยอดมาคนหนึ่ง พลังฝีมืออย่างน้อยน่าจะอยู่ระดับแดนราชาขั้นกลาง หรืออาจจะไปถึงระดับแดนราชาขั้นปลาย!”
“อะไรนะ?”
เดิมลู่หยวนทงนั่งอยู่กับเก้าอี้หวาย พอได้ยินคำพูดของลู่ชวน ลุกพรวดยืนขึ้นทันที ความตื่นเต้นเต็มหน้า
“แกว่า ฉิงเสว่พายอดฝีมือที่พลังฝีมืออย่างน้อยอยู่ระดับแดนราชาขั้นกลางมา?และยังอาจจะมีฝีมือถึงระดับแดนราชาขั้นปลายมางั้นหรือ?”
เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของลู่หยวนทง ลู่ชวนรีบผงกหัว “ชัดเจนแน่นอนเลยครับ สองยอดฝีมือที่ท่านจัดไว้อยู่ข้างกายผม ก็เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานี้เอง โดนไอ้หนุ่มนั่นซัดหมอบแพ้ไปในเวลาเพียงชั่วพริบตา ถึงตอนนี้ ทั้งสองคนนั่นยังสลบไม่ฟื้นเลย”
ตระกูลลู่ในเวลานี้ กำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ก็ด้วยสาเหตุนี้ จึงทำให้เวลาที่หลี่จิ้นหลานของผู้นำบ้านตระกูลหลี่มาก่อกวนลู่ฉิงเสว่ พวกเขาก็ไม่สามารถขัดขวางได้ ไม่ใช่ไม่คิดจะขัดขวาง แต่ไม่มีความกล้าพอ
แต่เดิมมาตระกูลหลี่ก็เป็นหนึ่งในสองตระกูลแข็งแกร่งที่สุดของหนิงโจว และหลี่จิ้นเป็นหลานของผู้นำบ้านตระกูลหลี่ ตระกูลลู่ที่กำลังย่ำแย่อยู่ ขืนบังอาจไปกระทบกระทั่งตระกูลหลี่ ก็คงได้ถึงกาลจบสิ้นเป็นแน่แท้
เวลานี้ ตระกูลลู่ที่คงฝืนอยู่ด้วยกันในกลุ่มตระกูลมหาเศรษฐีที่มีอันดับรองจากสองตระกูลยิ่งใหญ่ได้ ก็เพราะยังมีรากฐานที่สั่งสมอยู่หนาแน่นพอสมควร ตระกูลรอบข้างอื่น ๆ จึงยังไม่กล้ายุ่งอะไรกับตระกูลลู่มาก
ส่วนตระกูลลู่ที่ตกต่ำมารุนแรงขนาดนี้ ก็ด้วยเพราะหลายปีหลัง ๆ มานี้ ตระกูลลู่ไม่ได้สร้างเสริมผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นปลายให้มีเพิ่มมาเลย เหลืออยู่แค่มีนับได้
ถ้าหากตระกูลลู่มีปรากฏผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นปลายออกมา ก็คงไม่ต้องตกอับมาถึงขนาดนี้
ไม่ต้องว่าจะเทียบไปถึงตระกูลหลี่ อย่างต่ำก็ให้ได้เป็นอันดับหนึ่งของตระกูลมหาเศรษฐีที่รองจากสองตระกูลยิ่งใหญ่ก็พอ
ด้วยเพราะฉะนี้พอลู่หยวนทงได้รู้ว่าหยางเฉินมีทางเป็นไปได้ที่จะใช่ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นปลาย จึงรู้สึกตื่นเต้นเอามาก
ลู่ชวนก็ตื่นเต้นมาก ผงกหัวพูดว่า “คุณพ่อ ที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องจริงแน่นอน ถ้าท่านยังไม่เชื่อ ผมจะให้ไอ้หนุ่มนั่นมาพบท่านได้เลย”
“ไม่ได้!”
ลู่หยวนทงรีบบอกว่า “ถ้าหากเขาเป็นถึงระดับแดนราชาขั้นปลาย ข้าจะให้เขามาพบข้าได้ยังไงกัน?”
“ไป แกพาข้าไปพบเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
“ครับ คุณพ่อ!”
ไม่นานนัก สองพ่อลูกก็ได้มาถึงบ้านพักของลู่ฉิงเสว่
“คุณปู่ ท่านทำไมถึงมาได้คะ?”
ลู่ฉิงเสว่เห็นลู่หยวนทงมาพร้อมกับลู่ชวน ตื่นตระหนกเต็มหน้า
หลายปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่หยวนทงมาถึงบ้านพักของเธอ
“ฉิงเสว่ คุณเสี่ยวหละ? ”
ลู่ชวนถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณลุง ท่านจะหาผมหรือครับ?”
หยางเฉินเดินออกมาจากห้องข้างใน พอเห็นลู่ชวน ก็เข้าไปถามอย่างนอบน้อม
“รีบมานี่เลย คุณเสี่ยว!”
ลู่ชวนเอ่ยปากเรียก แนะนำไปทางลู่หยวนทง “คุณพ่อครับ เขานี่แหละคุณเสี่ยวที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟัง”
ตอนนี้ ลู่หยวนทงกลับให้รู้สึกข้องใจ มองหยางเฉินตั้งแต่หัวลงไปทั้งตัว แล้วหันไปทางลู่ชวน พูดอย่างเคืองในอารมณ์ว่า “ที่แกบอกข้าว่าเป็นยอดฝีมือแดนราชา ก็คือไอ้เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้เรอะ?”
ลู่ชวนก็รู้อยู่ว่าลู่หยวนทงเห็นหยางเฉินอายุยังอ่อนมาก ฉะนั้นไม่ยอมเชื่อ
เขาจึงรีบตอบบอกว่า “คุณพ่อ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ เดี๋ยวให้คุณเสี่ยวคนนี้แสดงอะไรให้ท่านดูสักหน่อย ท่านก็จะรู้ว่าเขาเก่งฉกาจขนาดไหน”
ลู่หยวนทงถึงแม้จะไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง แต่เขาก็เข้าใจดีในตัวลู่ชวนว่าไม่ใช่คนประเภทปากพล่อย ก็จึงหันไปสั่งยอดฝีมือที่ยืนอยู่ข้างหลัง “แกไปทดสอบดูที!”
“ครับผม!”
ยอดฝีมือที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่หยวนทง ก้าวเดินขึ้นหน้ามา
“คุณปู่!”
ลู่ชิงเสว่พอมองไปเห็นยอดฝีมือคนนั้นเข้า ก็ให้ร้อนใจขึ้นมาทันที ถลันออกมาขวางอยู่หน้าหยางเฉินเหมือนแม่ที่ห่วงลูกน้อย รีบเอ่ยปากไปว่า “พี่เสี่ยวเขายังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บ ท่านจะทำอะไรเขา?”
ยอดฝีมือที่อยู่ข้างหลัง ลู่หยวนทงท่านนี้ หล่อนรู้จักชัดแจ้ง เขาคือสุดยอดฝีมือของทั้งตระกูลลู่ เห็นว่าฝีมือไปถึงระดับแดนราชาขั้นกลางแล้ว
สำหรับยอดฝีมือตระกูลหลี่ กำลังคนจริงก็ไม่เกินระดับแดนราชาขั้นปลาย
ถึงแม้ว่าหยางเฉินได้จัดการกับบอดี้การ์ดสองคนที่ ลู่ชวนนำมาจนแพ้พ่ายไป แต่ยอดฝีมือที่อยู่ข้างหน้านี้ เทียบกับบอดี้การ์ดของลู่ชวนแล้ว มันต่างกันแบบฟ้ากับดินเลยทีเดียว
“ฉิงเสว่ เธอรีบถอยไป!”
ลู่ชวนรีบออกปากตะคอกใส่
หยางเฉินก็เอ่ยปากพูด “ฉิงเสว่ เธอวางใจเถอะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”
“ฮึ!”
ยอดฝีมือตระกูลลู่หัวเราะเหยียด ๆ ออกมา “ไอ้หนู จะลำพองมากไปแล้วมั้ง?”
ตัวเองเป็นถึงยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลลู่ เขาย่อมมีความหยิ่งอยู่ในตัวได้
สำหรับหยางเฉินไม่ได้เห็นมีความหมายใด ๆ ในความรู้สึกต่อยอดฝีมือที่ว่าอันดับหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้านี้ เทียบกับสองบอดี้การ์ดที่ลู่ชวนพามาก่อนหน้านี้ ดูแล้วก็ไอ้พอกัน
“ฉิงเสว่ แกรีบถอยไป ปู่แค่เพียงจะทดสอบฝีมือเขาหน่อย ไม่ทำร้ายเขาหรอก”
ลู่หยวนทงก็เอ่ยปาก
ได้ยินคุณปู่พูดแบบนี้ ลู่ฉิงเสว่จึงได้ถอยออกไป แต่สีหน้ายังคงอยู่เต็มด้วยความห่วงใย
“ไอ้หนู ยังไงก็ให้แกลงมือก่อนดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวพอข้าลงมือ แกก็จะไม่มีโอกาสอะไรเลย”
ยอดฝีมือตระกูลลู่พูดกับหยางเฉินอย่างเย่อหยิ่ง
หยางเฉินก็ส่ายหน้าอย่างเสียไม่ได้ “ให้ท่านลงมือก่อนดีกว่าครับ!”
เขายังห่วงว่าเดี๋ยวจะเหมือนก่อนหน้านี้ พอได้ลงมือ ก็ซัดเอาสลบไปทันที
“ในเมื่อแกพูดไม่รู้เรื่อง งั้นก็อย่ามาว่าข้าไม่มีการเกรงใจแล้วนะ!”
ยอดฝีมือตระกูลลู่สะบัดเสียงเยือกออกไป ขยับขาทะยาน พุ่งตรงเข้าใส่หยางเฉิน
“ร้ายกาจ!”
ลู่ชวนมองยอดฝีมือตระกูลลู่ด้วยความเทิดทูน “อาจารย์ฉีเก่งฉกาจขึ้นไปอีกแล้ว!”
ลู่หยวนทงผงกหัวพร้อมสีหน้าในความพึงพอใจ “ถ้าไม่ได้อาจารย์ฉี ตระกูลลู่ไม่แน่ว่าคงจะถูกถีบส่งออกจากสายตระกูลชั้นสองไปแล้ว”
“พี่เสี่ยว ระวัง!”