The king of War - บทที่ 1280 ตระกูลผู้ปกครองมหาอำนาจ
ลู่หยวนทงยิ้มและพูดว่า “ขอแค่คุณชอบฉิงเสว่ ผมจะยกเธอให้แต่งงานกับคุณ”
“ถ้าวันหนึ่งคุณฟื้นความจำและรู้ว่ามีลูกเมียแล้วจริงๆ ก็ให้ฉิงเสว่เป็นเมียรองก็ได้”
คำพูดของลู่หยวนทงก็เปิดมุมมองใหม่ให้หยางเฉินเช่นกัน เรื่องเมียหลวงเมียน้อยยังกล้าพูดออกมาได้
ผลักดันให้หลานสาวของตัวเองออกไปเป็นเมียน้อย เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลแล้วมันไม่มีขอบเขตอะไรเลยจริงๆ
หยางเฉินมีสีหน้าแย่ลงทันที นึกโกรธลู่หยวนทงมากทีเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าลู่ฉิงเสว่ แค่คำพูดของลู่หยวนทงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาระเบิดออกมา
“เจ้าบ้านลู่ หากผมยังฟื้นความจำไม่ได้ ผมจะยังไม่คิดเรื่องแต่งงานเด็ดขาด!”
หยางเฉินกล่าวอย่างเย็นชา
แม้แต่ตอนที่เขาเรียกลู่หยวนทง ก็เปลี่ยนจากคุณปู่เป็นเจ้าบ้านลู่แทน
ลู่หยวนทงย่อมรู้สึกได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของหยางเฉิน เขาร้อนรนทันที รีบบอกว่า “ขอโทษครับ! ผมขออะไรมากเกินไป”
เป็นไปได้สูงว่าหยางเฉินจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุด หรือต่อให้ไม่ใช่แดนราชาสูงสุด แต่เขาก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นปลายแน่นอน
หากล่วงเกินผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ มันจะเป็นหายนะสำหรับตระกูลลู่อย่างแน่นอน
เพราะการปรากฏตัวของหยางเฉินทำให้เขากล้าแข่งขันกับตระกูลหลี่อย่างเปิดเผย ถึงขนาดขู่กรรโชกเงินห้าหมื่นล้านจากตระกูลหลี่
“ถ้าเจ้าบ้านลู่ไม่มีธุระอื่นแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนล่ะ!”
หยางเฉินพูดจบก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบของลู่หยวนทง
“พ่อ!”
หลังจากที่หยางเฉินออกไป ลู่ชวนก็เดินเข้ามา พอเห็นสีหน้าของลู่หยวนทง เขาก็รู้คำตอบแล้ว
“เฮ้อ!”
ลู่หยวนทงถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวอย่างขมขื่น “สมบัติอยู่ในตระกูลลู่ ของเรา แต่เราทำได้แค่มองดูเฉยๆ เท่านั้น ไม่สามารถขุดออกมาได้เลย!”
“พ่อครับ แล้วพวกเราจะทำยังไงดี?”
ลู่ชวนพูดอย่างกังวลใจ “ถ้าตระกูลหลี่ต้องการเปิดศึกกับพวกเราจริงๆ โดยไม่มีความช่วยเหลือจากคุณเสี่ยว ตระกูลลู่ก็ทำได้แค่รอวันถูกทำลายเท่านั้น!”
“กลัวอะไรนัก?”
ลู่หยวนทงกล่าวตำหนิ “ถึงเขาจะไม่อยากแต่งงานกับฉิงเสว่ แต่ฉิงเสว่ก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเขาไว้ หากตระกูลหลี่คิดจะทำอะไรตระกูลลู่จริงๆ เขาจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหน่อยเหรอ?”
“ต่อให้เขาไม่ยินดีช่วยพวกเราจริงๆ ตระกูลหลี่ก็ไม่กล้าเปิดศึกกับเราหรอก แม้ว่าตระกูลหลี่จะสามารถทำลายตระกูลลู่ของเราได้ แต่ก็ต้องจ่ายในราคาสูงเช่นกัน”
“สำหรับตระกูลหลี่ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้ปกครองมหาอำนาจของหนิงโจวกับตระกูลจาง”
เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา สีหน้าของลู่ชวนก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ทันใดนั้นพ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านเจ้าบ้าน ตระกูลหลี่โอนเงินมาแล้ว!”
ลู่หยวนทงไม่รู้สึกแปลกใจกับข่าวนี้เลย
ถึงอย่างไรหลี่ถงเฮ่อก็เป็นทายาทของตระกูลหลี่ ถ้าเขาตายอยู่ที่ตระกูลลู่จริงๆ อย่าว่าแต่จะทำให้ตระกูลหลี่ต้องสูญเสียทายาท แต่เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องตลกไปทั่วทั้งหนิงโจว
ดังนั้นตระกูลหลี่จึงต้องตกลงที่จะไถ่ตัวหลี่ถงเฮ่อกลับมาด้วยเงินห้าหมื่นล้าน
ในเวลาเดียวกัน ที่หนิงโจว ภายในคฤหาสน์สุดหรู
“ขี้แพ้! พวกขี้แพ้!”
หลี่ซาน เจ้าบ้านตระกูลหลี่คำรามด้วยความโกรธ พื้นดินเต็มไปด้วยสิ่งของที่เขาเขวี้ยงแตก
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้คือความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดของตระกูลหลี่
ตระกูลหลี่เป็นถึงหนึ่งในสองผู้นำตระกูลระดับสูงในหนิงโจว แต่กลับถูกตระกูลลู่ที่มีความแข็งแกร่งน้อยกว่าตระกูลหลี่คุกคาม แถมยังถูกขู่กรรโชกเงินอีกห้าหมื่นล้าน
ถึงแม้สำหรับตระกูลหลี่ก็ตาม ห้าหมื่นล้านก็ถือเป็นเงินจำนวนมหาศาลเช่นกัน
ทายาทสายตรงของตระกูลหลี่ทั้งคฤหาสน์เงียบกริบ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง พากันก้มหน้าด้วยความหวาดกลัว
“พ่อ!”
ในเวลานี้หลี่ถงเฮ่อได้กลับมาถึงตระกูลแล้ว พอเห็นหลี่ซานก็คุกเข่าลงกับพื้นทันที พลางกล่าวสะอึกสะอื้น “พ่อครับ ผมต้องขอโทษพ่อ ผมต้องขอโทษตระกูลหลี่ด้วย!”
“พลั่ก!”
หลี่ซานถีบหลี่ถงเฮ่อกระเด็นออกไปและตะโกนอย่างโกรธเคือง “ไอ้ขี้แพ้! ฉันให้แกไปทวงคืนศักดิ์ศรีจากตระกูลลู่ แต่ผลคือแกดันถูกขังอยู่ในตระกูลลู่”
“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตระกูลหลี่ของฉันจะสูญเงินไปห้าหมื่นล้านไหม?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตระกูลหลี่ของฉันจะพบกับความอัปยศแบบนี้ไหม?”
หลี่ซานตัวสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ
ผ่านไปนาน จนหลี่ซานหายโมโหไปมากแล้ว ชายวัยกลางคนถึงกล้าเดินออกมา ก่อนจะพูดอย่างระมัดระวัง “ท่านเจ้าบ้าน เรื่องนี้ผมมีความเห็นอย่างหนึ่ง”
“พูดมา!”
หลี่ซานน้ำเสียงเย็นชา
“ในความเห็นของผม ที่ตระกูลลู่กล้าทำแบบนี้กับตระกูลหลี่ มีความเป็นไปเพียงสองประการเท่านั้น หนึ่งคือตระกูลหลี่ได้ถูกตระกูลจางซื้อตัวไปแล้ว จึงกล้าที่จะยั่วยุตระกูลหลี่”
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ผมเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ ความเป็นไปได้ประการที่สอง”
“หืม?”
หลี่ซานเกิดความสนใจขึ้นมา ขมวดคิ้วกล่าวว่า “พูดต่อไป!”
“ความเป็นไปได้ประการที่สองก็คือ ตระกูลลู่มีความทะเยอทะยานมาก ไม่ยินดีที่จะอยู่เบื้องล่างตระกูลหลี่และตระกูลจางอีกต่อไป แต่ต้องการที่จะก้าวข้ามหัวพวกเราขึ้นไปเป็นผู้ปกครองมหาอำนาจของหนิงโจว”
“หากเป็นกรณีนี้ ตระกูลลู่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้แข็งแกร่งระดับสูงอย่างแน่นอน ซึ่งความสามารถของผู้แข็งแกร่งคนนี้ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับแดนราชาสูงสุด!”
เมื่อพูดออกไปเช่นนั้น สีหน้าของหลี่ซานก็เคร่งเครียดอย่างที่สุด “คุณคิดว่า ตระกูลหลี่สามารถหาตัวผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุดได้งั้นหรือ?”
“ครับท่าน!”
ชายวัยกลางคนตอบกลับ
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
หลี่ซานพูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ดูอย่างจิ่วโจวสิ มีกี่คนที่มีความสามารถระดับแดนราชาสูงสุด? แม้แต่ตระกูลเดอะคิงทั้งสี่ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดยังอยู่ในระดับแดนราชาสูงสุดเท่านั้น”
“ถ้าตระกูลลู่มีผู้แข็งแกร่งที่มีระดับชั้นนั้นจริงๆ อย่าว่าแต่ผู้ปกครองมหาอำนาจของหนิงโจวเลย ต่อให้ไปที่เมืองเยี่ยนตู ก็กลายเป็นตระกูลระดับมหาอำนาจได้ล่ะมั้ง?”
เมื่อมองไปที่หลี่ซานที่มีสีหน้าตื่นตกใจ ทันใดนั้นหลี่ถงเฮ่อก็นึกอะไรออกบางอย่าง เขารีบพูดขึ้น “พ่อครับ มียอดฝีมือที่เก่งกาจมากคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในตระกูลลู่จริงๆ”
“ตอนที่เสี่ยวจิ้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เขามาพร้อมกับผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นต้นสองคน แต่จากที่เสี่ยวจิ้นและองครักษ์สองคนบอก เขาคือคนหนุ่มที่ปราบผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นต้นสองคนได้ในภายในเสี้ยววินาที”
เขาเคยบอกเรื่องนี้กับหลี่ซานมาก่อน ตอนนั้นหลี่ซานยังคิดว่าหยางเฉินมีความสามารถอยู่ในระดับแดนราชาขั้นปลาย
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง สีหน้าของหลี่ซานก็แย่ลง “ถ้าตระกูลลู่กล้าทำแบบนี้กับตระกูลหลี่ ก็ต้องมีผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุดอยู่เบื้องหลังแน่ หรือว่าฉันจะประเมินชายหนุ่มคนนั้นต่ำไป ความสามารถที่แท้จริงของเขาอยู่ในระดับแดนราชาสูงสุดงั้นหรือ?”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของหลี่ซานก็ซีดเผือด
ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นปลายในวัยยี่สิบเจ็ดปีคนหนึ่ง ได้ทำให้เกิดเสียงโจษจันขึ้น ตอนนี้เขาเพิ่งพบว่าความสามารถของคู่ต่อสู้น่าจะอยู่ในระดับแดนราชาสูงสุด
“พ่อครับ ท่านคิดว่าหนุ่มคนนี้มีความสามารถแค่ระดับแดนราชาขั้นกลางหรือเปล่า ที่ตระกูลลู่กล้าทำแบบนี้กับตระกูลหลี่ไม่ใช่เพราะหนุ่มคนนั้น แต่เพราะกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังชายหนุ่ม? “
หลี่ถงเฮ่อถามอย่างระมัดระวัง
ดวงตาของหลี่ซานเป็นประกายทันที “ถ้าพูดอย่างนี้ก็สามารถเข้าใจได้!”
“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ ฉันยังคิดว่าหนุ่มคนนั้นอยู่ในระดับแดนราชาขั้นปลาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่เขามีภูมิหลังที่แข็งแกร่งจริงๆ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความกังวลในดวงตาของหลี่ซานไม่ได้หายไป แต่กลับมากขึ้นเรื่อยๆ “แกบอกว่าผู้แข็งแกร่งหนุ่มคนนี้เคยนั่งรถคันเดียวกันกับลู่ฉิงเสว่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาชอบลู่ฉิงเสว่ ดังนั้นตระกูลลู่จึงวางแผนจะเกี่ยวดองกับตระกูลที่อยู่เบื้องหลังชายหนุ่มคนนั้น?”