The king of War - บทที่ 1285 โชคไม่ดี
“พี่เสี่ยว คุณอย่าคิดมาก ตอนนี้ไปหาอาลู่ แล้วบอกเขาว่า คุณต้องการแต่งงานกับพี่สาว”
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินกำลังลังเล มู่เชียนเชียนก็รีบคว้าแขนของหยางเฉินจะไปหาลู่ชวน
“อาลู่กับคุณปู่ลู่พอใจในตัวคุณมาก ขอแค่คุณเอ่ยปาก พวกเขาจะไม่ขัดขวางเรื่องการแต่งงานระหว่างคุณกับพี่สาวเลย พี่เสี่ยว พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
แต่หยางเฉินนิ่งไม่ขยับ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ “เชียนเชียน ผมอาจจะ อาจจะแต่งงานแล้ว!”
“คุณยังไม่ฟื้นความจำไม่ใช่เหรอ?” มู่เชียนเชียนรู้สึกร้อนใจ
“หลายวันมานี้ ทุกคืนผมจะฝันว่ามีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เรียกผมว่าพ่อ ความรู้สึกนั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน ผมมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเธอคือลูกสาวของผม”
หยางเฉินกล่าวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นอกจากเธอแล้ว ยังมีสาวอีกคนหนึ่ง ถ้าเดาไม่ผิด เธอเป็นภรรยาของผมเอง!”
“เป็นไปไม่ได้!”
มู่เชียนเชียนกำลังจะร้องไห้แล้ว “คุณก็บอกอยู่แล้ว มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น แล้วมันจะเป็นจริงได้ยังไง?”
“แล้วฉันก็ฝันเห็นลูกในอนาคต ถ้าเอาตามที่คุณบอก ฉันเป็นสาวโสด คงไม่ได้มีลูกแล้วหรอกนะ?”
หยางเฉินส่ายหัว “มันไม่เหมือนกัน!”
ไม่ว่ามู่เชียนเชียนจะดึงอย่างไร หยางเฉินก็ไม่ขยับ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมรับผู้หญิงคนใด นอกจากว่าเขาจะยืนยันได้ว่าตัวเองโสด
“พี่เสี่ยว คุณไร้หัวใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
มู่เชียนเชียนโมโหในทันที พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับพี่สาว คุณจะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ไหม”
“นี่คือวิธีที่คุณปฏิบัติต่อผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตงั้นเหรอ?”
หยางเฉินมีสีหน้าขมขื่น ทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างจริงจังว่า “เชียนเชียน ตอนนี้ผมจะแต่งงานกับฉิงเสว่ก็ได้ แต่คุณเคยลองคิดดูไหมว่า ถ้าหากผมแต่งงานกับเธอแล้ว พอผมฟื้นคืนความทรงจำได้และมีเมียมีลูกแล้วจริงๆ แล้วฉิงเสว่จะทำยังไง?”
“ตัดความสัมพันธ์เสียตั้งแต่ตอนนี้ยังเริ่มแตกหน่อ ดีกว่าตัดเมื่อความรักสุกงอมแล้วจริงไหม?”
“ในเมื่อคุณเป็นน้องสาวของฉิงเสว่ มีความสัมพันธ์อันดี ก็ต้องอยากให้เธอมีความสุขถูกไหม?”
“ที่ผมทำแบบนี้ ก็แค่ไม่อยากให้ความหวังกับฉิงเสว่ กลัวว่ายิ่งหวังมากเท่าไหร่ ความผิดหวังก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ฉิงเสว่เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีมาก ผมไม่อยากทำให้เธอต้องเจ็บปวดเลย!”
หยางเฉินพูดอย่างมีพลังและมีอำนาจโน้มน้าวจิตใจ มู่เชียนเชียนที่กำลังวุ่นวายใจก็เงียบสงบลงทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึงมองหยางเฉินด้วยดวงตาแดงก่ำและถามว่า “ถ้าวันหนึ่งคุณรู้ว่าคุณโสด คุณจะเต็มใจยอมรับพี่สาวของฉันไหม?”
หยางเฉินพยักหน้าโดยไม่ลังเล “เต็มใจ!”
ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเชียนเชียน “ดี คุณพูดเองนะ!”
หยางเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ผมจะโกหกคุณได้ไหม? ขอเวลาผมอีกหน่อย หลังจากที่ผมฟื้นคืนความจำได้แล้ว ค่อยตัดสินใจอีกที ตกลงไหม?”
“ตกลง ฉันจะรอคุณ!”
มู่เชียนเชียนกล่าวอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะออกไป หยางเฉินก็รีบเตือนเธอว่า “แต่ที่เราคุยกันนี้ ห้ามไปบอกฉิงเสว่เด็ดขาดเลยนะ!”
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้แล้ว!” มู่เชียนเชียนหันหลังเดินจากไป
แต่ทันทีที่เธอออกจากห้องของหยางเฉิน เธอก็ไปที่ห้องของลู่ฉิงเสว่
“พี่สาว พี่ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ฉันมีข่าวดีจะบอก!”
มู่เชียนเชียนพูดอย่างตื่นเต้น “ที่พี่เสี่ยวปฏิเสธพี่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบพี่ แต่เขาชอบพี่มากเกินไป กลัวว่าทุกสิ่งภายในความฝันของเขาจะเป็นจริง แล้วจะไปทำร้ายคุณในอนาคต”
“จริงเหรอ?”
ลู่ฉิงเสว่หยุดสะอื้นแล้วรีบถาม
“จริงเสียยิ่งกว่าจริง!”
มู่เชียนเชียนพยักหน้าและพูดอย่างหนักแน่นจริงใจ “พี่เสี่ยวบอกกับฉันเองว่า ไม่มีใครไม่ชอบผู้หญิงอย่างพี่หรอก แค่เป็นห่วงว่าหากตนเองมีคนรักแล้วจริงๆ หลักจากฟื้นคืนความจำ มันจะทำให้พี่เจ็บ”
“เขาบอกว่าขอเวลาเขาอีกหน่อย รอให้เขาฟื้นความทรงจำ ขอแค่เขาแน่ใจว่าเขาไม่มีคนรัก ก็จะแต่งงานกับพี่อย่างแน่นอน!”
ลู่ฉิงเสว่ถามด้วยความสงสัย “เขาพูดแบบนี้เหรอ? ทำไมเมื่อกี้เขาไม่บอกฉันแบบนี้ล่ะ?”
มู่เชียนเชียนเอื้อมมือปาดน้ำตาบนใบหน้าของลู่ฉิงเสว่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะเขากลัวว่าถ้าเขามีเมียมีลูกแล้วจริงๆ เขาจะทำให้พี่เจ็บเกินไป”
“พี่เสี่ยวไม่ได้บอกพี่ เพราะรักพี่มากเกินไป ถึงได้ปิดบังพี่นะ!”
ครั้งนี้ลู่ฉิงเสว่ถึงเชื่อในที่สุด เธอพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะรอจนกว่าเขาจะฟื้นความจำ!”
สิ่งที่หยางเฉินไม่รู้ก็คือ สิ่งที่เขาพูดกับมู่เชียนเชียน ได้ถูกเด็กผู้หญิงคนนี้เอาไปใส่สีเกินจริงเมื่อบอกกับลู่ฉิงเสว่แล้ว
ในเวลาเดียวกัน ผู้นำของตระกูลจางก็ได้พาผู้แข็งแกร่งของตระกูลไปยังตระกูลลู่ ภายในห้องประชุมของตระกูลลู่ ลู่หยวนทงนั่งอยู่บนที่นั่งบนสุด ด้านล่างคือทายาทสายตรงของตระกูลลู่
ในเวลานี้ สีหน้าของทุกคนดูเคร่งขรึมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
“จางโฉงได้พาผู้แข็งแกร่งแดนราชาทั้งหมดของตระกูลมุ่งหน้ามายังตระกูลลู่ ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของตระกูลลู่ของเรา ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันจึงจะสามารถต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งได้!”
ลู่หยวนทงพูดเสียงดังชัดเจน
“ท่านเจ้าบ้าน มันไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยเหรอที่พวกเราจะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับคนหนุ่มที่ไม่รู้ที่มาที่ไป?”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
มีคนไม่มากที่รู้ถึงความสามาถที่หยางเฉินได้แสดงออกมา เป็นเรื่องปกติที่คนในตระกูลลู่จะตั้งคำถามกับเขา
ลู่หยวนทงชายตามองชายวัยกลางคนที่กำลังพูดอยู่ “จางโฉงได้พาผู้แข็งแกร่งของตระกูลมาที่นี่แล้ว คุณช่วยบอกผมที ถ้าเราไม่ฝากความหวังไว้ที่คุณเสี่ยว แล้วพวกเราจะขอให้ใครมาช่วยพวกเราได้อีก?”
“ตระกูลหลี่!”
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้มีเพียงตระกูลหลี่เท่านั้นที่สามารถต้านทานตระกูลจางได้ ผมแนะนำให้เราขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลี่ก่อน บางทีอาจจะยังมีความหวังอยู่บ้าง”
“ท่านเจ้าบ้าน ผมก็แนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลี่ แม้ว่าคุณเสี่ยวจะเก่งกาจ แต่ก็ไม่มีที่มาที่ไปและความสามารถที่ชัดเจน พวกเราไม่รู้อะไรเลย”
“ถูกต้อง ตอนนี้มีเพียงตระกูลหลี่เท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือตระกูลลู่ของเราได้!”
…
พอมีคนเปิดประเด็น ทันใดนั้น สมาชิกตระกูลลู่ทั้งห้องประชุมล้วนหวังจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลี่
ลู่หยวนทงกับลู่ชวนดูสงบนิ่ง มองดูผู้คนที่ร้อนรนอย่างเฉยเมย
หลังจากที่ทุกคนเงียบสงบลงแล้ว ลู่หยวนทงก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พูดกันจบแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ เขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อพูดจบแล้วก็หุบปากให้หมด แล้วฟังผมพูด!”
“พวกคุณไม่รู้หรอกว่าคุณเสี่ยวแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ผมมั่นใจว่าตราบใดที่เขาลงมือ ต่อให้ตระกูลจางและตระกูลหลี่ร่วมมือกัน ก็ไม่อาจสั่นคลอนรากฐานตระกูลลู่ของเราได้!”
ลู่หยวนทงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ตระกูลลู่สงบเงียบมานานเกินไปแล้ว นี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเราจะได้พลิกเกมเป็นฝ่ายชนะ ตราบใดที่เราสามารถต้านทานตระกูลจางได้ จากวันนี้เป็นต้นไป อย่างน้อยตระกูลลู่ก็จะทัดเทียมกับตระกูลจาง”
“ต่อไป ทุกคนไปทำหน้าที่ของตัวเอง พาผู้แข็งแกร่งของตระกูลไปซุ่มโจมตี รอคนของตระกูลจางมาถึง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ทยอยออกไปทำตามคำสั่ง
“พ่อครับ ครั้งนี้พวกเราจะชนะได้จริงหรือ?”
หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว เหลือเพียงสองพ่อลูกลู่หยวนทงและลู่ชวน ลู่ชวนที่เคยมั่นใจในตัวหยางเฉิน ในเวลานี้รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“จะดีหรือร้ายมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตระกูลลู่จะสามารถขึ้นเป็นผู้ปกครองมหาอำนาจของหนิงโจวได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณเสี่ยวแล้ว!”
ลู่หยวนทงเดินไปที่ริมหน้าต่าง แหงนหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆดำ สีหน้าเคร่งเครียด