The king of War - บทที่ 137คำหนึ่งสิบล้าน
ท้ายที่สุดหลี่เหลียงเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบอดี้การ์ดของตระกูลเว่ย
หมัดของเขาทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายงอเพียงเล็กน้อย แต่หมัดก่อนหน้านั้นของอีกฝ่ายทำให้เขาล้มลงกับพื้น ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนไม่เท่ากันโดยสิ้นเชิง
ในเวลานี้บอดี้การ์ดของตระกูลเว่ยโจมตีด้วยแรงทั้งหมดภายใต้ความโกรธจัด เกิดต่อยโดนขมับของเขา อย่างเบาก็หมดสติ อย่างหนักก็ตาย
ถึงอย่างนั้น ในดวงตาของหลี่เหลียงไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งสองจ้องเขม็ง และก็ยื่นมือออกไปขวางไว้โดยไม่รู้ตัว
“พรึ่บ!”
“ผลัวะ!”
ในเวลานี้ เงาสีดำก็พุ่งเข้ามาทันที และรวดเร็วราวกับสายฟ้า
“ใคร?”
สีหน้าของเว่ยเชินเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ผลัวะ!”
ตอนที่เว่ยเชินรู้ตัวว่ามียอดฝีมือพุ่งมา บอดี้การ์ดของเขาก็เหมือนกับลูกบอลลูกหนึ่ง โดนเตะกระเด็นออกไป
บอดี้การ์ดของตระกูลเว่ยกระแทกประตูหมุนออกไปทันที กระแทกกระจกสองบานต่อเนื่องกัน และตกลงข้างนอกของหวงเหอบาธอย่างหนัก
เหมือนกับสุนัขที่ตาย นอนอยู่บนเศษแก้วที่กระจายอยู่บนพื้น และหมดสติไปนานแล้ว
ทุกคนต่างก็ดูเฉื่อยชา มองดูร่างกายกำยำที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นในหวงเหอบาธตั้งแต่เมื่อไร หลังจากที่เตะเสร็จ เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเดินตรงไปข้างหลังของหยางเฉิน
จนถึงขณะนี้ ทุกคนถึงรู้ว่า ชายหนุ่มคนนี้ เป็นคนของหยางเฉิน
ตอนที่หวังเฉียงเห็นชายหนุ่มคนนี้ บนใบหน้ายังมีความหวาดกลัวเล็กน้อย ตอนนั้นอยู่ที่ปู๋เย่เฉิง ครั้งแรกที่พบกับหยางเฉิน ก็เป็นชายหนุ่มกล้ามเนื้อแน่นโตสองคนที่ติดตาม
ชายกล้ามโตคนนี้ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหม่าชาว
เขาเพิ่งมาถึงหวงเหอบาธ เห็นบอดี้การ์ดของตระกูลเว่ยลงมือกับหลี่เหลียงเข้าพอดี และก็จัดเรื่องนี้เอง
ท่าทางของเว่ยเชินก็กลายเป็นเคร่งขรึมมากขึ้น คนคนหนึ่งที่สามารถทำให้หวังเฉียงติดตามได้ ตอนนี้ก็มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ปรากฏตัว ชายหนุ่มแบบนี้ จะธรรมดาเหรอ?
หลี่เหลียงมองที่หม่าชาวที่ยืนอยู่ข้างหลังของหยางเฉิน แล้วก็มองไปที่บอดี้การ์ดของตระกูลเว่ยที่นอกประตูกระจกหมุน อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“ประตูกระจกของหวงเหอบาธ และยังมีบอดี้การ์ดของแกที่ทำร้ายคนของฉัน ก็คิดแกแค่สิบล้าน ภายในสิบนาที จ่ายเงินครบแล้ว ฉันจะปล่อยแกออกไป”
เสียงของหยางเฉินทำลายความเงียบสงัด เพียงแต่คำพูดนี้ของเขา ทำให้ผู้คนที่เพิ่งสงบลงมา ก็ไม่สามารถสงบจิตใจได้อีก
ในใจของหวังเฉียงตกตะลึงอย่างฉับพลัน แอบพูดว่าคุณหยางร้ายกาจกว่า ทำร้ายคนของตระกูลเว่ย ยังกล้าเอ่ยปากขอเงินชดใช้จากตระกูลเว่ย
เว่ยเชินก็ดูเฉื่อยชา แม้เขาจะรู้ว่าหยางเฉินไม่ธรรมดา แต่ไม่สามารถทนต่อความอัปยศอดสูแบบนี้ได้ แววตาค่อยๆเย็นชาขึ้นมา
“บอดี้การ์ดของฉัน โดนคนของแกโดนคนของแกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และที่ประตูกระจกก็เสียหาย ก็เกิดมาจากคนของแก แกกลับขอสิบล้านกับฉัน มากเกินไปหรือเปล่า?”เว่ยเชินกัดฟันพูด
“อันดับแรก นี่เป็นถิ่นของฉัน ฉันเป็นใหญ่! อันดับต่อมา คนของแกลงมือกับคนของฉันก่อน! ต่อจากนั้น ประตูกระจกก็เป็นร่างกายบอดี้การ์ดของแกที่กระแทกจนพัง!”หยางเฉินพูดอย่างเยือกเย็น
“แก…..”
“ยี่สิบล้าน!”
“ฉัน…..”
“สี่สิบล้าน!”
“ตกลง ฉันจะโอนให้เดี๋ยวนี้!”
เว่ยเชินกำลังจะโต้เถียง หยางเฉินก็เพิ่มเงินชดใช้เป็นสองเท่า โต้เถียงอีก ก็เพิ่มเป็นสองเท่า ในที่สุดเขาก็ไม่กล้าพูดอีกต่อไป ทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยเชิน ทุกคนก็ตกตะลึง นี่เป็นคนของตระกูลเว่ยจริงๆเหรอ?
หยางเฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย: “ถ้าหากตอบตกลงเร็วหน่อย ก็ไม่ถึงกับต้องพูดมากสองคำ เงินชดใช้ก็มากไปสามสิบล้าน แกน่าจะรู้สึกเป็นเกียรติ เพราะฉัน ทำให้หนึ่งคำของแกมีค่าเป็นเงินสิบล้าน!”
สีหน้าของเว่ยเชินดูไม่ดีเป็นอย่างมาก แทบจะโกรธจนกระอักเลือดด้วยคำพูดของหยางเฉิน
แม้ว่าเขาจะโหดร้าย แต่กลับระมัดระวังตัวมาก ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่รู้เบื้องหลังของศัตรู เขาเคยทำอะไรที่หุนหันพลันแล่น
“ยังไปไม่พาประธานเว่ยไปรูดการ์ดอีก!”
หยางเฉินตวาดอย่างกะทันหัน หลี่เหลียงตกใจในทันที รีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ประธานเว่ย เชิญทางนี้!”
ภายใต้สายตาของทุกคน เว่ยเชินรูดจ่ายเงินไปสี่สิบล้านจริงๆ และเขาพาคนออกไปอย่างโกรธจัด
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายก็เป็นผู้จัดการใหญ่ของหวงเหอบาธ รับผิดชอบงานทั้งหมดของที่นี่” หยางเฉินก็พูดกับหลี่เหลียงทันที
หลี่เหลียงที่ยังไม่ได้ดึงสติกลับมา เมื่อได้ยินหยางเฉินแต่งตั้งใหม่ให้กับเขา รู้สึกตกใจอยู่พักหนึ่ง และเป็นเวลานานก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า: “ขอบคุณครับเจ้านาย! ขอบคุณครับเจ้านาย!”
ในเวลานี้ ในใจของเขามีเพียงซาบซึ้งและตื้นตันใจ เมื่อวานเพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการล็อบบี้ วันนี้ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการใหญ่
เขาเข้าใจว่า เมื่อกี้นี้ตัวเองเดิมพันถูกแล้ว หยางเฉินกำลังทดสอบจริงๆ
เมื่อคิดถึงทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาก็ดูเหมือนกำลังฝัน ไม่เพียงแต่ผลักเว่ยเชินเท่านั้น แต่ยังลงมือต่อยบอดี้การ์ดของตระกูลเว่ย
แม้ว่าตัวเองเกือบจะโดนบอดี้การ์ดของตระกูลฆ่าตาย แต่เป็นเพียงเหตุการณ์ที่ไม่ต้องตื่นตระหนก
ทั้งๆที่หยางเฉินรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ดีเท่าบอดี้การ์ดของตระกูลเว่ย แต่กลับยังจะสั่งให้เขาลงมือ ชัดเจนว่าไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไร
เมื่อนึกถึงเมื่อกี้นี้ตัวเองเกือบจะปฏิเสธที่จะลงมือกับบอดี้การ์ดของตระกูลเว่ย ในใจก็รู้สึกโชคดีขึ้นมาอย่างฉับพลัน บางทีตอนนี้ตัวเองก็ควรจะไสหัวออกไปแล้ว?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็มั่นใจต่อหยางเฉินอย่างเต็มเปี่ยม เจ้านายแบบนี้ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาไม่จงรักภักดีล่ะ?
หวังเฉียงมองไปที่หลี่เหลียงด้วยความอิจฉา ตัวเองพยายามมาหลายปี ถึงได้มีตำแหน่งของตอนนี้ หลี่เหลียงเมื่อวานยังเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต๊อกต๋อย วันนี้ก็กลายเป็นผู้จัดการใหญ่ของหวงเหอบาธแล้ว
แม้ว่าหวงเหอบาธกับเมืองคิง จะไม่มีอะไรเทียบได้ แต่เขารู้ดี หลี่เหลียงได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต๊อกต๋อยอย่างกะทันหัน ดังนั้นคุณสมบัติก็แข็งแกร่งกว่า ตราบใดที่มีความสามารถ จากนี้ไปอนาคตก็จะไร้ขีดจำกัด
“ทำงานดีๆ!”
หยางเฉินตบไหล่หลี่เหลียง แล้วหันหลังเดินจากไป
ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่เว่ยเชินออกจากหวงเหอบาธ ก็โทรหาหมายเลขหนึ่งทันที กัดฟันพูด: “ไปหามาให้ฉัน ต่อให้ต้องค้นหาทั่วแผ่นดิน ก็ต้องหาตัวติงลู่ออกมาให้ฉันให้ได้! นอกจากนี้ ตรวจสอบคนคนหนึ่งให้ฉัน…..”
เว่ยเชินในฐานะทายาทของตระกูลเว่ย เคยได้รับความอับอายขายหน้าอย่างในวันนี้เมื่อไหร่กัน
ถ้าหากไม่กังวลว่าจะทำให้ผู้มีอิทธิพลที่ไหนขุ่นเคืองใจ เขาจะก้มหัวให้หยางเฉินได้อย่างไร?
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากที่สุดคือ ตระกูลเว่ยได้สนับสนุนติงลู่มานานขนาดนี้ ติงลู่ก็รู้ดีว่าหวงเหอบาธมีความสำคัญต่อตระกูลเว่ย กลับยังกล้าโอนหวงเหอบาธออกไปเป็นการส่วนตัว
เพียงแต่ว่า เขาถูกกำหนดให้ต้องผิดหวัง เมื่อวานนี้ติงลู่ได้หลบหนีออกจากเจียงโจวแล้ว ในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ตระกูลเว่ยของเขาจะตามหาทุกซอกทุกมุมได้อย่างไร
“เรื่องนี้ ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้นอย่างแน่นอน ด้วยความเข้าใจที่ฉันมีต่อติงลู่ เขาไม่มีทางโอนหวงเหอบาธแน่ นอกจากว่า โดนบีบคั้น”
เว่ยเชินคิดเรื่องนี้ออกอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม การกระทำของติงลู่ก็คือทรยศ ไม่ว่าจะยังก็ตามก็ต้องหาให้เจอ
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินก็ออกมาจากหวงเหอบาธ
หวังเฉียงขับรถเอง หม่าชาวนั่งอยู่ข้างคนขับ และหยางเฉินนั่งเบาะหลังคนเดียว หลับตาเพื่อพักผ่อน
“คุณหยาง ไม่งั้นคุณออกไปซ่อนตัวก่อน? เนื่องจากตระกูลเว่ยเป็นหนึ่งในสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว เว่ยเชินก็เป็นทายาทของตระกูลเว่ย วันนี้เสียเปรียบมากมายขนาดนั้น เขาไม่มีทางยอมวางมือยุติเรื่องราวอย่างแน่นอน”
หวังเฉียงเห็นหยางเฉินหลับตาตลอด ยังคิดว่าเขากังวลเกี่ยวกับตระกูลเว่ย ดังนั้นจึงเอ่ยปากพูด
“ซ่อนตัว? แค่ตระกูลเว่ย ก็มีสิทธิ์ทำให้ฉันต้องซ่อนตัวด้วยเหรอ?”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็ลืมตาทั้งสองขึ้น และแสยะยิ้ม: “ฉันกำลังกลุ้มใจที่ไม่สามารถหาเหตุผลเหมาะสมที่จะลงมือกับตระกูลเว่ยได้ ทางที่ดีที่สุดพวกเขาสามารถมีการเคลื่อนไหวได้เร็วหน่อย”
ในขณะนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน หยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์แปลก เขาก็ตัดสายไปทันที
แต่เพิ่งจะตัดสายไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ยังเป็นเบอร์แปลกก่อนหน้านี้