The king of War - บทที่ 1387 ความกังวลของโหรวเอ๋อร์
ในตอนที่หลี่จ้งมองไปทางหลี่เจียงสง ในสายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง พูดเสียงเย็นชาว่า:”แกคิดว่า ผู้แข็งแกร่งบูโดที่อายุน้อยอย่างหยางเฉิน จะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งง่ายขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”
หลี่เจียงสงถึงเข้าใจทันที ในจิ่วโจว ตระกูลบู๊โบราณที่ซ่อนจากโลกภายนอกเหล่านั้น ไม่นับว่าเป็นราชวงศ์ทั้งสี่ที่แข็งแกร่งที่สุด
แม้ว่าผู้แข็งแกร่งที่มีแดนเหนือมนุษย์ อย่างน้อยก็เป็นผู้แข็งแกร่งคนรุ่นก่อนที่ฝึกฝนมาหกสิบเจ็ดสิบปีแล้ว ส่วนในรุ่นหลังนั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า ภายในสามสิบปี บูโดจะสามารถไปถึงแดนเหนือมนุษย์
ยิ่งกว่านั้น หยางเฉินก็ยังเป็นแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นสอง กลับเป็นบูโดอัจฉริยะที่มีความแข็งแกร่งเปรียบเทียบได้กับแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า
“ผู้แข็งแกร่งคนใดที่สามารถกลายเป็นแดนเหนือมนุษย์ได้นั้น ต้องมีสายเลือดที่แข็งแรงมาก คนธรรมดาอยากก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ นั้นยากมากๆ แม้แต่ในราชวงศ์ทั้งสี่แห่งจิ่วโจว ผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติที่จะก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ ก็มีไม่กี่คน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่มที่อายุไม่ถึงสามสิบปี”
หลี่จ้งพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม:”ชาติกำเนิดของหยางเฉิน คาดว่าจะธรรมดาเลยสักนิด แต่สิ่งที่แน่นอนได้คือ สายเลือดของหยางเฉินจะต้องเป็นสายเลือดของตระกูลบู๊โบราณแน่ๆ และยังเป็นตระกูลบู๊โบราณที่มีการสืบทอดพลังมหาศาลแบบนั้น”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลี่จ้งพูด ดวงตาของหลี่เจียงสงก็เบิกกว้าง ใบหน้าชราเต็มไปด้วยความตกใจ:”พ่อ สิ่งที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ในเมื่อหยางเฉินมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทำไมเขาถึงมีวัยเด็กที่น่าสังเวชเช่นนี้ล่ะ?”
“จากการสืบสวนของฉัน หยางเฉินเติบโตขึ้นมาในตระกูลอวี๋เหวิน ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูจริงๆ และก่อนที่เขาจบมหาวิทยาลัย ยังเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีการฝึกฝนวิถีบู๊”
“ตอนนี้นับๆดูแล้ว ก็แค่เวลาหกปีสั้นๆ เขาจะเติบโตจากคนธรรมดาไปสู่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ในตอนนี้ได้อย่างไร?”
“แม้ว่าในร่างกายของเขาจะมีสายเลือดของตระกูลบู๊โบราณ ก็ไม่มีทางที่จะมีความสำเร็จของบูโดในช่วงเวลาสั้น ๆ ใช่ไหม?”
หลี่จ้งเหลือบมองหลี่เจียงสงนิ่งๆ แล้วพูดว่า:”ฉันบอกแกได้แค่ว่า ขนาดของโลกนั้น อยู่ไกลเกินจินตนาการของแก ในสายตาของแก ฉันมีพลังของแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ มันเป็นชีวิตที่มีแข็งแกร่งมากแล้ว แต่สิ่งที่ฉันบอกแกได้ก็คือ ในตระกูลบู๊โบราณ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่นั้นมีอยู่มากมาย”
“แม้แต่ในสองราชวงศ์โบราณ ก็มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่อยู่ไม่น้อย ถึงจะเป็นฉัน ก็แค่กบในกะลา”
หัวใจของหลี่เจียงสงเต็มไปด้วยความตกตะลึง ด้วยสถานะตัวตนของเขา รู้หลายสิ่งหลายอย่างมากจริง แต่วันนี้หลังจากฟังคำพูดของหลี่จ้งแล้ว เขาจึงตระหนักได้ว่า สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับการฝึกฝนบูโดนั้น แค่ผิวเผินจริงๆ
“แค่ความสัมพันธ์ระหว่างซ่านกวนโหรวกับหยางเฉิน ตราบใดที่หยางเฉินยังมีชีวิตอยู่ ทั้งชีวิตนี้เราอย่าแม้แต่จะคิดที่จะอยากได้ราชบัลลังก์ของราชวงศ์ซ่านกวนเลย”
หลี่จ้งพูดต่อ:”แน่นอน เรื่องที่อยากได้ราชบัลลังก์ ต่อไปก็อย่าไปคิดเลย สำหรับหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการผูกมิตรกับหยางเฉิน หลังจากที่ตัวตนที่แท้จริงของหยางเฉินถูกเปิดเผยในอนาคต ถ้าหลี่ซื่อกรุ๊ปสามารถผูกมิตรกับเขาได้ แค่ความสัมพันธ์นี้ แม้ว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่สามารถกลายเป็นราชวงศ์ได้ แต่สถานะในจิ่วโจว ก็อาจจะไม่ด้อยกว่าราชวงศ์”
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ผมรู้ว่าต้องทำยังไงแล้ว”หลี่เจียงสงรีบพูดขึ้น
หลี่จ้งเยาะเย้ย:”แค่แก ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าหาหยางเฉิน เขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? จะให้ฉันยอมจำนนต่อเขา อนาคตฉันจะต้องติดตามเขาไป ฉันหวังว่าเขาจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง!”
พูดจบ ทันใดนั้นหลี่จ้งก็ออกมาจากที่ซ่อนในห้องลับ หยิบขวดหยกออกมา แล้วยื่นให้หลี่เจียงสงอย่างระมัดระวัง ในดวงตาของเขา ยังมีความเสียดายอยู่บ้าง
“เอายารักษานี้ไปให้หยางเฉิน มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออาการบาดเจ็บของเขา”หลี่จ้งกล่าว
ใบหน้าของหลี่เจียงสงเต็มไปด้วยความตกตะลึง และพูดอย่างเหลือเชื่อ:”พ่อ นี่คือสมบัติที่กว่าพ่อจะได้มา ก็เกือบตายในหลุมฝังศพนั้น แล้วจะให้กับหยางเฉิน?”
หลี่จ้งเหลือบมองหลี่เจียงสงนิ่งๆ:”อย่ามองโลกแคบขนาดนั้นสิ แม้ว่ายารักษานี้จะมีค่า แต่ถ้ามอบให้หยางเฉิน ก็จะมีโอกาสมากที่จะได้รับมิตรภาพของหยางเฉิน คุณค่าของหยางเฉินนั้น ห่างไกลกับคุณค่าของยารักษาเม็ดเดียว”
คนอื่นอาจจะไม่ทราบคุณค่าของยารักษาในขวดหยกนี้ แต่หลี่เจียงสงกลับรู้ดีมาก
ตอนนั้นหลี่จ้งรอดปากเหยี่ยวปากกา ถึงได้สมบัติบางส่วนจากสุสานโบราณนั้น และยารักษานี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตามบันทึกในสุสาน ยารักษานี้มีผลในการชุบชีวิต และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์
หลายปีที่ผ่านมา หลี่จ้งเองก็กินยารักษาเม็ดนี้ไม่ลง แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะเอาออกมาให้คนอื่น
“พ่อ ผมจะไปหาราชวงศ์ซ่านกวนด้วยตัวเอง และมอบยารักษานี้ให้หยางเฉิน”หลี่เจียงสงรีบพูดขึ้น
“นอกจากนี้ แกมอบหนังสือโบราณเล่มนี้ให้หยางเฉินไปด้วยนะ!”
หลี่จ้งหยิบหนังสือสีเหลืองออกมาอีก แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า:”หนังสือโบราณเล่มนี้ แกต้องมอบให้หยางเฉินด้วยมือของแกเอง นอกจากนี้ ยังต้องหลีกเลี่ยงจากคนอื่นด้วย เข้าใจไหม?”
เมื่อเห็นหลี่จ้งเคร่งขรึมเช่นนี้ หลี่เจียงสงก็ไม่กล้ารอช้า รีบพูดอย่างจริงจังว่า:”พ่อไม่ต้องกังวล ผมจะมอบสิ่งของนี้ให้เย่เฉินด้วยมือของผมเอง”
“ดี ไปเถอะ!”หลี่จ้งโบกมือ
ในเวลาเดียวกัน ในคฤหาสน์ ราชวงศ์ซ่านกวน
หยางเฉินกำลังนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ที่หรูหรา ส่วนซ่านกวนโหรวนั่งอยู่ข้างเตียงใหญ่ มองดูชายที่ยังหมดสติอยู่ ก็ตกภวังค์เล็กน้อยทันที
“สุภาพบุรุษสง่างาม น่าจะหมายถึงผู้ชายแบบนี้สินะ?”
ซ่านกวนโหรวจ้องที่หยางเฉินอย่างหลงใหลเป็นเวลานาน และจู่ๆก็พูดขึ้น ยกยิ้มมุมปากอย่างสวยงาม
เพียงแต่ ไม่มีใครเห็นฉากที่สวยงามนี้
“หมอเทวดาหวงบอกแล้วว่า วันนี้คุณ จะตื่นขึ้นมา ทำไมคุณยังไม่ตื่นล่ะ?”ซ่านกวนโหรวพูดกับตัวเอง
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกกังวลขึ้นเล็กน้อยในใจ ยังไงซะอาการบาดเจ็บของหยางเฉินสาหัสเกินไป ก่อนหน้านี้ต่อสู้กับโต่วเฮ่อ เป็นวิธีการต่อสู้ที่แพ้ทั้งคู่โดยสิ้นเชิง
ในเวลานี้เอง คนใช้มารายงานว่า:”คุณหนู หลี่เจียงสงมาแล้วค่ะ เขาบอกว่านำยารักษามาให้คุณหยางค่ะ”
“ยารักษา?”
ซ่านกวนโหรวขมวดคิ้วแน่น ด้วยสถานะของเธอ จึงเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่ายารักษาคืออะไร
ว่ากันว่า แม้แต่ตระกูลบู๊โบราณ ก็ไม่มียารักษาสักเท่าไหร่ และยารักษาก็มีมูลค่าสูงมาก ใช้คำว่าล้ำค่ามาอธิบาย ก็ไม่ถือว่ามากเกินไป
เพราะในยุคสมัยนี้ ไม่มีนักปรุงยาที่สามารถปรุงยารักษาออกมาได้
ตามข่าวลือ มีแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ในตอนที่บูโดเฟื่องฟู ถึงจะมีนักปรุงยา พูดได้ว่า ยารักษาที่เห็นได้ในตอนนี้ ล้วนเหลือไว้เมื่อหลายร้อยปีก่อน
“ให้เขาเข้ามา!”
หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ซ่านกวนโหรวก็พูดขึ้น
เหตุผลที่เธอลังเล เพราะยังไม่รู้เจตนาของตระกูลหลี่ หากเป็นยารักษาจริงๆ ก็ไม่เป็นไร สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุด ก็คือยาที่ตระกูลหลี่ให้มา มีพิษร้ายแรง และมุ่งเป้ามาที่ชีวิตของหยางเฉิน
ยังไงซะตระกูลหลี่อยากได้ราชบัลลังก์ของราชวงศ์มาตั้งนานแล้ว และตอนนี้เป็นเพราะหยางเฉิน จึงทำให้ตระกูลหลี่ล้มเหลว
ตอนนี้หยางเฉินอยู่ในอาการหมดสติ ถ้าฆ่าหยางเฉินไป แค่หลี่จ้งคนเดียว ก็จะสามารถครองเมืองราชวงศ์ซ่านกวนทั้งหมดได้
ขณะที่ซ่านกวนโหรวกำลังกังวล หลี่เจียงสงก็เข้ามาที่ห้อง