The king of War - บทที่ 139ผู้ชายสารเลว
หยางเฉินเอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัว และพยุงซูซานไว้
“เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
หยางเฉินถาม ต้องการจะปล่อยมือ แต่ปล่อยไม่ได้ เพราะทั้งตัวของซูซานพิงอยู่บนร่างกายของเขา เกิดปล่อยมือ ผู้หญิงคนนี้คงจะต้องล้มลง
“หยางเฉิน ฉันดื่มมากเกินไป เวียนหัว ทั้งร่างกายก็ไม่มีแรง นาย นายไปส่งฉันกลับบ้านได้มั้ย?”
ซูซานก็พิงไปที่บนไหล่ของหยางเฉิน ตอนที่พูด ลมอุ่นๆก็เป่ารดไปที่คอของหยางเฉิน
ดวงตาที่สวยหยาดเยิ้มของเธอ ใบหน้าแดงระเรื่อ แล้วก็แนบติดบนร่างกายของหยางเฉินอย่างแน่นหนา ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือว่าไม่ได้ตั้งใจ แขนของหยางเฉินถูกกอดไว้แน่นที่ตรงหน้าอกเธอ
รู้สึกถึงความนุ่มนวลที่น่าตื่นตาตื่นใจบนแขน หยางเฉินก็จิตใจเตลิดเปิดเปิงอยู่ครู่หนึ่ง
นอกจากสัมผัสฉินซีครั้งนั้นเมื่อห้าก่อน เขาก็ไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดผู้หญิงคนใดใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน
ในใจของหยางเฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นอย่างฉับพลัน เพียงแค่รับประทานอาหารกลางวันมื้อเดียวเท่านั้นเอง ก็สามารถมอมเหล้าตัวเองได้ โชคดีที่เธอยังไม่ได้เมามายอย่างถึงที่สุด อย่างน้อยก็รู้ว่าจะกลับบ้าน
“ไปเถอะ!”
หยางเฉินต้องการส่งผู้หญิงคนนี้กลับบ้านโดยเร็ว เธอพิงอยู่บนร่างกายของตัวเอง ทั้งหมดก็เป็นการทรมานอย่างหนึ่ง
สำหรับปฏิกิริยาของหยางเฉิน ก็อยู่ในสายของซูซานทั้งหมด ในใจก็ยังได้ใจเล็กน้อย
“ซานซาน!”
เมื่อทั้งสองคนเพิ่งเดินออกจากห้องวีไอพี ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจดังขึ้น
ชายหนุ่มที่ทั่วทั้งร่างกายก็เป็นของแบรนด์เนม กำลังก้าวเดินเข้ามา ในเวลานี้มองไปที่ทั้งสองที่ใกล้ชิดด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง
ซูซานแทบจะแนบติดอยู่บนร่างกายของหยางเฉิน
“นายเป็นใครนะ? ฉันไม่รู้จักนาย!”
ซูซานพูดด้วยท่าทางมึนเมาเดือดดาล ต่อจากนั้นกอดแขนของหยางเฉินให้แน่นด้วยมือทั้งสอง ทันใดนั้นก็พูดว่า: “หยางเฉิน พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินซูซานบอกว่าพวกเราจะกลับบ้าน หยางเฉินยังไม่ทันได้ดึงสติกลับมา ชายหนุ่มคนนั้นก็เข้าใจแล้ว บนใบหน้าที่หล่อเหลา ความโกรธก็ปรากฏขึ้นเล็กน้อยในทันที
“ซานซาน ฉันคือเฉินอิงจวิ้น!”
ชายหนุ่มรีบก้าวไปข้างหน้า ระงับความโกรธบนใบหน้าแล้วพูด
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หยางเฉินก็อดไม่ได้ แทบจะหัวเราะออกมา
“นายแมร่งหัวเราะอะไร?”เฉินอิงจวิ้นเขม็งตาให้หยางเฉิน
หยางเฉินรีบกลั้นหัวเราะไว้:“ขอโทษด้วย!”
“อ๋อ! นายคือเฉินอิงจวิ้น! อย่าขวางทาง พวกเราจะกลับบ้านแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของซูซานมีความโกรธ ไม่ง่ายเลยที่จะวางแผนทุกอย่างนี้ ปรากฏว่าเจอกับเฉินอิงจวิ้น
“เขาเป็นใคร?”
เฉินอิงจวิ้นกัดฟัน ยื่นมือชี้ไปที่หยางเฉิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“เขาเป็นเพื่อนของฉัน นายหลีกไป อย่าขวางทางพวกเรา!”
ซูซานหงุดหงิดมาก ดูเหมือนว่าจะสร่างเมามามากเกิดครึ่ง
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ทำไมถึงได้เข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นขนาดนี้? ต่อให้เป็นเพื่อน ก็ไม่ได้!”
เฉินอิงจวิ้นเลิกคิ้ว และเหลือบมองหยางเฉินด้วยท่าทางที่ไม่ดี
“นายหุบปากซะ! ฉันสนิทกับนายเหรอ? กลายเป็นผู้หญิงของนายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ซูซานโกรธอย่างสุดขีด แขนที่กอดหยางเฉินก็ไม่ยอมปล่อยสักที ต่อจากนั้นมองไปที่หยางเฉินอีกครั้ง พูดด้วยใบหน้าขอโทษว่า: “หยางเฉิน พวกเราไปกันเถอะ!”
เฉินอิงจวิ้นยืนขวางอยู่ตรงหน้าหยางเฉินไม่ยอมถอย สายตากลับมองไปที่ซูซาน พูดด้วยความโกรธ: “ซานซาน เธอเป็นคู่หมั้นของฉันนะ นี่เป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็ก ที่พ่อของเธอกับพ่อของฉัน หมั้นหมายกันตอนพวกเราเพิ่งเกิด เธอทำไมจะไม่สนิทกับฉัน?”
“ฉันไม่เคยรับปากมาก่อนว่า จะเป็นคู่หมั้นของนาย ขอร้อง นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว? นายยังคิดถึงเรื่องคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กอยู่เสมอเหรอ? ฉันเตือนนายอย่าเสียเวลากับฉัน รีบไปหาผู้หญิงคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยเถอะ”
หลังจากที่ซูซานพูดจบ ก็ดึงหยางเฉินและจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของหยางเฉินก็ไร้อารมณ์ เหมือนกับว่าดูเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
สีหน้าของเฉินอิงจวิ้นค่อยๆบูดบึ้งขึ้นมา เขาชอบซูซานตั้งแต่เด็ก ไม่ง่ายเลยที่จะรอจนถึงซูซานกลับมาจากต่างประเทศ ใครจะรู้ว่าเธอจะโดนคนอื่นลงมือไปก่อน
แม้ว่าซูซานจะบอกว่า หยางเฉินเป็นเพียงแค่เพื่อนของเธอ แต่ในความคิดของเฉินอิงจวิ้น ซูซานกับหยางเฉินคบหากันแล้ว เนื่องจากเขาไม่เคยเห็นว่า ซูซานจะใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมากเท่านี้มาก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เฉินอิงจวิ้นโกรธมาก และก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว แล้วขวางตรงหน้าของหยางเฉิน
“ไอ้หนุ่ม ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นใคร แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้เธอ เธอเป็นผู้หญิงของฉัน รู้เอาไว้ด้วย รีบไสหัวไปซะ!” เฉินอิงจวิ้นกัดฟันพูด
หยางเฉินมองเขาอย่างประหลาด ตัวเองกำลังตกเป็นเป้าหมายเหรอ?
“เฉินอิงจวิ้น นายไสหัวไปซะ ฉันจะคบหากับใคร เกี่ยวอะไรกับนาย? นายมีสิทธิ์อะไรมาไล่เพื่อนของฉันไปเหรอ?”
ซูซานยืนขวางอยู่ตรงหน้าหยางเฉิน และตะโกนอย่างโกรธเคืองใส่เฉินอิงจวิ้น
“แกเป็นแค่หลบอยู่ข้างหลังของผู้หญิงเหรอ?”
เฉินอิงจวิ้นไม่สนใจซูซาน จ้องมองหยางเฉิน แสยะยิ้มครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็เปิดกระเป๋าเงินออกมา หยิบปึกเงินเล็กๆออกมา ดูท่าทางว่านาจะมีประมาณสองพันหยวน
“เงินนี้ เพียงพอที่จะให้ยาจกอย่างแกใช้จ่ายช่วงหนึ่งแล้ว เอาไปแล้วไสหัวไปซะ!”
เฉินอิงจวิ้นโยนเงินไปที่บนตัวของหยางเฉินทันที
“พรึ่บพรั่บ”
ทันใดนั้นพื้นเต็มไปด้วยเงิน
ใบหน้าของซูซานเต็มไปด้วยความโกรธ โกรธจนร่างกายสั่นเทา: “นายไสหัวไปซะ!”
“ซานซาน เธอคงจะไม่ใช่ว่ามีอะไรกับเขาจริงๆนะ?”
ใบหน้าของเฉินอิงจวิ้นเต็มไปด้วยความเย็นชา สีหน้าดูไม่ดีเป็นอย่างมาก
ตอนแรกยังคิดว่าทั้งสองคนเพียงแค่คบหากันอย่างบริสุทธิ์ ตอนนี้ดูเหมือนว่า เรื่องราวไม่ธรรมดาขนาดนั้น
ในสายตาของเฉินอิงจวิ้น ซูซานถูกเขามองว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของตัวเอง ตอนนี้กลับพบว่าเธอความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น แค่คิดก็รู้แล้ว เขาโกรธมากแค่ไหน
“สมองของนายมีปัญหาหรือเปล่า? เขาเป็นเพื่อนของฉัน นายยังจะเซ้าซี้อะไร? นายต้องขอโทษเพื่อนของฉัน! ”
ซูซานสร่างเมาโดยสมบูรณ์ ถ้าหากยังจะแกล้งเมาต่อไป เกรงว่าเธอและหยางเฉินก็กลับออกไปไม่ได้
“ให้ฉันขอโทษผู้ชายเกาะที่ผู้หญิงกินนะเหรอ? ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย? ฉันเป็นคุณชายของตระกูลเฉินที่แท้จริง เขาเป็นตัวอะไร? ก็คู่ควรให้ฉันขอโทษเหรอ?”
เฉินอิงจวิ้นก็โกรธมาก เรียกชื่อของซูซานตรงๆ: “ซูซาน ทางที่ดีเธอควรคิดฐานะของตัวเองให้ชัดเจน เธอเป็นคู่หมั้นของฉันเฉินอิงจวิ้น นั่นก็คือลูกสะใภ้ของตระกูลเฉินของฉัน เธอทำแบบนี้ ตระกูลเฉินของฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
“ไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ!”
ซูซานไม่อยากจะพูดอะไรมากนักกับเฉินอิงจวิ้นแล้ว
เดิมทีแผนการที่สมบูรณ์ ก็ถูกสารเลวคนนี้ก่อกวน
“หยางเฉิน อย่าไปสนใจเขา พวกเราไปกันเถอะ!”
ซูซานกอดแขนของหยางเฉินก็จะออกไป
“ในเมื่อเธอหน้าด้าน ถ้าอย่างนั้นก็จะตบหน้าให้พัง”
เฉินอิงจวิ้นก็อับอายกลายเป็นโทสะ และฝ่ามือเดียวตบไปทางบนใบหน้าของซูซานอย่างรุนแรง
หยางเฉินกลับคาดไม่ถึง ผู้ชายคนนี้มีความปรารถนาที่จะครอบครองต่อซูซานมากถึงขั้นนี้ เพียงแค่ทานข้าวกับผู้ชายอื่นมื้อเดียว เขาก็จะลงมือกับซูซาน
ซูซานก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เธอคาดไม่ถึงว่าเฉินอิงจวิ้นจะลงมือกับตัวเอง จ้องมองดูฝ่ามือของเขาตบลงมา อยากจะหลบ แต่ก็ไม่ทัน
“เพียะ!”
ในชั่วพริบตาเดียว หยางเฉินก็ลงมืออย่างกะทันหัน คว้าข้อมือของเฉินอิงจวิ้นไว้
“เฉินอิงจวิ้น นายกล้าลงมือกับฉัน!”
ซูซานดูเหลือเชื่อ แววตาก็เย็นชาอย่างถึงที่สุด ถ้าหากไม่ใช่หยางเฉิน ฝ่ามือนี้ก็ตบลงบนใบหน้าของตัวเองแล้ว