The king of War - บทที่ 1458 เป็นคนแบบไหน
“ระวัง!”
ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งข้างๆ หยางเฉิน จู่ๆ ก็ตกใจและส่งเสียงขึ้นมา ทำให้คนจำนวนมากหันมามองเธอด้วยความสงสัย
“เพี๊ยะ!”
มีชายคนหนึ่งกำหมัดต่อยเข้ามา และก่อนที่มันจะต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของหยางเฉิน ทันใดนั้นหยางเฉินก็ยื่นมือออกมาแล้วคว้ามือของอีกฝ่ายไว้ทัน
“ไอ้หนู ปล่อย!”
จู่ๆ ชายหนุ่มคนนั้นก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับสีหน้าความโกรธ
หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขอโทษทีครับ!”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาก็หลับเลย แต่จู่ๆ ก็ถูกรบกวนในขณะที่พักผ่อนอยู่ ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
ถ้าไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะ แล้วถูกอีกฝ่ายทำแบบนี้ หยางเฉินคงฆ่าเขาไปแล้ว
ชายหนุ่มที่ต่อยหยางเฉินพูดด้วยสีหน้าความโกรธ “ขอโทษเหรอ? ฉันชื่อเย่เทียนหมิง จากตระกูลเย่ หลังจากลงเครื่องฉันจะไปราชวงศ์เย่ แกแน่ใจนะว่าจะให้ฉันขอโทษแกน่ะ?”
“ถ้าแกยอมปล่อยมือตอนนี้ แล้วยอมสลับที่กับฉัน ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมา พร้อมกับมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา “พูดอย่างนี้หมายความว่าคุณคงเป็นคนของราชวงศ์เย่สินะ?”
“ฮึ!”
เย่เทียนหมิงทำสีหน้าคล้ายกับความภาคภูมิใจ “รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน? ในเมื่อรู้แล้ว ก็รีบปล่อยมือแล้วรีบไสหัวไปให้พ้นซะ!”
“‘งั้นฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ แล้วรีบไสหัวไปให้พ้น แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก”
หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ถ้าอีกฝ่ายไม่เปิดเผยสถานะของตัวเอง หยางเฉินอาจไม่สนใจเขามากนัก เพราะที่นี่คือที่สาธารณะ แต่ไม่คิดว่า จะมาเจอคนของราชวงศ์เย่ในที่แบบนี้
และครั้งนี้ ที่เขากำลังจะไปคือราชวงศ์เย่ ไม่นึกว่ายังไม่ทันลงจากเครื่อง ก็เจอกับคนของราชวงศ์เย่แล้ว
ซ่งจั่ว และซ่งโย่วสองพี่น้องที่นั่งอยู่ด้านหน้ากำลังจะลงมือ แต่ถูกสายตาของหยางเฉินหยุดไว้ก่อน
“ไอ้หนู แกพูดว่าอะไรนะ?”
เย่เทียนหมิงคิดว่าตัวเองได้ยินผิด เขาถึงกับมองไปที่หยางเฉินแล้วถามอีกรอบ
“เย่เทียนหมิง นี่คุณจะมากเกินไปแล้วนะ!”
ในขณะนั้นเอง หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ หยางเฉิน ก็มองมาที่เย่เทียนหมิงและพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห
หยางเฉินเพิ่งสังเกตเห็นว่าผู้หญิงที่นั่งข้างๆ นั้นสวยมาก และดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักกับเย่เทียนหมิง
หยางเฉินรู้ทันทีเลยว่า ทำไมจู่ๆ เย่เทียนหมิงถึงอยากเปลี่ยนที่นั่ง ดูเหมือนจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้นี่เอง
“ถังยี่โหรว ผมทำเกินไปยังไง? หรือว่าคุณไม่เห็นว่า ไอ้หนุ่มคนนี้จับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย และยังให้ผมขอโทษมันอีก”
เย่เทียนหมิงมองไปทางถังยี่โหรว ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อย่าลืมนะว่า คุณเป็นคู่หมั้นของผม ผมจะนั่งใกล้คุณแล้ว มันผิดด้วยเหรอ?”
ถังยี่โหรวได้แต่กัดฟัน และโกรธมาก แต่หยางเฉินก็ดูออกว่า เธอโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา
เห็นได้ชัดว่า ราชวงศ์เย่มีอำนาจมากในเมืองราชวงศ์เย่ แล้วถังยี่โหรวยังเป็นคู่หมั้นของเย่เทียนหมิง แม้เธอจะไม่เต็มใจก็ตาม ตระกูลของเธอ คงจะบังคับให้เธอแต่งงานกับเย่เทียนหมิง
นี่คือห้องโดยสารชั้นหนึ่ง และยังเป็นเที่ยวบนที่บินไปยังเมืองราชวงศ์เย่ แน่นอนว่าในนี้คงจะมีแต่คนที่มีอำนาจและชื่อเสียง
เพราะเรื่องของเย่เทียนหมิงและหยางเฉินทำให้บางคนโกรธ แต่หลังจากรู้สถานะของเย่เทียนหมิง พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูด และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณคะ คุณปล่อยเขาไปก่อนได้ไหมคะ?”
ทันใดนั้นถังยี่โหรวก็มองมาที่หยางเฉิน ด้วยสายตาที่อ้อนวอน
หยางเฉินเหลือบไปมองถังยี่โหรว แล้วส่ายหัวทำเหมือนไม่สนใจ แต่มองไปที่เย่เทียนหมิงด้วยสายตาเย็นชา และพูดอีกครั้งว่า “ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษฉัน!”
“ไอ้สารเลว! แกอยากตายหรือไง!”
เย่เทียนหมิงโกรธมาก กำหมัดอีกข้างขึ้นมา แล้วชกไปที่หัวของหยางเฉิน
“ระวัง!” ถังยี่โหรวตะโกนออกมา
“กร๊อบ!”
ทันใดนั้น เสียงกระดูกหักก็ดังขึ้น
“อ้า……แขน แขนของฉัน……อ้า……”
หลังจากนั้น เสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังไปทั้งเครื่อง และเห็นว่าเย่เทียนหมิงถูกหยางเฉินหักข้อมือที่จับเอาไว้แต่แรกจนหัก
หน้าของเย่เทียนหมิงเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะความเจ็บปวด เขามองหยางเฉินด้วยสายตาที่โกรธมาก และอยากฆ่าหยางเฉินอย่างมาก
เสียงร้องคร่ำครวญของเขา ทำให้หลายๆ คนหันมามอง ถังยี่โหรวก็ตกใจอย่างมากจนพูดอะไรไม่ออก
จากนั้นสักพัก ถังยี่โหรวก็พูดขึ้นมาว่า “คุณบ้าไปแล้วหรือไง? เขาคนของราชวงศ์เย่เลยนะ และยังเป็นถึงกับหลานชายของกษัตริย์เย่เลยนะ คุณหักแขนเขา ถ้าถึงเมืองราชวงศ์เย่เขาไม่ยอมปล่อยคุณไปง่ายๆ แน่”
หยางเฉินไม่มองถังยี่โหรวด้วยซ้ำ แล้วทำเหมือนกับไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ แล้วกลับมานอนต่อ
ถังยี่โหรวยิ่งประหลาดใจ พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่โกรธว่า “นี่คุณกำลังฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่าเนี่ย? เที่ยวบินนี้กำลังไปเมืองราชวงศ์เย่ และเย่เทียนหมิงคนของราชวงศ์เย่ คุณรู้ไหมว่า นี่มันกำลังหมายถึงอะไร?”
“คุณเป็นห่วงผมขนาดนี้ คุณชอบผมเหรอครับ?”
หยางเฉินที่กำลังหลับอยู่ ก็ลืมตาขึ้นแล้วถามถังยี่โหรว ด้วยน้ำเสียงที่ขี้เล่น
ถังยี่โหรวที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับหน้าแดง จนทำตัวไม่ถูก
แล้วพูดว่า “พูดเรื่องบ้าอะไรของคุณ? ฉันเพิ่งเคยเจอคุณเป็นครั้งแรก ฉันจะไปชอบคุณได้อย่างไร?”
“ในเมื่อไม่ชอบ ทำไมคุณถึงต้องเป็นห่วงผมขนาดนั้นด้วยล่ะครับ? หรือว่าหลงเสน่ห์ของผมเข้าให้แล้ว?”
หยางเฉินพูดไปและหัวเราะไป ดูไปดูมาก็เหมือนกับอันธพาลคนหนึ่ง
แม้แต่ซ่งจั่วและซ่งจั่วสองพี่น้องที่นั่งอยู่ข้างหน้า ก็ตะลึง ไม่คิดว่าหยางเฉินมีด้านนี้กับเขาด้วย
“ไอ้บ้า! ฉันยุ่งด้วยแล้ว!”
ถังยี่โหรวพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธ จากนั้นก็หันกลับไป และไม่สนใจหยางเฉิน
หยางเฉินจะได้พักสักที และเขาก็นอนต่อ
เมื่อกี้ เขาตั้งใจทำแบบนั้น เพราะเขาดูออกว่า ถังยี่โหรวเป็นผู้หญิงที่ใจดี ถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้คงจะพูดตลอดทาง หยางเฉินใช้วิธีนี้เพื่อหยุดถังยี่โหรวไม่ให้พูด
คนอื่นๆ ในห้องโดยสาร มองหยางเฉินราวกับเห็นผี ไม่คิดว่าเย่เทียนหมิงเปิดเผยสถานะของตัวเองแล้ว หยางเฉินยังกล้าลงมืออีก หรือเป็นพวกโง่ที่ไม่รู้จักราชวงศ์เย่จริงๆ?
หลังจากที่เย่เทียนหมิงถูกหยางเฉินหักแขน ทีมแพทย์บนเครื่องก็รีบนำตัวเขาไปปฐมพยาบาลทันที และห้องโดยสารก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
แต่ ในห้องโดยสารที่เงียบนั้น มีการกระซิบพูดคุยกันไปมา เกี่ยวกับเรื่องของหยางเฉิน
ถังยี่โหรวที่โกรธมาก พอผ่านไปสักพัก เธอเหมือนจะรู้แล้วว่า ตัวเองเข้าใจหยางเฉินผิดไป
ถ้าหยางเฉินเป็นพวกอันธพาลจริงๆ เขาคงหันมาคุยกับเธอนานแล้ว แต่เขากลับไม่ทำ
ถังยี่โหรวหันกลับมามองหยางเฉินด้วยความสงสัย ดวงตาที่สวยงามของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เกี่ยวกับชายแปลกหน้าคนนี้
เธอเป็นคนของตระกูลถัง และเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ และยังทำให้เย่เทียนหมิงชอบได้ และยังเป็นตัวยังเป็นคู่หมั้นระหว่างราชวงศ์เย่กับตระกูลถังอีก แสดงว่า เธอไม่เพียงแค่สวย แต่ยังเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากๆ
ไม่นานเธอก็เข้าใจทันที ที่หยางเฉินพูดแบบนั้นเพราะต้องการออกห่างจากเธอ
ทันใดนั้นเธอก็สงสัยเล็กน้อย ในขณะที่หยางเฉินรู้จักสถานะของเย่เทียนหมิง เขายังกล้าทำแบบนั้นกับเย่เทียนหมิง และยังใจเย็นได้ขนาดนี้ แปลว่าเขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาแน่
ถังยี่โหรวพูดในใจว่า “คุณเป็นใครกันแน่?”