The king of War - บทที่ 1486 เป็นการทดสอบงั้นเหรอ
ในเวลาเดียวกัน ตระกูลหลี่ในเมืองราชวงศ์ซ่านกวน
หยางเฉินอยู่ในคฤหาสน์คนเดียว เขานั่งขัดสมาธิ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เขากำลังใช้เทคนิคการหายใจชั้นแรกของคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน เมื่อก่อนเขาเคยใช้เทคนิคการหายใจชั้นหกมาก่อนแล้ว แต่ตอนนี้ แม้แต่เทคนิคการหายใจชั้นแรกสำหรับเขาแล้วมันก็ยังยาก
ทุกครั้งที่จังหวะการหายใจของเขาค่อยๆ กลายเป็นเทคนิคการหายใจชั้นแรก อวัยวะต่างๆ ภายในตัวเขาจะเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบทนไม่ไหว
“ฉันจะไม่มีทางยอมเป็นคนไร้ประโยชน์หรอกนะ! ไม่มีทาง!”
หยางเฉินพูดในใจ ใบหน้าของเขาดูมุ่งมั่น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้เทคนิคการหายใจชั้นแรกได้ แต่เขาก็ยังดันทุรังเข้าสู่เทคนิคการหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
คัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยานซับซ้อนมาก เมื่อตอนที่หยางเฉินยังเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ เขาสามารถระเบิดพลังจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามไปยังแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าได้ ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงพลังของการปฏิบัตินี้
เพียงแต่ว่า ผู้ที่สามารถใช้วิธีนี้ได้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งของแดนเหนือมนุษย์เท่านั้น แต่ในตอนนี้ วิถีบู๊ของหยางเฉินถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายจึงถือได้ว่าเป็นความแข็งแกร่งของแดนเหนือมนุษย์ ส่วนจะใช้ได้หรือไม่นั้น หยางเฉินเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว
แต่โชคดีที่ยังเข้าสู่แดนของเทคนิคการหายใจชั้นแรกครั้งแล้วครั้งเล่าได้ แม้ว่าแต่ละครั้งจะทำได้เพียงห้าถึงหกวินาทีเท่านั้น แต่เพราะห้าหกวินาทีของทุกๆ ครั้ง จึงทำให้อาการบาดเจ็บของหยางเฉินค่อยๆ ทุเลาลง
แม้ว่าผลลัพธ์จะเล็กน้อย แต่มีประสิทธิภาพมากกว่ายารักษาทั่วๆ ไปอย่างมาก ในผลลัพธ์นี้ หยางเฉินประมาณการว่า อาการบาดเจ็บของร่างกายเขาจะสามารถฟื้นตัวได้ภายในหนึ่งสัปดาห์
เพียงแต่ว่า ระดับบู๊ของเขาไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย ร่างกายว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ออร่าของวิถีบู๊ และไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาทั่วๆ ไป
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังยืนหยัดอดทน เพราะอาจเป็นอาการบาดเจ็บทางกายที่รุนแรงเกินไป จึงไม่สามารถรวบรวมพลังในตัวได้ หรือหากแผลบนร่างกายหายดีแล้ว บางทีเขาอาจสามารถรวบรวมพลังได้อีกครั้งก็เป็นไปได้
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงเท้าเดินดังขึ้น จากนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก และหลี่เป่าจุ้นก็เดินเข้ามา
หยางเฉินเพิกเฉยและยังคงนั่งขัดสมาธิ แต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดก็หายไปกลายเป็นใบหน้าที่เย็นชาทันที ดูแล้วเหมือนผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊กำลังฝึกฝนอยู่
เมื่อเห็นหยางเฉินเป็นเช่นนี้ หลี่เป่าจุ้นรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “คุณหยาง ที่ผมมาหาคุณ เพราะผมมีเรื่องจะบอกคุณหนึ่งเรื่องครับ”
หยางเฉินทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด และยังคงหลับต่อไป
หลี่เป่าจุ้นมองหยางเฉินอย่างเย็นชาสักพักแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามหนีขึ้นเครื่องบินโดยไม่ซื้อตั๋ว ถูกทางสนามบินควบคุมตัวไว้แล้ว ที่บังเอิญไปกว่านั้นคือฉันอยู่ที่นั่นพอดี จึงพบว่า ผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนของคุณหยาง เหมือนจะมีชื่อว่าอ้ายหลินอะไรนี่แหละครับ?”
“ใช่ ผู้หญิงคนนี้แหละ ผมเลยพาเธอกลับมาที่ตระกูลหลี่ แต่น่าเสียดายที่เธอได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย แต่คุณหยางสบายใจได้เลยนะครับ ผมได้จัดหมอเทวดาของตระกูลหลี่มารักษาเธอแล้ว เมื่อเธอหายดีผมจะไปหาเธอด้วยตัวเองแล้วพาเธอออกไปจากเมืองราชวงศ์ซ่านกวน”
ทันทีที่พูดเช่นนี้ ความโมโหในใจของหยางเฉินก็ถึงขีดสุด ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมจ้องไปที่หลี่เป่าจุ้นด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
หลี่เป่าจุ้นตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมกับสีหน้าที่หวาดกลัว
เมื่อกี้ สายตาของหยางเฉินน่ากลัวอย่างมาก ดูเหมือนหลี่เป่าจุ้นจะเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยสีดำของหยางเฉิน
“เธอได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ?” หยางเฉินถามพร้อมกับระงับความโมโห
หลี่เป่าจุ้นรีบพยักหน้าและพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณหยาง อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ อาการบาดเจ็บของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย เป็นเพราะเธอเองที่จะหนีขึ้นเครื่องบินโดยไม่ซื้อตั๋วเลยถูกคนที่สนามบินจับตัวไว้ ทีแรกจะส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ แต่ผมบังเอิญไปเจอ และรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนของคุณ ก็เลยพามาที่ตระกูลหลี่”
หยางเฉินหรี่ตาและพูดว่า “อาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
สีหน้าของหลี่เป่าจุ้นดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และลังเลว่าจะบอกหรือไม่บอกหยางเฉินดี
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเป็นเช่นนี้ ในใจหยางเฉินรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย จึงตะโกนออกไปด้วยความโกรธที่ระงับไม่อยู่ว่า “บอกฉันมา ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
หลี่เป่าจุ้นตกใจมาก เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่านัยน์ตาสีขาวของหยางเฉินมีชั้นสีแดงผสมอยู่ด้วย แม้ว่าสีจะอ่อนแต่ก็ชัดเจนมาก
ในขณะนี้ เขารู้สึกถึงความกลัวที่ดูเหมือนจะมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขา เขาพูดด้วยเสียงสั่นๆ ว่า “เธอ เธอกำลังได้รับการช่วยเหลืออยู่ครับ”
บูม!
มีเสียงอู้อี้ดังขึ้นในหัวของหยางเฉิน ในใจก็เต็มไปด้วยความโกรธ และนัยน์ตาของเขากลายเป็นสีแดงเข้มอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ว่า ยังไม่มีออร่าของวิถีบู๊แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
การเปลี่ยนแปลงของเขาทำให้หลี่เป่าจุ้นรู้สึกเหมือนเห็นผี และตัวของเขาเองก็สั่นไม่หยุด “คุณ คุณหยาง คุณวางใจได้ครับ หัวเธอแค่โดนกระแทกเล็กน้อย หมอบอกมาแล้วว่าไม่อันตรายถึงชีวิต เพียงพักฟื้นสักสองสามเดือน เธอก็จะหายดีแล้วครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางเฉินจึงค่อยๆ ปล่อยวางลง
นัยน์ตาสีแดงในดวงตาของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังโกรธและโมโหมากอยู่ดี
“กลับไปบอกหลี่จ้งว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนฉัน ต่อไปจะไม่มีตระกูลหลี่อยู่บนโลกใบนี้อีก”
หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา เสียงของเขาราวกับปีศาจจากขุมนรก ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก
หลี่เป่าจุ้นพยักหน้า “วางใจได้เลยครับคุณหยาง ผมจะเอาสิ่งที่ท่านบอกส่งออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“เดี๋ยวก่อน!”
ขณะที่หลี่เป่าจุ้นที่กำลังจะเดินออกไป เขาก็ถูกหยางเฉินหยุดไว้ ตัวของหลี่เป่าจุ้นที่สั่นไปทั้งตัว ก็กลับไปยืนที่เดิม ถามอย่างตัวสั่นว่า “คุณหยางต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าครับ?”
หยางเฉินถาม “แล้วเพื่อนอีกคนของฉันล่ะ?”
เขาให้อ้ายหลินกับเฝิงเสียวหว่านหนีออกไปพร้อมกัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาสับสนคือ หลี่เป่าจุ้นบอกแค่ว่าเขาพาอ้ายหลินกลับมา แต่ทำไมกลับไม่พูดถึงเฝิงเสียวหว่านกับเสี่ยวจิ้งอันสักคำเลย?
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เป่าจุ้นก็พูดว่า “เพื่อนอีกคนของคุณได้อุ้มเด็กคนหนึ่งหนีไปแล้วครับ”
หยางเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก และในไม่ช้า เขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนตัวเฝิงเสียวหว่านมีความแข็งแกร่งแดนราชาขั้นสูงสุด แต่อ้ายหลินเป็นเพียงคนธรรมดา พวกเขารู้แล้วว่าหนีไม่พ้นแน่นอน ดังนั้นอ้ายหลินจึงขอให้เฝิงเสียวหว่านพาเสี่ยวจิ้งอันหนีออกไปในขณะที่อ้ายหลินล่อผู้แข็งแกร่งของตระกูลหลี่
“ไสหัวไปได้แล้ว!” หยางเฉินตะโกนอย่างเย็นชา
หลี่เป่าจุ้นหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็ได้พบกับหลี่จ้งและบอกหลี่จ้งถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนเขาไปทดสอบหยางเฉิน
ทันใดนั้นสีหน้าของหลี่จ้งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องสายเลือดคลั่งแต่รู้ว่าทุกครั้งที่หยางเฉินระเบิดพลังการต่อสู้เกินขอบเขต ดวงตาของเขาจะเต็มไปด้วยสีแดงเข้ม
“หรือว่า วิถีบู๊ของเขายังไม่ถูกทำลาย? แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกคนใช้ได้ยินเขาเอะอะเสียงดังอยู่ในห้อง แถมยังบอกว่าวิถีบู๊ของเขาถูกทำลายแล้ว ตกลงนี่มันเป็นยังไงกันแน่?”
หลี่จ้งพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับความสงสัยภายในใจ
จู่ๆ หลี่เจียงสงก็ถามขึ้นมาว่า “ท่านพ่อ ท่านว่าหยางเฉินกำลังจงใจเล่นละครตบตาพวกเราอยู่หรือเปล่าครับ?”
หลี่จ้งตัวสั่นและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “แสดงว่า การจงใจปล่อยให้ผู้หญิงสองคนนั้นหนีออกไปก็เป็นการแสดงงั้นเหรอ? เพียงเพื่อดูว่าตระกูลหลี่จะทำอย่างไรกับเขาที่ไร้ประโยชน์งั้นเหรอ?”