The king of War - บทที่ 1501 หยางเฉินคัดเลือก
สำหรับกษัตริย์ซ่านกวนแล้ว หลี่จ้งแกร่งที่สุดในตระกูลหลี่ และมีแค่ความสามารถของแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ ส่วนซ่านกวนฟู่ ถึงแม้จะไม่ได้บอกเขาถึงความสามารถแท้จริงของตนเองมาโดยตลอด แต่กษัตริย์ซ่านกวนเดาว่า ความสามารถของซ่านกวนฟู่ อย่างน้อยน่าจะอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหก แม้กระทั่งไปขั้นเจ็ด
ปัจจุบันนี้ ซ่านกวนฟู่กลับแสดงออกว่า ยิ่งกังวลตระกูลหลี่มากกว่า
ซ่านกวนฟู่พยักหน้า “นายอย่าดูถูกตระกูลหลี่เป็นอันขาด เมื่อห้าสิบปีก่อน หลี่จ้งก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์แล้ว เวลาห้าสิบปีสั้นๆ เขาผู้ซึ่งจากผู้แข็งแกร่งแรกเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์คนหนึ่ง กลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ได้ แค่คิดก็รู้ว่า พรสวรรค์ด้านบูโดของเขาแกร่งแค่ไหน
“บอกว่าพรสวรรค์ด้านบูโดเขาแกร่ง บางทีอาจไม่เหมาะสมเท่าไร จากความเข้าใจที่ฉันมีต่อเขา พรสวรรค์ด้านบูโดของเขา น่าจะได้เพียงถือว่าไม่เลวแบบฝืนๆ แต่ว่าโดยเฉพาะตระกูลหลี่ไม่มีเส้นสนกลในของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ เขากลับพึ่งพาความสามารถของตนเอง ครอบครองความสามารถของแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ได้ นั่นพอจะอธิบายได้ว่า เขามีโอกาสเหมาะอยู่”
“ผมได้ยินว่า เขาเคยไปสุสานโบราณของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ ในสุสานโบราณ พบของล้ำค่าบางอย่าง ภายในห้าสิบปี ถึงทำให้เขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ได้”
“บางที ความเข้าใจของพวกเราต่อตระกูลหลี่ เป็นแค่ผิวเผินเท่านั้น บางที ที่ตระกูลหลี่ อาจยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์มากกว่านี้”
กษัตริย์ซ่านกวนเบิกดวงตาโตทันใด “นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
ถึงจะเป็นเขา ก็มีแค่เพียงความสามารถของกึ่งแดนเหนือมนุษย์ ปัจจุบันนี้ซ่านกวนฟู่กลับบอกเขาว่า มีความเป็นไปได้ว่าตระกูลหลี่ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์หลายคน แค่คิดก็รู้ถึงความตื่นตกใจของกษัตริย์ซ่านกวน
ซ่านกวนฟู่มองฝ่ายตรงข้ามอยู่ พูดด้วยท่าทางสงบนิ่ง “อย่าลืมสิ คนที่เคยหายตัวไปด้วยกันกับหลี่จ้ง ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพกลุ่มหนึ่งที่หายตัวไปด้วยกันกับเขาด้วย”
“ตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น ไม่มีสักคนเคยปรากฏตัวออกมา มีเพียงหลี่จ้งปรากฏตัวคนเดียว นายคิดว่า คนเหล่านั้น จะตายแล้วจริงๆ เหรอ?”
ครั้งนี้ กษัตริย์ซ่านกวนไม่ได้แสดงสีหน้าที่ตกใจเกินเหตุอีก ในสายตาเหลือเพียงความกังวล
เขารู้ว่าที่ซ่านกวนฟู่พูดมาไม่ผิด ตระกูลหลี่เป็นตระกูลชั้นนำในเมืองราชวงศ์ซ่านกวน ซึ่งความสามารถเป็นรองแค่ราชวงศ์ซ่านกวนมาโดยตลอด เมื่อห้าสิบปีก่อน หลังหลี่จ้งก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ ก็หายตัวไปฉับพลัน
ถึงแม้ภายนอกจะมีเพียงข่าวนี้ แต่ราชวงศ์ซ่านกวนในตอนนั้น ยังค้นพบความลับที่เกี่ยวกับตระกูลหลี่บางอย่างแล้ว ตระกูลหลี่ไม่ใช่แค่หลี่จ้งที่หายไป ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นปลายและชั้นยอดเก้าคน หายตัวไปด้วยกัน
ก็เพราะเรื่องนี้ ตระกูลหลี่ที่เคยเกือบโดนฆ่ายกตระกูลมาครั้งหนึ่ง แต่ตระกูลหลี่ยังยืนหยัดมาได้ กลับกลายเป็นตระกูลชั้นนำที่เป็นรองแค่ราชวงศ์ซ่านกวนเท่านั้น
“นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าตระกูลหลี่จะปิดซ่อนลึกขนาดนี้ พูดมาแบบนี้ คนที่ตอนแรกหายตัวไปพร้อมกับหลี่จ้งเหล่านั้น บางทีอาจจะยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะมีความเป็นไปได้มากว่า พวกเขาก็ก้าวสู่แดนเหนือมนุษย์แล้ว”
กษัตริย์ซ่านกวนสีหน้าหนักหน่วงไร้ที่เปรียบ พูดจาเสียงทุ้ม “บางที ตระกูลหลี่คงกำลังรอโอกาสมาตลอด โอกาสที่จะสามารถแทนที่ราชวงศ์ซ่านกวนได้ เพียงแต่การปรากฏตัวของหยางเฉิน ถึงทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ราชวงศ์เย่ ผลปรากฏว่าล้มเหลวแล้ว”
ซ่านกวนฟู่พยักหน้า “ดังนั้นพูดได้ว่า ตระกูลหลี่ในตอนนี้ บางทีแกร่งมากจริง แม้กระทั่งเป็นไปได้ว่าครอบครองความสามารถล้มล้างราชวงศ์ซ่านกวนไว้ด้วย”
กษัตริย์ซ่านกวนถามด้วยท่าทางเคร่งขรึม “อย่างนั้นเสด็จอาคิดว่า ถ้าตระกูลหลี่มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์เก้าคนปรากฏตัวขึ้นอีกจริง งั้นพวกเราควรรับมืออย่างไรครับ?”
“ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีอะไรเราก็ใช้วิธีนั้นรับมือ!” ซ่านกวนฟู่หรี่ตาพูดขึ้น
ในความคิดเขา ถึงจะความสามารถของผู้แข็งแกร่งของตระกูลหลี่กลุ่มนั้นจะเก่งแค่ไหน ก็คงไม่เก่งเท่าหลี่จ้ง หลี่จ้งเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ ถ้าคนเหล่านั้นครอบครองความสามารถแดนเหนือมนุษย์เช่นกัน มากที่สุดคงมีเพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม
ประเด็นคือ หลี่จ้งรู้เพียงว่าราชวงศ์ซ่านกวนมีผู้รักษากฎอยู่ กลับไม่รู้ว่า นอกจากผู้รักษากฎแล้ว ยังมีเขาคนหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน ตระกูลหลี่
หลังจากหลี่เจียงสงออกมาจากราชวงศ์ซ่านกวน ก็กลับถึงตระกูลหลี่แล้ว ในห้องลับใต้ดิน เจอกับหลี่จ้ง
“ทำธุระเป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่จ้งถามขึ้น
เวลานี้ เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ บนตัวมีลักษณะพลังวิถีบู๊อันสยองขวัญทะลักออกมา และไม่ได้เงยหน้าไปมองหลี่เจียงสง
หลี่เจียงสงรีบเล่าบทสนทนากับกษัตริย์ซ่านกวน ที่เมื่อสักครู่ไปราชวงศ์ซ่านกวนมาให้ฟังรอบหนึ่ง
“ท่านพ่อ ขอโทษครับ ผมทำให้ท่านผิดหวังแล้ว!”
หลี่เจียงสงรีบพูดทันที
หลี่จ้งก็ไม่ได้โกรธ แต่ว่าหลังจากนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ถึงเอ่ยปากบอกว่า “นี่ไม่โทษแก ต่อให้เป็นฉันไปเอง คงไม่มีทางถามลองเชิงจุดจบของหลี่ไท่ไป๋ได้อย่างราบรื่น”
“งั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรกันครับ?” หลี่เจียงสงถามขึ้นฉับพลัน
เขาหวาดกลัวอยู่บ้างจริงๆ โดยเฉพาะกลัวว่าหลี่ไท่ไป๋จะโดนหยางเฉินฆ่าทิ้งแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้จริง งั้นก็หมายความว่า ที่ตระกูลหลี่กำลังเผชิญหน้า คือผู้แข็งแกร่งที่ครอบครองความสามารถแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกคนหนึ่ง
ต่อให้หลี่ไท่ไป๋ไม่ได้ถูกหยางเฉินฆ่า งั้นก็ต้องถูกราชวงศ์ซ่านกวนควบคุมเอาไว้แล้ว ถ้าเกิดถูกราชวงศ์ซ่านกวนรับรู้สถานะของหลี่ไท่ไป๋ สิ่งที่ตระกูลหลี่จะต้องเผชิญหน้า ก็คือความโกรธของราชวงศ์ซ่านกวน
ไม่ว่าอย่างไร สถานการณ์ของตระกูลหลี่ครั้งนี้ เหมือนว่าจะอันตรายอย่างมาก
หลี่จ้งหัวเราะเยาะ “วางใจก็พอ ทุกอย่างมีฉันอยู่ นอกจากวิถีบู๊ของหยางเฉินไม่ได้เสียหาย ทั้งยังร่วมมือกับราชวงษ์ซ่านกวนแล้ว ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์ซ่านกวน หรือว่าหยางเฉิน ฉันล้วนมีความมั่นใจในการรับมือ”
พอได้ยิน หลี่เจียงสงตกใจค้างแล้ว “ท่านพ่อ ท่านไม่ใช่มีแค่แดนของแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ มากที่สุดระเบิดความสามารถของแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าออกมาได้เหรอครับ?”
เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมหลี่จ้งถึงแสดงความมั่นใจยิ่งใหญ่เช่นนี้ออกมา?
หลี่จ้งมองทางหลี่เจียงสงนิ่งๆ พูดว่า “แกแค่ต้องรู้ไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นหยางเฉิน หรือราชวงศ์ซ่านกวน อยากจะทำลายตระกูลหลี่ของฉัน ล้วนไม่มีความหวังใด”
“ครับ ท่านพ่อ!” หลี่เจียงสงรีบตอบรับทันที
ถึงแม้เขาจะตื่นตกใจมาก กลับเข้าใจดี ในเมื่อหลี่จ้งพูดแบบนี้แล้ว งั้นแสดงว่า เขามีความมั่นใจว่าจะรับมือหยางเฉินกับราชวงศ์ซ่านกวนได้จริงๆ
เพียงแต่ เขาไม่รู้ชัดว่า หลี่จ้งมีวิธีอะไรรับมือพวกเขากันแน่
เช้าวันต่อมา ทั้งเมืองราชวงศ์ซ่านกวน ล้วนถูกตกแต่งด้วยสีแดงแห่งการเฉลิมฉลอง ทุกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนานของการแต่งงานใหม่
ปัจจุบันนี้ คนทั้งเมืองราชวงศ์ซ่านกวน ล้วนรู้หมดแล้ว ซ่านกวนโหรวผู้สืบทอดของราชวงศ์ซ่านกวน กำลังจะแต่งงานกับตระกูลหลี่
ที่เมืองราชวงศ์ซ่านกวน ซ่านกวนโหรวเป็นสาวสวยในใจคนหนุ่มทุกคน ตอนนี้สาวสวยกำลังจะแต่งงาน ชายหนุ่มมากมาย ล้วนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขากำลังแตกสลาย
คฤหาสน์ราชวงศ์ซ่านกวน ในห้องหญิงสาวของคฤหาสน์แยกเดี่ยวห้องหนึ่ง ซ่านกวนโหรวอยู่ภายใต้การแต่งหน้าของช่างแต่งหน้าชื่อดังระดับนานาชาติสองคน ราวกับเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ชั้นสูงสุด
เพียงแต่ บนใบหน้าของซ่านกวนโหรว กลับไม่มีรอยยิ้มสักนิด
วันนี้ต้องแต่งเข้าตระกูลหลี่แล้ว แต่ในใจของเธอ กลับไม่ดีใจสักนิด แต่เพื่อราชวงศ์แล้ว เธอได้เพียงเสียสละความสุขของตนเอง
ไม่รู้ว่าทำไม ในหัวสมองของเธอ ถึงปรากฏภาพของหยางเฉินขึ้นทันใด ถึงแม้จะไม่เคยมีความสัมพันธ์ลับใดๆ กับหยางเฉิน แต่ทุกเรื่องที่เธอกับหยางเฉินประสบพบเจอมา กลับปรากฏชัดแจ้งในสมอง
ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าน้ำตาใสสองสาย ไหลรินจากแก้มของเธอ
ในขณะเดียวกัน ในคฤหาสน์อีกหลัง หยางเฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น ผ่านการฝึกฝนมาทั้งคืน การฝึกวิถีบู๊ของเขา ยังคงไม่ได้ฟื้นตัว ร่างกายยังคงเป็นแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม
“หรือว่า ฉันไม่มีทางฟื้นความสามารถสูงสุดกลับมาได้อีกแล้วจริงๆ เหรอ?”
ในดวงตาของหยางเฉิน ยังมีไฟโกรธระดับหนึ่ง เขากุมหมัดขึ้นมาแน่น ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
เขามองขวดเล็กสามอันที่วางอยู่ตรงหน้าเขา ในสองขวดนั้น เป็นยาสองเม็ดที่ก่อนหน้าจะจากมานี้ เฝิงเสียวหว่านให้เขามา หลังกินไปเม็ดหนึ่ง ภายในสิบนาที จะฟื้นกลับความสามารถสูงสุดตามเดิมของเขาได้ แต่จำเป็นต้องอยู่ในสิบนาที กินยาอีกเม็ดหนึ่ง ถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต
แน่นอนว่า อัตราการรอดชีวิตนี้ น้อยมากๆ
ส่วนขวดสุดท้าย คือยาที่หลี่จ้งสงสัยว่าวิถีบู๊ของเขาฟื้นกลับสู่จุดสูงสุดแล้ว จึงคุกเข่าอ้อนวอน และมอบให้หยางเฉิน บอกว่าเป็นของที่ขุดค้นได้พร้อมกับคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน ประสิทธิผลโดยรวม แม้แต่หลี่จ้งก็ไม่รู้ชัด
แต่สิ่งที่แน่ใจได้คือ ยาที่หลี่จ้งให้เขา มีความเกี่ยวข้องกับคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน โดยเฉพาะยังเกี่ยวข้องลึกซึ้งประเภทนั้นด้วย มิฉะนั้น เจ้าของสุสาน คงไม่นำคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยานวิชาฝึกฝนอันล่ำค่าเช่นนี้ วางไว้ด้วยกันกับยานี้หรอก
“บางที นี่คงเป็นเวลาตัดสินใจเลือกแล้ว” ทันใดนั้นหยางเฉินพูดด้วยท่าทางแน่วแน่ จากนั้นนำมือยื่นเข้าไป ทางขวดหนึ่งด้านในยาสามขวดนั้นแล้ว