The king of War - บทที่ 152 ฉันเอาเธอตายแน่
“นี่เป็นเรื่องครอบครัวของพวกเรา เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?”
ฉินซีขยับมาด้านหน้า พูดแบบหน้าตาไม่พอใจ
“ทำไม? อายจนโมโหแล้วเหรอ? ใช่สิ ตอนแรกตระกูลฉินก็แค่ตระกูลเล็กที่ตกต่ำสุด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเธอยังโดนไล่ออกจากตระกูลด้วย เดิมทียิ่งในศักดิ์ศรีมาก คงทนฟังความจริงกันไม่ได้” หวังลู่เหยาพูดจาหัวเราะคิกคัก
ถึงแม้จางกว่างจะเคยเตือนหล่อนไว้ว่าอย่าหาเรื่องกับหยางเฉิน แต่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว หล่อนจึงเห็นคำเตือนของจางกว่างเป็นเพียงลมผ่านหูเท่านั้น
“เสี่ยวซี ไม่ต้องมั่วพูดไร้สาระกับคนแบบนี้เลย พวกเราไปกันดีกว่า!”
ตอนนี้ฉินต้าหย่งเพิ่งเข้าใจ ผู้หญิงที่แต่งตัวสง่างามคนนี้ เป็นคนที่มาเยาะเย้ยพวกเขา
และโจวยู่ชุ่ยตกใจจนไม่กล้าพูดไปตั้งนานแล้ว ถึงแม้หวังลู่เหยาเคยมาขอโทษเธอแล้ว แต่โดยเฉพาะหล่อนเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจาง และตระกูลจางเป็นตระกูลชั้นหนึ่งของเมืองเจียงโจว โจวยู่ชุ่ยกล้าถกเถียงกับคนสถานะแบบนี้ได้ที่ไหน?
ฉินซีมองหวังลู่เหยาอย่างเย็นชาทีหนึ่ง เตรียมออกไป
“เธอนังแพศยาคนนี้ กล้ามาถลึงตาใส่ฉัน! วอนโดนตบซะแล้ว!”
ทันใดนั้นหวังลู่เหยายกมือขึ้นตบเข้ามาทีหนึ่ง จากนั้นตบบนหน้าของฉินซี
เรื่องที่ร้านอาหาร หล่อนจำฝังใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะหยางเฉิน หล่อนรู้ว่าฉินซีคือภรรยาของหยางเฉิน ปัจจุบันนี้ได้เจอเข้าแล้ว จะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
ฉินซียืนโงนเงน เกือบล้มลง
หวังลู่เหยายังไม่คิดจะยอมเลิกรา ยกมือตบเข้ามาอีกทีหนึ่ง
“ป้าบ!”
ในเวลานี้ ฉินต้าหย่งขวางที่ด้านหน้าของฉินซีไว้ฉับพลัน จับบนข้อมือของหวังลู่เหยาเอาไว้ หน้าตาโกรธเคือง “ไม่ว่าเธอจะมีสถานะอะไร กล้ามาตบลูกสาวฉัน ฉันเอาเธอตายแน่!”
“ป้าบ!”
เพิ่งพูดจบไป ฉินต้าหย่งตบลงบนหน้าของหวังลู่เหยาไปทีหนึ่ง
เจอตบครั้งหนึ่งเข้าให้ หวังลู่เหยาร้องโหยหวน มุมปากมีเลือดสดไหลออกมาทันที
“พ่อ!”
ฉินซีตกใจเช่นกัน รีบเข้ามาดึงฉินต้าหย่งที่อยากจะลงมือเอาไว้
“เห็นแก่หน้าของลูกสาวฉัน ฉันจะปล่อยเธอไปครั้งหนึ่ง ถ้าให้ฉันรู้ว่าเธอกล้ามารังแกลูกสาวฉันอีก ฉันเอาเธอตายแน่!”
ฉินต้าหย่งเดิมทีไม่ได้คิดจะทำอะไรต่อหวังลู่เหยาหรอก แค่แก้แค้นให้ฉินซี จากนั้นถือโอกาสได้ขู่ขวัญหล่อนไปด้วย
หน้าหวังลู่เหยาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย จ้องฉินต้าหย่งเขม็งด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม “แกรอฉันเอาไว้เถอะ!”
มองหวังลู่เหยาออกไปด้วยท่าทางที่โมโหเดือดดาล บนหน้าฉินซีกังวลอยู่บ้าง
โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจาง ซ้ำฉินต้าหย่งยังตบหล่อนไปด้วยทีหนึ่ง ใครจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาหาเรื่องอีกหรือไม่
บนหน้าโจวยู่ชุ่ยยิ่งตื่นตระหนกไม่สบายใจ “ฉินต้าหย่ง ตอนนี้คุณใจกล้ามากสินะ แม้แต่ลูกสะใภ้ตระกูลจางยังกล้าตบ ฉันเตือนคุณเอาไว้นะ ดีที่สุดรีบไปขอขมาที่ตระกูลจางเดี๋ยวนี้ ขอร้องพวกเขาให้ปล่อยไปสักครั้ง เรื่องวุ่นวายที่ตัวเองก่อขึ้น อย่ามาพาลให้ฉันเดือดร้อนไปด้วย”
“นี่เป็นเรื่องเดือดร้อนที่ผมก่อขึ้นเหรอ? เห็นชัดๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นพุ่งมาที่คุณ ในใจคุณไม่ได้รู้ดีหรอกเหรอ? ตามความหมายของคุณ หล่อนตบลูกสาวแล้ว ผมก็ต้องทำเหมือนคุณที่เอาแต่หลบอยู่ด้านข้างทนมองหน้าตาเฉยงั้นเหรอ ถึงจะถือว่าถูกต้อง?”
ฉินต้าหย่งตอนแรกโมโหเลือดขึ้นหน้า คำพูดของโจวยู่ชุ่ยทำให้เขายิ่งโกรธแค้นเพิ่มขึ้น “ถ้าคุณคิดว่าผมพานทำให้คุณเดือดร้อน งั้นก็รีบไปหย่าที่สำนักงานเขต ต่อไปคุณอยู่ส่วนคุณ ผมอยู่ของผม ไม่เกี่ยวข้องกันและกัน!”
ช่วงเวลาที่มืดหม่นครึ่งเดือนนั้น ทำให้เขาคิดได้มากมาย เดิมทีคิดจะใช้ชีวิตดีๆ ไปกับโจวยู่ชุ่ย แต่นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้กลับไม่รู้ดีชั่วสักนิดเดียว ตอนนี้เขาไม่อยากอยู่กับผู้หญิงคนนี้แม้แต่วันเดียวเลย
ฉินต้าหย่งพูดถึงเรื่องหย่าขึ้นมา โจวยู่ชุ่ยรีบหุบปากไปทันที
หลังจากที่หล่อนแต่งงานกับฉินต้าหย่งมา ไม่เคยเจอความลำบากอะไรเลย ชีวิตสบายในหลายปีมานี้ ทำให้หล่อนคุ้นชินตั้งแต่นานแล้ว ถ้าหย่าขาดไปตอนนี้ หล่อนคงไม่เหลืออะไรจริงๆ แล้ว
ฉินต้าหย่งลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในประตู บนหน้าฉินซีมีความผิดหวังพอสมควร และตามเข้าไปด้วย
โจวยู่ชุ่ยหิ้วเพียงกระเป๋าถือใบหนึ่ง ด้านในล้วนใส่เครื่องประดับทองและเงินที่หล่อนซื้อไว้หลายปีนี้ หล่อนมองภาพด้านหลังของสองพ่อลูก ในสายตาเต็มไปด้วยความอำมหิต
“เสี่ยวซี ลูกดูสิ ห้องนี้เป็นยังไงบ้าง?”
รอเข้ามาให้ห้อง ฉินต้าหย่งพูดจาแบบหัวเราะเฮฮา
พอเข้าประตูมา ด้านซ้ายมือคือที่แขวนเสื้อและชั้นรองเท้าที่สร้างขึ้นจากไม้จริง จากนั้นเป็นห้องทานข้าวเล็กๆ จากนั้นเป็นห้องรับแขก ระหว่างห้องทานข้าวและห้องรับแขก ยังมีฉากกั้นไม้จริงแกะสลักดอกไม้อันหนึ่ง
ด้านขวามีห้องนอนสองห้อง ห้องนอนใหญ่เชื่อมห้องน้ำเข้าไว้ด้วยกัน
ห้องนอนห้องใช้สอยอย่างละสองได้มาตรฐาน สไตล์การตกแต่งค่อนข้างเป็นแบบยุโรป
หลังฉินซีวนดูรอบหนึ่ง พูดอย่างพอใจมาก “พ่อคะ นึกไม่ถึงว่าสายตาพ่อไม่ใช่ย่อยเลยนะคะ ห้องนี้ดีมากเลย”
ฉินต้าหย่งหัวเราะฮาๆ พูดแบบได้ใจ “สายตาของพ่อยอดเยี่ยมแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่อย่างนั้นพ่อจะมีลูกสาวที่เยี่ยมยอดขนาดนี้สองคนได้ยังไงกัน?”
“ห้องทรุดโทรมขนาดนี้ มีอะไรดีกัน?” โจวยู่ชุ่ยพูดแบบหน้าตารังเกียจ
“ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าคุณคิดว่าใช้ชีวิตกับผมต่อไปมันลำบากเกิน งั้นก็หย่ากันสิ! ถ้าไม่หย่า งั้นก็หุบปาก แน่นอนว่าถ้าคุณมีความสามารถ ไปอยู่ห้องที่ดีกว่านี้ได้ อย่างนั้นผมจะหุบปากเอง!” ฉินต้าหย่งพูดอย่างเย็นชา
“ฉินต้าหย่ง คุณคิดว่าฉันไม่กล้าหย่ากับคุณใช่ไหม?”
ชั่วขณะนั้นโจวยู่ชุ่ยโกรธขึ้นเช่นกัน โกรธเคืองจนร้องคำรามขึ้นมา
“คุณก็ไม่กล้าหย่าหรอก! ถ้ากล้า ตอนนี้พวกเราก็ไปที่สำนักงานเขต?” ฉินต้าหย่งหัวเราะเยาะ
สำหรับผู้หญิงคนนี้มีความคิดอะไร เขารู้ดีเสียยิ่งกว่าใคร
เดิมทีโจวยู่ชุ่ยคิดว่าฉินซีจะพูดเกลี้ยกล่อมเขา แต่ใครจะไปรู้ว่าฉินซีจะทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ไม่พูดไม่จา
“ฉินต้าหย่ง คุณรังแกฉัน!”
โจวยู่ชุ่ยรีบใช้ความสามารถร้องไห้โวยวายของตนเองออกมาทันที
ฉินต้าหย่งเพิกเฉยต่อเสียงร้องโวยวายของโจวยู่ชุ่ย หัวเราะบอกว่า “เสี่ยวซี ลูกดูห้องเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้วางใจได้แล้วมั้ง?”
ฉินซีพยักหน้าเล็กน้อย หยิบมือถือออกมาดูเวลาสักหน่อย “พ่อคะ เก้าโมงกว่าแล้ว หนูไปทำงานก่อนนะคะ”
“เก้าโมงกว่าแล้วเหรอ? งั้นพอดีเลย พ่อก็จะไปทำงานเหมือนกัน พวกเราไปด้วยกันเถอะ” ฉินต้าหย่งรีบบอกทันที
ทั้งสองกำลังเตรียมออกเดินทาง ด้านนอกมีเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นมากะทันหัน “ฉันมองเห็นพวกมันทั้งครอบครัวขึ้นมาที่ตึกนี้ ต้องไม่ผิดแน่”
ชั่วขณะนั้นฉินซีสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ เธอมองเห็นชายสูงใหญ่สองคนเดินออกมาจากลิฟต์แล้ว ยังมีหวังลู่เหยาที่ก่อนหน้านี้เพิ่งถูกฉินต้าหย่งตบหน้าไป
หวังลู่เหยาเพิ่งหันหน้า มองเห็นฉินซีและฉินต้าหย่ง จึงยื่นมือชี้ไป “คือพวกมัน!”
ฉินต้าหย่งผลักฉินซีเข้าห้องไปแล้ว “หลบอยู่ในห้อง อย่าออกมา!”
ในเวลานี้เอง ชายสูงใหญ่สองคนนั้นพุ่งเข้ามาหา ดักฉินต้าหย่งเอาไว้หน้าประตู ชกต่อยขึ้นมาแล้ว
“พ่อ!”
ฉินซีที่ถูกขังไว้ด้านในห้อง หน้าตาดูสับสนไปหมด อยากจะเปิดประตูพุ่งออกไป แต่ประตูถูกฉินต้าหย่งเอากุญแจล็อกไว้จากข้างนอก เดิมทีเธอออกไปไม่ได้
โจวยู่ชุ่ยได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก หน้าตาหวาดกลัวเต็มที่ กลับไม่ลืมพูดจาเสียดสี “ฉันบอกแล้วใช่ไหม ให้เขาไปขอร้องที่ตระกูลจาง เวลานี้เป็นยังไง ถูกคนอื่นมาต่อยแล้วไหมล่ะ?”
“มันเวลาไหนกันแล้ว แม่ยังมาพูดเสียดสีอยู่อีก? ถ้าไม่ใช่ครั้งก่อนแม่ผิดใจหวังลู่เหยาเข้า จะเกิดเรื่องแบบนี้หรือเปล่า?” ฉินซีหน้าตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
เธออยู่ในห้อง ได้แต่มองผ่านช่องตาแมวดูด้านนอก ชายสูงใหญ่สองคนกำลังเตะต่อยฉินต้าหย่งอยู่