The king of War - บทที่ 1565 ความลับของห้องลับ
น้ำเสียงของเฝิงจื้อหย่วนไม่ใช่การประชด แต่เพียงแค่ต้องการเตือนหยางเฉินเท่านั้น
สักพักใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจนแทบดูไม่ได้ เขาอุส่าตามหาคนทั้งสองแทบทั้งคืนกลับไม่พบอะไร สุดท้ายกลับเป็นเฝิงจื้อหย่วนที่โทรมาบอกเขาเอง
“ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงหาพวกเขาไม่พบ ไม่ทราบว่าอ่านลุงเฝิงจะเห็นแก่หน้าสหายข้าหม่าชาว นำตัวคนทั้งสองมาให้ข้าได้หรือไม่ ?”
หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ราวกับว่ายังไงซะคนทั้งสองก็ต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว
เฝิงจื้อหย่วนแสยะยิ้มพูด “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ? เพียงแต่ตอนนี้ดึกมากแล้วคงไม่สะดวก รอหลังเสร็จราชพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณของหม่าชาวในวันพรุ่งนี้เสร็จสิ้น ข้าจะส่งคนทั้งสองให้ ว่ายังไง ?”
หยางเฉินตอบ “ถ้าอย่างนั้น ข้าต้องขอขอบคุณลุงเฝิงล่วงหน้าที่คอยดูแลสหายข้า”
เขาไม่พูดถึงเสี่ยวจิ้งอัน เพราะเสี่ยวจิ้งอันเป็นหลานชายของเขา
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ! เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้อย่าลืมมาร่วมงานสหายเจ้าล่ะ ขาดใครขาดได้ แต่ขาดเจ้าไปคงไม่ได้หรอก ! ไม่แน่ว่าลุงเฝิงอาจจะมีเรื่องให้เจ้าช่วยอยู่ด้วย !”
เฝิงจื้อหย่วนหัวเราะฮา ๆ และถามว่า “ข้าเป็นพ่อของหม่าชาว ส่วนเจ้าก็เป็นถึงสหายของเขา หากมีเรื่องเกิดขึ้นในงานราชพิธี เจ้าจะต้องคอยช่วยเหลือข้าอยู่แล้วใช่ไหม ?”
หยางเฉินไม่เข้าใจสิ่งที่เฝิงจื้อหย่วนพูด เขาเก็บงำความโกรธเอาไว้ พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ลุงเฝิง นั่นต้องแน่นอนอยู่แล้ว ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ท่านรีบพักผ่อนเถอะ !”
“เข้าใจแล้ว !”
เฝิงจื้อหย่วนวางสายไป
เฝิงเจียหยีที่อยู่ข้าง ๆ เขา เวลานี้สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด นางได้ยินสิ่งที่เฝิงจื้อหย่วนพูดเมื่อสักครู่หมดแล้ว
“เจ้าจะร่วมมือกับเขาจริง ๆ หรือ ?” เฝิงเจียหยีกัดฟันถามไปยังเขา
หยางเฉินมองไปยังเฝิงเจียหยีอย่างเฉยเลย และพูดว่า “ข้าร่วมมือกับพ่อเจ้าด้วยเงื่อไขว่าจะต้องช่วยเหลือคนที่หาตามหาอยู่ให้ได้ แต่ตอนนี้ดูแล้วพ่อเจ้าจะทำตามเงื่อนไขไม่ได้แล้ว พวกเราคงไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันต่อไปอีก”
เฝิงเจียหยีมีสีหน้าลำบากใจ เมื่อสักครู่ในห้องลับ นางได้เห็นแล้วว่าพลังของหยางเฉินแข็งแกร่งมากขนาดไหน หากพลังระดับนี้ตกไปอยู่ฝั่งเดียวกับเฝิงจื้อหย่วนล่ะก็ พ่อของนางต้องตกอยู่ในอันตรายแน่
“แม้ว่าจะตามหาไม่พบ แต่ก็พยายามช่วยหา เจ้าคงจะไม่เปลี่ยนไปร่วมมือกับศัตรูของพ่อข้าเร็วขนาดนี้ใช่ไหม ?”
เฝิงเจียหยีถามด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก
หยางเฉินตอบ “ข้ารู้จักกับพ่อเจ้าแค่ครั้งเดียว เขาเป็นคนอย่างไรข้าไม่อาจจะทราบได้ ระหว่างเราก็ไม่ได้เป็นมิตรอะไรต่อกัน”
“ที่เขายอมช่วยเหลือข้าตามหาคน ก็เป็นเพราะผลประโยชน์ต่อกัน และที่ข้ายอมร่วมมือด้วย ก็เป็นเพราะเรามีเป้าหมายที่เหมือนกัน”
“แต่ตอนนี้ เขาไม่สามารถนำตัวคนที่ข้าตามหามาให้ได้ และถ้าข้ายังจะร่วมมือกับพ่อเจ้าอีก คนพวกนั้นจะปลอดภัยอีกหรือ ?”
หลังจากพูดออกมา เฝิงเจียหยีก็เงียบไปสักพักหนึ่ง นางรู้ดีว่าที่หยางเฉินพูดมานั้นมีเหตุผล
จากความเข้าใจของนางต่อเฝิงจื้อหย่วน หากหยางเฉินกล้าทำอะไรเขาล่ะก็ เขาก็มีบางสิ่งที่ต้องจ่ายแทน
เสี่ยวจิ้งอันคือหลานของเขา เขาอาจจะไม่ทำอะไร แต่สำหรับเฝิงเสี่ยวหว่านนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันกับเขา ถ้าอย่างนั้นต้องเกิดอันตรายแน่
“เข้าใจแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้ !”
การแสดงออกของเฝิงเจียหยีเย็นชาลงทันที นางทิ้งหยางเฉินไว้ที่นี่และขับรถออกไป
มองไปยังรถที่ค่อย ๆ ออกห่างออกไป หยางเฉินนิ่งเงียบลงครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “คนของราชวงศ์โบราณเป็นอย่างนี้สินะ ทำอะไรต้องเด็ดเดี่ยว แตกหักก็คือแตกหัก”
สำหรับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์แล้ว ระยะห่างในเมืองเฝิงหวงไม่ได้ไกลกัน เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็สามารถกลับมายังโรงแรมของเขาได้แล้ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขานั่งลงบนโซฟา มองไปยังลูกปัดขนาดเท่าไข่นกพิราบในมือ
ลูกปัดนี่มันคืออะไรกันแน่ ? แล้วยังซากศพในถ้ำภายในห้องลับนั่นอีก มันเกิดอะไรขึ้น ?
หยางเฉินเล่นลูกปัดในมือ สีหน้าเคร่งขรึม
เขาแน่ใจว่าลูกปัดนี่ต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ ไม่อย่างนั้นจะไปอยู่ในปากซากศพได้ยังไง และหลังจากดึงมันออกมาจากปากศพได้แล้ว ศพก็กลายเป็นฝุ่นผงทันที
ยังมีเรื่องแปลกประหลาดอีกเรื่องหนึ่ง คือ ขณะที่ลูกปัดยังอยู่ในปากนั้นมีลมปราณอันบ้าคลั่งแผ่พุ่งออก แต่ตอนนี้กลับไม่มีอะไรอยู่เลย ราวกับไข่มุกราตรีทั่ว ๆ ไป
“หรือว่าข้าต้องเอาลูกปัดใส่ไว้ในปากถึงจะมีผลกัน ?”
หยางเฉินมองลูกปัดด้วยสีหน้าแปลกประหลาด พลางบ่นพึมพำกับตัวเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็ทำความสะอาดลูกปัดหนึ่งรอบ ก่อนจะกลืนมันลงไป
หลังจากผ่านไปสักพัก กลับไม่มีผลลัพธ์อะไรเกิดขึ้น
หยางเฉินรับรู้ได้ว่าลูกปัดนี้ ภายในเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล แต่ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากมาอยู่ในมือเขากลับไม่หลงเหลืออะไรอยู่เลย
จากนั้น เขาก็เริ่มใช้เทคนิคการหายใจขั้นหกของคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน แต่ก็ไม่สามารถดึงพลังจากลูกปัดออกมาได้
หลังจากทดลองอยู่นาน เขาก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนี้ที่บ้านพักอี๋เหอ
จากการคาดเดาของเฝิงเจียหยี เป็นไปได้มากว่าพวกเขาโดนเฝิงจื้อหย่วนหลอกล่อให้เข้าไปยังห้องลับ ก่อนจะถูกขังอยู่ในนั้น
เมื่อนึกถึงเฝิงจื้อหย่วนแล้ว เฝิงเจียหยีก็เพียงแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่ง ยังไงก็คงทำอะไรเขาไม่ได้ นั่นก็หมายความว่า เป้าหมายของเฝิงจื้อหย่วนต้องเป็นเขาแน่
ทว่า เฝิงจื้อหย่วนคงจะคิดไม่ถึงว่าเขาจะเจอถ้ำด้านใน และยังสามารถหนีออกมาได้อีก
คิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็เด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียง พูดด้วยความตกใจว่า “เฝิงจื้อหย่วนไม่รู้ว่ามีถ้ำอยู่ในห้องลับนั่น !”
เขาจำได้ดีว่าหลังจากค้นหาทุกอย่างในห้อง ก่อนจะสัมผัสถึงกระแสลมจากบันไดขั้นสุดท้ายนั้น มันดูปกติราวกับไม่เคยถูกทำลายมาก่อนเลย
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า เฝิงจื้อหย่วนไม่รู้ว่ามีถ้ำอยู่ภายในห้องลับ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีภ้ำอยู่ด้านใน แต่เขาต้องรู้ว่าภายในห้องลับมีสิ่งของล้ำค่าอยู่ สิ่งที่สามารถปล่อยพลังปราณอันมหาศาลออกมา เพื่อใช้ฝึกฝนได้
ก่อนหน้านี้เฝิงเจียหยีบอกกับเขาว่า ทุกครั้งที่เฝิงจื้อหย่วนไปยังห้องลับจะใช้เวลาที่นั่นประมาณหนึ่งสัปดาห์เสมอ
หยางเฉินเมื่อได้ลองเข้าไปด้านในห้องลับ เมื่อใช้เทคนิคการหายใจขั้นหกของคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน ก็พบว่าสามารถฝึกฝนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ว่าต้องใช้ความสามารถของตนเองแบกรับมากขึ้นเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีเพียงพลังแดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่งอย่างเฝิงเจียหยี เพียงแค่เริ่มฝึกก็ถึงกับสูญเสียการควบคุมไป
หยางเฉินเดาว่า สำหรับเฝิงเจียหยีคงสามารถทนได้มากสุดแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น