The king of War - บทที่ 1567 คำเชิญ
เฝิงจื้อเอ้าพูดจบ ก็มองไปยังหยางเฉินด้วยสีหน้าสงบนิ่ง รอการตอบสนองจากเขา
เฝิงเจียหยีกะพริบตาดวงโต จ้องมองไปยังหยางเฉินเช่นกัน
หลังจากเงียบไปสักพัก หยางเฉินก็เริ่มพูดขึ้น “ข้าจะต้องร่วมมืออะไรบ้าง ?”
รอยยิ้มผุดขึ้นมาจากริมฝีปากของเฝิงจื้อเอ้า และพูดว่า “ข้าจะทำทุกวิถีทางเผื่อยื้อเวลาในงานราชพิธีออกไป สิ่งที่เจ้าจะต้องทำมีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือยืนยันให้ได้ว่า เมื่อ 26 ปีก่อน เพื่อที่จะกล่าวหาข้า เฝิงจื้อหย่วนยอมทิ้งหม่าชาวไปด้วยตัวเอง”
หยางเฉินขมวดคิ้ว “เมื่อ 26 ปีก่อน ข้าเป็นเพียงแค่เด็กขวบเดียว จะมายืนยันให้ท่านได้อย่างไร ?”
เฝิงจื้อเอ้าไม่ตอบ และถามกลับไปว่า “มีอยู่คนหนึ่งชื่อว่าหมีเสวี่ย ซึ่งเป็นน้องสาวทางสายเลือดของหม่าชาวใช่รึเปล่า ?”
ได้ยินเฝิงจื้อเอ้าพูดถึงหมีเสวี่ย แววตาของหยางเฉินก็เกิดประกายวูบวาบ “ท่านคิดจะทำอะไร ?”
เฝิงจื้อหย่วนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “จริงๆ แล้ว หมี่เสวี่ยกับหม่าชาวไม่ใช่พี่น้องที่มาจากพ่อแม่เดียวกัน แต่เป็นน้องสาวที่มีพ่อคนเดียวกันต่างหาก”
“อะไรนะ ?”
หยางเฉินประหลาดใจอย่างมาก ขนาดเรื่องนี้เขาเองยังไม่เคยรู้มาก่อนเลย เฝิงจื้อเอ้ากลับรู้ได้
จนกระทั่งตอนนี้หมีเสวี่ยยังคงนอนเป็นผักไม่ได้สติอยู่ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่
เฝิงจื้อเอ้าพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ข้าเดาว่าเฝิงจื้อหย่วนคงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ไอ้สารเลวนั่น สมัยยังเด็กมันเคยทำร้ายผู้หญิงมามากมาย ต้องมีบางคนที่ให้กำเนิดลูกของมันแน่”
“หม่าชาวและหมีเสวี่ยเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ข้าสงสัยว่า หม่าชาวคงจะไม่ใช่ลูกชายคนโตของมัน เพียงแค่ว่าการใช้เขาอาจจะมีประโยชน์ที่สุด จึงได้ให้เขากลับมายังราชวงศ์เฝิง”
ได้ฟังสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูด หยางเฉินก็ถึงกับตกใจ
เมื่อก่อนเขาเคยสงสัยว่า หม่าชาวกับหมีเสวี่ยเป็นพี่น้องทางสายเลือดกันจริง ๆ หรือไม่ แต่ที่เขาพอจะรู้ก็คือ ในความทรงจำของหม่าชาว ตอนที่เขายังเป็นเด็ก พ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิตทั้งคู่ เหลือเพียงเขาและน้องสาวสองคนเท่านั้น
แต่หลังจากนั้น เขาก็ต้องมาสูญเสียน้องสาวไปอีก หลังจากเสียใจมานานหลายปี ท้ายที่สุดเขาก็ตามหาน้องสาวจนพบ
ดังนั้นตอนที่หยางเฉินรู้ว่าหม่าชาวเป็นบุตรชายคนโตของราชวงศ์เฝิง ทำให้เขารู้สึกงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง แต่ตอนนี้หลังจากได้ฟังสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูด เขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
จู่ ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้น เมื่อ 26 ปีก่อน ทารกที่ถูกสับเปลี่ยนก็อาจจะไม่ใช่หม่าชาว ?”
เฝิงจื้อเอ้าพยักหน้า และพูดว่า “ข้าสงสัยว่าทารกคนนั้นคือลูกสาวของเขา เฝิงจื้อหย่วนต้องการให้ลูกชายของตนเองขึ้นเป็นรัชทายาท ดังนั้นจึงทำลายเรื่องของลูกสาวตนเองทั้งหมดทิ้ง หลังจากนั้นก็ไปคลอดลูกชายอีกคนหนึ่งไว้ ไม่แน่ว่าอายุที่แท้จริงของหม่าชาวในตอนนี้คงไม่ใช่ 26 ปีด้วย แต่อาจเด็กกว่านี้ด้วยซ้ำ”
หยางเฉินไม่พูดอะไร ตอนนี้เขาเชื่อในสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูดแล้ว
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้อยู่ ตามกฎของราชวงศ์เฝิง มีเพียงลูกชายคนโตในแต่ละรุ่นเท่านั้นที่สามารถสืบรัชทายาทได้ เฝิงจื้อหย่วนเป็นบุตรคนรอง จึงไม่มีสิทธิ์เป็นรัชทายาทตั้งแต่เกิด หากต้องการคุมอำนาจของจักรพรรดิ เขามีแต่ต้องทำให้ลูกของตนเองเป็นเพศชายคนแรกเท่านั้น
ดังนั้นเป็นไปได้ว่า ถ้าสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูดเป็นความจริง ลูกคนแรกของเขาเป็นลูกสาวแล้วล่ะก็ เพื่อบอกต่อสาธารณชนเขาต้องเก็บซ่อนลูกสาวเอาไว้ จากนั้นใส่ร้ายเฝิงจื้อเอ้าและบอกว่าลูกของตนเองเป็นลูกชาย
เพียงแค่นี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาก็นำตัวลูกชายหลับมาแทนที่ลูกสาวของเขา และให้เขากลายเป็นรัชทายาทคนต่อไป
“ท่านอยากให้ข้าบอกเรื่องของหมีเสวี่ย เพื่อเป็นข้ออ้างว่าหม่าชาวไม่ใช่ลูกชายคนโตของเขา และใช้ยกเลิกงานราชพิธีแต่งตั้งรัชทายาทงั้นหรือ ?”
หยางเฉินถามไปยังเฝิงจื้อเอ้า
เฝิงจื้อเอ้าส่วนหัว “ข้าอยากให้ท่านพิสูจน์ต่อราชวงศ์เฝิงว่า หม่าชาวกับหมีเสวี่ยมีสายเลือดเดียวกัน แต่ว่าหมีเสวี่ยเป็นพี่สาวของหม่าชาว !”
หยางเฉินตระหนักได้ทันที เฝิงจื้อเอ้าเองก็ไม่อาจทราบได้ว่าแท้จริงแล้วหมี่เสวี่ยจะเป็นลูกสาวคนโตของเฝิงจื้อหย่วนหรือไม่ แต่เขาพิสูจน์ได้ว่าหมี่เสวี่ยเป็นพี่สาวของหม่าชาว แบบนี้ก็จะทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยว่า เมื่อครั้งที่ราชวงศ์เฝิงสูญเสียเด็กทารกไปนั้น ก็คือหมี่เสวี่ย
เพียงแค่ทำให้ราชวงศ์เฝิงสงสัยว่าทารกเมื่อ 26 ปีก่อนคือหมี่เสวี่ย คนอื่น ๆ ก็จะสงสัยว่าเรื่องเด็กทารกที่หายตัวไปตลอด 26 ปีมานี้ จะเป็นละครที่เฝิงจื้อหย่วนสร้างไว้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางเฉินก็ชื่นชมเฝิงจื้อเอ้าอยู่บ้าง ว่าเขาช่างเจ้าแผนการจริง ๆ !
หยางเฉินถามต่อ “ข้าสามารถช่วยท่านพิสูจน์ได้ว่าหมี่เสวี่ยคือพี่สาวของหม่าชาว แต่หกลังจากข้าช่วยท่านได้แล้ว ท่านจะได้อะไรล่ะ ?”
เฝิงจื้อเอ้าพูด “พ่อข้าเกลียดการหลอกลวงเป็นที่สุด ถ้าหากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของเฝิงจื้อหย่วนล่ะก็ เขาต้องไม่ปล่อยเฝิงจื้อหย่วนไว้แน่ อย่างน้อย ๆ ก็คงถูกขังคุกหนึ่งเดือน”
“เพียงแค่ขังเฝิงจื้อหย่วนไว้ได้ ถึงแม้ท่านจะหาคนที่ตามหายังไม่พบก็ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลาอีกหนึ่งเดือน ยังไงพวกเราก็ต้องหาตัวพวกเขาจนพบได้”
หยางเฉินเห็นด้วย “ข้าเข้าใจแล้ว หวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นท่านจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ !”
เฝิงจื้อเอ้าตอบ “วางใจข้าเถอะ !”
พูดจบ เฝิงจื้อเอ้าก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลางานราชพิธีแล้ว ท่านเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปราชวงศ์เฝิงเถอะ !”
“ได้เลย !”
หยางเฉินเดินไปส่งเฝิงจื้อเอ้าและเฝิงเจียหยีถึงหน้าประตู
ระหว่างทางกลับเฝิงเจียหยีก็ถามว่า “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าหยางเฉินจะเชื่อสิ่งที่ท่านพูดหรือ ?”
เฝิงจื้อเอ้ายิ้มเบา ๆ “ตอนนี้ นอกจากข้าเขาก็ไม่เหลือทางเลือกแล้ว !”
ทันใดนั้นเฝิงเจียหยีก็ถามขึ้นอีกรอบ “แต่ว่า สิ่งที่ท่านบอกว่าเฝิงจื้อหย่วนมีลูกหลายคน เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ ?”
เฝิงจื้อเอ้าพยักหน้า “หลายปีมานี้ข้าพยายามสืบดูแล้ว ตอนที่ข้าเพิ่งจะแต่งงาน เขาเปลี่ยนผู้หญิงมาแล้วสิบกว่าคน ข้าสงสัยว่าช่วงเวลาที่ทารกหายตัวไปนั้น เป็นเพียงแค่ฉากละครของเฝิงจื้อหย่วนเท่านั้น อีกทั้งทารกที่เกิดในราชวงศ์เฝิงยังเป็นลูกสาวด้วย”
“ถ้าหากว่าเป็นลูกชาย แล้วเฝิงจื้อหย่วนจะส่งรัชทายาทคนต่อไปออกไปทำไม ?”
เฝิงเจียหยีขมวดคิ้ว และถามว่า “ท่านพ่อ ข้าว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่ข้ากลับคิดไม่ออกว่าคืออะไร”
เฝิงจื้อเอ้าหัวเราะฮา ๆ “อย่าคิดมากไปเลย หลังจากผ่านพ้นวันนี้ไป ทุก ๆ อย่างจะต้องดีขึ้น”
แปดโมงเช้า หยางเฉินก็ได้มาถึงราชวงศ์เฝิง วันนี้ราชวงศ์เฝิงไม่ได้มีข้อจำกัด ใครก็สามารถเข้ามาได้
ในคฤหาสน์อันใหญ่โต ทุก ๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาสักการะ
หยางเฉินเพิ่งจะเดินเข้ามาด้านในไม่นาน คนรับใช้คนหนึ่งก็เข้ามาพูดด้วยความนอบน้อม “สวัสดีครับคุณหยาง ท่านเจ้าบ้านให้มาเชิญท่านขอรับ”