The king of War - บทที่ 1569 เขามีพี่สาว
หยางเฉินเดินมายังที่นั่งพร้อมกับเฝิงจื้อหย่วน จิตใจของเขาไม่อาจสงบนิ่งได้ ภายในหัวเต็มไปด้วยเรื่องที่เฝิงจื้อหย่วนพูดกับเขา
ตอนนี้เขาไม่สามารถมองข้ามเฝิงจื้อหย่วนได้เลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ เขาย่อมไม่มีทางเชื่อคำพูดของเฝิงจื้อหย่วนแน่ แต่สิ่งที่เฝิงจื้อหย่วนพูดมาทั้งหมด ทำให้เขาไม่เชื่อก็ไม่ได้
หากบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่เขาพูดมาเป็นเรื่องโกหก อย่างนั้นเฝิงจื้อหย่วนก็คงจะฉลาดล้ำเกินไปแล้ว
เฝิงจื้อเอ้ากังวลใจเล็กน้อย เขารู้ความแข็งแกร่งของหยางเฉินดี วัยเพียงเท่านี้ก็สามารถบรรลุแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าได้ ผู้แข็งแกร่งที่มีพรสวรรค์ด้านบูโดขนาดนี้ เขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
หากหยางเฉินไปร่วมมือกับเฝิงจื้อหย่วนแล้วล่ะก็ เขาต้องลำบากแน่
“ท่านพ่อ จู่ ๆ ข้าก็มีลางสังหรณ์แปลก ๆ ข้าว่าวันนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่”
ทันใดนั้นเฝิงเจียหยีก็หันไปพูดกับเฝิงจื้อเอ้า ดวงตากลมสวยทั้งคู่ฉายแววความกังวล
ในใจของเฝิงจื้อเอ้าเองก็ไม่สงบนัก แต่ภายนอกไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ก่อนจะพูดกลับไปว่า “อย่าเพิ่งคิดมากไป อย่างมากที่สุดหม่าชาวก็เพียงแค่ขึ้นสืบทอดรัชทายาทได้สำเร็จ มันจะมีเรื่องอะไรใหญ่กว่านี้ไปได้ ?”
ได้ฟังสิ่งที่พ่อพูด เฝิงเจียหยีไม่พูดอะไรอีก เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นถาโถมในจิตใจ
หยางเฉินนั่งอยู่ข้าง ๆ เฝิงจื้อหย่วน สายตาของเขาเหลือบไปสบตากับเฝิงจื้อเอ้า ทำให้หยางเฉินเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามในนั้น
หยางเฉินส่ายหัวเล็กน้อย ทำให้เฝิงจื้อเอ้ารู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
แม้เขาเองจะไม่รู้ว่าในงานจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง แต่ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น เกรงว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กันของเฝิงจื้อหย่วนและเฝิงจื้อเอ้า
จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม ต้องมาจากจะต้องมาจากเฝิงจื้อหย่วนแน่ ๆ
08:55 นาฬิกา ที่นั่งเต็มทั้งหมดแล้ว เหลือเว้นไว้เพียงที่นั่งของจักรพรรดิเท่านั้น
08:59 นาฬิกา ทันใดนั้นร่างของชายชราผมขาวมืเอไม้เท้าก็ปรากฏตัวขึ้น
“ฝ่าบาทเสด็จแล้ว !”
มีเสียงประกาศ วินาทีนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เฝิง
โดยด้านหลังของจักรพรรดินั้น หยางเฉินยังเห็นสหายหน้าตาคุ้นเคยของเขา หม่าชาวอีกด้วย
หม่าชาวเห็นเขาในชุดคลุมสีทอง ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ หยางเฉินแอบพยักหน้าเบา ๆ ถ้าหากหม่าชาวยอมรับการแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทจริง ๆ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก
แต่เขารู้ดีว่าหม่าชาวไม่ต้องการอย่างนั้น เขายอมมาเป็นรัชทายาทก็เพื่อภรรยาและลูกชายของเขาเท่านั้น
หม่าชาวนั่งลงบนบัลลังก์ รอบ ๆ แท่นถวายสัตย์ปฏิญาณ เต็มไปด้วยผู้อาวุโสจากทั่วทุกสารทิศ รวมถึงคนของราชวงศ์เฝิงเองด้วย สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมายังชายหนุ่มบนบัลลังก์นี้
“รัชทายาทรุ่นที่สิบเก้าแห่งราชวงศ์เฝิงลงนามได้ !”
ทันใดนั้นเสียงที่เหมือนกับเสียงจากสวรรค์ก็ดังขึ้น
หม่าชาวค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินตรงไปยังแท่นถวายสัตย์
สายตาของทุกคน มองไปยังหม่าชาวในทุกอากัปกริยา
ไม่นานหม่าชาวก็เดินมาถึงแท่นถวายสัตย์ ร่างกายของเขาเหมาะสมกับตำแหน่งราชาจริงๆ พลังปราณวิถีบู๊แดนเทพชั้นยอดปะทุขึ้น แม้จะยังไม่ขึ้นแดนเหนือมนุษย์ แต่ทุกคนย่อมเข้าใจดีว่าคน ๆ นี้ไม่ได้เติบโตมาในราชวงศ์เฝิง แค่สามารถฝึกฝนด้วยตัวคนเดียวจนกระทั่งถึงระดับแดนเทพชั้นยอดได้ก็น่าทึ่งมากแล้ว
ถ้าหากเขามีโอกาสได้เติบโตมาในราชวงศ์เฝิง ด้วยการฝึกฝนที่มีเขาคงจะขึ้นมาถึงแดนเหนือมนุษย์ได้ไม่ยาก
“หม่าชาว คือบุตรชายคนโตรุ่นที่สิบเก้าของราชวงศ์เฝิง ตามกฎของราชวงศ์ เขาจะเป็นรัชทายาทรุ่นที่สิบเก้าแห่งราชวงศ์เฝิง”
ฝ่าบาทพูดขึ้น กวาดสายตาไปยังทุกคน และถามขึ้นว่า “พี่น้องทายาทรุ่นที่สิบแปดมีใครขัดข้องหรือไม่ ?”
“ฝ่าบาท พวกเราบ้านที่สามไม่มีอะไรจะขัด ! ขอแสดงความยินดีแก่รัชทายาทรุ่นที่สิบเก้า ที่ได้กลับมาหลังจากหายตัวไปนาน !”
“ฝ่าบาท บ้านที่สี่ไม่มีอะไรขัดเช่นกัน ! ขอแสดงความยินดีด้วย !”
“ฝ่าบาท บ้านที่ข้าก็ด้วย !”
……
ไม่นาน สิบแปดบ้านราชวงศ์เฝิง ยกเว้นบ้านใหญ่และบ้านที่สอง ก็ได้ตอบกับฝ่าบาทไป
เฝิงจื้อเอ้าเป็นเจ้าบ้านบ้านใหญ่ ส่วนเฝิงจื้อหย่วนเป็นเจ้าบ้านบ้านที่สอง
ในที่สุดเฝิงจื้อหย่วนก็ลุกขึ้น พลางยิ้มพูดไปทางฝ่าบาทว่า “หม่าชาวเป็นลูกชายที่หายสาบสูญไปนานของข้า ข้าหาเขาจนพบได้ ย่อมดีใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เขาสามารถขึ้นมาเป็นรัชทายาทรุ่นที่สิบเก้าได้ พวกเราบ้านที่สอง ไม่มีอะไรจำเป็นต้องขัดข้อง”
เฝิงจื้อเอ้ายังคงดูลังเลอยู่เล็กน้อย ตั้งแต่หม่าชาวเกิดมาเขาก็หายตัวไป เรื่องนี้ทำให้คนอื่นสงสัยมาก
ตอนนี้ ถ้าหากเขาคัดค้านการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทรุ่นที่สิบเก้าล่ะก็ อาจจะเพิ่มความลังเลให้กับราชวงศ์เฝิงได้อีก
นี่คือโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว หากพลาดโอกาสนี้ไป หม่าชาวคงต้องขึ้นเป็นรัชทายาทจริง ๆ
“ข้าขอคัดค้าน !”
หลังจากเงียบไปสักพัก เฝิงจื้อเอ้าก็พูดขึ้น
ด้วยคำพูดนี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ฝ่าบาทมองไปยังเฝิงจื้อเอ้าอย่างเฉยเมย และถามว่า “เหตุใดกัน ?”
เฝิงจื้อเอ้าลุกยืนขึ้น สายตามองไปยังผู้คนและหยุดลงที่เฝิงจื้อหย่วน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เพราะว่าหม่าชาวไม่ใช่เด็กทารกที่หายตัวไปเมื่อ 26 ปีก่อน”
“อะไรนะ ?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?”
“ฝ่าบาททรงยืนยันแล้วว่าหม่าชาวคือรัชทายาทคนรุ่นที่สิบเก้า จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรกัน ?”
……..
ด้วยคำพูดของเขาทุกคนต่างก็ตกตะลึง
เฝิงจื้อหย่วนยังคงฉีกยิ้ม ไม่ได้โกรธเคืองในสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูดแม้แต่น้อย
ฝ่าบาทไม่ได้แสดงอาการใด ๆ รอจนกระทั่งเสียงของทุกคนต่างเงียบลง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจ้ากำลังจะบอกว่า หม่าชาวไม่ใช่ลูกชายคนโตใช่หรือไม่ ? ทารกที่หายตัวไปเมื่อ 26 ปีก่อน ไม่ใช่หม่าชาวงั้นรึ ?”
เฝิงจื้อเอ้าพยักหน้า “ข้าขอพูดตามตรง ข้าสืบมาแล้วว่าหม่าชาวยังมีพี่สาวอยู่อีกคนหนึ่ง และผู้หญิงคนนั้นก็คือเด็กทารกที่หายตัวไปเมื่อ 26 ปีก่อน”
“หรือก็คือ หม่าชาวไม่ได้เป็นลูกชายคนโตของราชวงศ์เฝิงรุ่นที่สิบเก้า ข้าสงสัยว่า เรื่องที่ลูกของเฝิงจื้อหย่วนหายตัวไปเมื่อ 26 ปีก่อน คือฉากที่เขาจัดขึ้น”
“เพราะมีเพียงทางนี้เท่านั้น เขาถึงจะพอมีเวลามีลูกชายได้อีกคนหนึ่ง รอจนกระทั่งถึงเวลาที่เหมาะสม จึงได้นำตัวลูกชายกลับมายังราชวงศ์เฝิง จากนั้นก็บอกแก่ทุกคนว่า เขาคือเด็กทารกที่หายตัวไปเมื่อ 26 ปีก่อน”
เมื่อพูดออกมาดังนี้ ผู้คนต่างก็ตกใจ จนมีหลายคนเชื่อไปแล้วว่าสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูดเป็นความจริง
เป็นเพราะว่า ยังพอมีความเป็นไปได้อยู่มากที่จะเป็นแบบนั้น
ขนาดฝ่าบาทเองก็ยังขมวดคิ้ว เกิดประกายลุกวาวในดวงตาของเขา ก่อนจะพูดด้วยความเยือกเย็นว่า “เจ้ามีหลักฐานหรือไม่ ?”
เฝิงจื้อเอ้าพยักหน้า มองไปยังหยางเฉิน “คุณหยาง ท่านบอกให้แก่ทุกคนให้ทราบที ว่าหม่าชาวมีพี่สาวจริงหรือไม่ ?”