The king of War - บทที่ 157 ไม่มีกำลังต่อต้าน
หวังลู่เหยารีบพูดอย่างรวดเร็ว: “สามี ฉันมีชู้ มีอะไรกับสงโป๋เฉิงแล้ว ตอนนี้พวกเราก็นอนอยู่บนเตียง เปลือกกาย อยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน…..”
มองดูแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของหยางเฉิน หวังลู่เหยาเกือบจะร้องไห้ พูดคำหนึ่งก็มองไปที่หยางเฉินแวบหนึ่ง กลัวว่าตัวเองพูดได้ไม่ละเอียดพอ หยางเฉินก็จะฆ่าตัวเองทิ้ง
“แกพูดอะไรนะ?”
จางกว่างโกรธมาก: “แกแมร่งเจอดีแน่ กูจะไปที่ตระกูลสงเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลังจากพูดจบ จางกว่างก็วางสายทันที
หวังลู่เหยาอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว ดวงตาทั้งสองหม่นหมอง สงโป๋เฉิงก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากัน สีหน้าซีดเซียวเป็นอย่างมาก
“ผม ผมไปโรงพยาบาลก่อนได้มั้ย?”
สงโป๋เฉิงกัดฟันพูด อาจจะเป็นเพราะสูญเสียเลือดมากเกินไป เขาเวียนหัว รู้สึกเหมือนจะนอนลงไป
หยางเฉินมองไปที่เขาอย่างราบเรียบ: “แกนอนกับภรรยาของคนอื่นแล้ว จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับหมายความของคนอื่นแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของสงโป๋เฉิงซีดเผือด จางกว่างจะปล่อยตัวเองไปได้อย่างไร?
คฤหาสน์หลายหลังชั้นสูงของเจียงโจว ตระกูลจางและตระกูลสงก็เป็นตระกูลชั้นนำ และไม่ได้อาศัยอยู่ห่างไกลกัน
ประมาณเจ็ดถึงแปดนาทีแบบนี้ ข้างนอกก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอย่างฉับพลัน ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้ายุ่งเหยิงอย่างฉับพลัน
“สงโป๋เฉิง แกแมร่งอยู่ที่ไหน? ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
จางกว่างตะคอกด้วยความโกรธ ข้างหลังยังมีชายร่างใหญ่กำยำตามอยู่สิบกว่าคน
“สามี ฉันอยู่ที่นี่!”
หยางเฉินมองไปแวบเดียว หวังลู่เหยาก็กลัวจนรีบตะโกนขึ้นมา
จางกว่างพาคนพุ่งเข้าไปในห้องนอน ก็เห็นเพียงหวังลู่เหยาที่โผล่หัวออกมา กับสงโป๋เฉิงที่กุมข้อมือนอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน
และโซฟาที่อยู่ข้างๆ ยังนั่งอยู่สองร่าง หนึ่งคนในนั้น เขายังรู้จัก
“คุณนี่เอง!”
สีหน้าของจางกว่างเปลี่ยนไปอย่างมาก ครั้งก่อนอยู่ในร้านอาหาร หวังลู่เหยาเรียกเขาไปแก้แค้น ปรากฏว่าโดนหยางเฉินคนเดียว ต่อยตีผู้ต่อสู้แข็งแกร่งที่เขาพาไปจนล้มลงกับพื้นทั้งหมด
แต่เขาก็เพียงแค่มองหยางเฉินแวบเดียว ดวงตาทั้งสองที่โกรธก็จับจ้องไปที่บนตัวของสงโป๋เฉิง: “สงโป๋เฉิง แกแมร่งกล้านอนกับภรรยาของฉัน เรื่องนี้ จะเคลียร์ยังไง?”
บนใบหน้าของสงโป๋เฉิงไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ทั้งหมดอาศัยการยึดเหนี่ยวจิตใจ เขากัดฟันพูดว่า: “พี่จางผมขอโทษพี่ด้วย ผมสามารถเอาอุตสาหกรรมครึ่งหนึ่งของตระกูลสง เป็นการชดเชยให้กับพี่ได้ ขอเพียงแค่พี่ส่งผมไปที่โรงพยาบาลก่อน”
จางกว่างถึงได้พบว่า ข้อมือของสงโป๋เฉิงหักไปแล้ว บนข้อมือมีเพียงเนื้อที่ติดอยู่เล็กน้อย และเลือดก็แปดเปื้อนไปบนเตียงใหญ่
“ไปตายซะ! นอนกับภรรยาของฉันแล้ว ยังอยากจะให้ฉันส่งแกไปโรงพยาบาลเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
จางกว่างเลือดขึ้นหน้า และออกคำสั่งว่า: “จัดการมัน!”
ชายร่างใหญ่สิบกว่าคนที่เขาพามา ก็พุ่งเข้าไปทั้งหมดในทันที ทั้งเตะทั้งต่อยสงโป๋เฉิง
“แกนังผู้หญิงสารเลว ยังมีหน้าให้ฉันมารับแกเหรอ?”
จางกว่างลากหวังลู่เหยาลงมาจากบนเตียง ก็ตบลงไปหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง ปากของหวังลู่เหยาเต็มไปด้วยเลือด ขอร้องอย่างไม่หยุด: “สามี ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริงๆ!”
“ยังไม่รีบใส่เสื้อผ้าอีก รอกลับไปแล้ว ดูว่ากูจะจัดการกับแกยังไง!” จางกว่าตบไปห้าถึงหกครั้ง ถึงหยุดลงมา
และสงโป๋เฉิงก็ถูกต่อยตีจนหมดสภาพ
“สามี เขา เขาให้คนถ่ายวิดีโอและรูปถ่าย ของฉันและสงโป๋เฉิง”
กำลังจะจากไป ทันใดนั้นหวังลู่เหยาก็พูดอย่างสั่นเทา มองไปที่หยางเฉิน ก็ก้มหน้าลงทันที ไม่กล้าสบตา
สีหน้าของจางกว่างเย็นชา ดวงตาทั้งสองมองไปที่หยางเฉินแล้วพูดว่า: “คุณหยาง รบกวนคุณเอาวิดีโอและรูปถ่ายออกมาให้ด้วย!”
เขาไม่อนุญาตให้ใครเก็บวิดีโอภรรยาของตัวเองไว้ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหน้าตาของตระกูลจาง เกิดเผยแพร่ออกไปข้างนอก ไม่เพียงแค่ตบหน้าของเขา ตระกูลจางก็จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากสาเหตุนี้
หยางเฉินแสยะยิ้ม: “ประธานจาง คุณยังไม่รู้ว่าภรรยาของคุณ ทำอะไรบ้าง?”
“ไม่ว่าเธอจะทำอะไร นั่นก็คือภรรยาของฉัน เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจางของฉัน” จางกว่างพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“จางกว่าง ฉันยังแนะนำว่าคุณเคลียร์ปัญหาให้ชัดเจนก่อน ค่อยพูดจาแบบนี้!”
ในเวลานี้หวงอู่ลุกขึ้นยืนออกมา มองไปทางจางกว่างด้วยใบหน้าไม่ดี
จางกว่างขมวดคิ้ว: “ฉันพูดกับเจ้านายของแก สุนัขตัวหนึ่งมีสิทธิ์อะไรมาเห่า?”
“แก…..”
สีหน้าของหวงอู่เย็นชา
เขายังไม่ทันได้พูดอะไร หยางเฉินก็เคลื่อนไหว
จางกว่างรู้สึกเพียงว่าร่างหนึ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ก็ยื่นมือออกไปขวางไว้โดยไม่รู้ตัว
“ผลัวะ!”
หยางเฉินใช้มือข้างหนึ่งจับบนหัวของเขาไว้ พลังที่น่าสะพรึงกลัวทำให้เขาไม่มีกำลังต่อต้านได้แม้แต่น้อย
ด้วยเสียงที่ดัง หัวของจางกว่างก็กระแทกลงไปที่บนโต๊ะกาแฟ ปากและจมูกของเขาเต็มไปด้วยเลือด และโต๊ะหินอ่อนสีเบจก็แปดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงในทันที
“มา ประธานจาง ตอนนี้แกบอกฉันมา สุนัขตัวนี้อย่างแก มีสิทธิ์พูดกับฉันมั้ย?” ใบหน้าของหยางเฉินเยือกเย็น
หัวใจของจางกว่างมีคำด่าหยาบคายวนเวียนอยู่เป็นหมื่นคำ ตัวเองเป็นทายาทของตระกูลจางอย่างสง่าผ่าเผย เคยเผชิญหน้ากับแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไม่ถูก ตอนนั้นหยางเฉินอยู่ที่ทางเข้าโรงเรียนอนุบาล ยังเตะเขากระเด็นห่างไกลออกไปหลายเมตร
หวงอู่ที่อยู่ข้างๆก็ดูอึ้ง ในขณะเดียวกันหัวใจก็มีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่านหัวใจเล็กน้อย
เมื่อกี้นี้จางกว่างด่าเขาว่าเป็นสุนัข ปรากฏว่าจางกว่างกลับดูเหมือนสุนัข โดนหยางเฉินกระแทกหัวสุนัขลงบนโต๊ะกาแฟ หวงอู่รู้สึกว่าเลือดของตัวเองก็เดือดพลุ่งพล่านขึ้นมา มองไปทางหยางเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือ
“ปล่อยเจ้านายซะ!”
ลูกน้องของจางกว่าง หลังจากที่เฉื่อยชาไปชั่วครู่ ในที่สุดก็ดึงสติกลับมา และทยอยตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ
หยางเฉินไม่ได้มองคนเหล่านั้นด้วยซ้ำ สายตาก็จับจ้องมองไปที่จางกว่าง
“แมร่งถอยออกไปให้หมด!”
จางกว่างตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธในทันที กลัวว่าหยางเฉินจะระบายความโกรธใส่บนตัวของเขา
จนถึงตอนนี้ เขาถึงได้รู้ตัวมาอย่างฉับพลัน หยางเฉินไม่ใช่ตัวตนที่เขาสามารถทำให้ขุ่นเคืองได้
คนหนึ่งที่สามารถบุกเข้าไปในตระกูลสงได้ และอยู่ในห้องนอนของผู้นำตระกูลสงได้ หักข้อมือของผู้นำตระกูลสง แล้วเป็นคนที่สามารถกระแทกหัวของเขาลงบนโต๊ะกาแฟ ทั้งเจียงโจว เกรงว่าจะไม่มี
เมื่อก่อนนี้ เขาเพียงแค่สงสัย ในตอนนี้ โดยพื้นฐานสามารถมั่นใจได้
หวังลู่เหยาที่อยู่ด้านข้าง สั่นเทาไปทั้งตัว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ สำหรับเธอแล้ว ก็เหมือนกับวันสิ้นโลก
“นังผู้หญิงสารเลวอย่างแก ทำอะไรกันแน่?”
จางกว่างคว้าผมของหวังลู่เหยา ดึงเธอไปที่ตรงหน้าของหยางเฉินในทันที หวังลู่เหยาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“ฉัน ฉัน ฉันหาสงโป๋เฉิง จัดให้คนสองคน ทำ ทำร้ายพ่อตาของเขา ตอนนี้คน คนยังอยู่ที่โรงพยาบาล”
หวังลู่เหยาสั่นเทาไปทั้งตัว พูดอ้ำๆอึ้งๆ รูม่านตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“แกนังผู้หญิงสารเลว ฉันเคยเตือนแกไปแล้วหลายครั้งไม่ใช่เหรอ? ยังกล้าสร้างปัญหาให้ฉันอีก ถ้าหากไม่เห็นแก่ที่แกเป็นแม่ของลูกฉัน ฉันอยากจะฆ่าแกให้ตายจริงๆ!”จางกว่างกัดฟัน เขามีใจอยากจะฆ่าจริงๆ
“คุณหยาง ผมเคยตักเตือนนังผู้หญิงสารเลวคนนี้หลายครั้งแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าทำให้คุณขุ่นเคืองใจ รนหาที่ตายจริงๆ ต่อให้คุณจะให้ผมฆ่าเธอตอนนี้ ผมก็ไม่มีทางขมวดคิ้ว”
จางกว่างด่าหวังลู่เหยาเสร็จ แล้วก็พูดกับหยางเฉินอย่างเคารพนบนอบ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังลู่เหยากลัวจนหน้าถอดสีในทันที “พรึ่บพรั่บ” คุกเข่าลงที่เท้าของหยางเฉิน และขอร้องอ้อนวอนว่า: “คุณหยาง ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริงๆ ไม่กล้าอีกแล้ว คุณได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ!”