The king of War - บทที่ 16 รับกรรมที่ตนก่อ
บทที่ 16 รับกรรมที่ตนก่อ
ในใจของฉินซีเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความกล้ำกลืนฝืนทน เดิมเธอก่อตั้งซานเหอกรุ๊ปมาด้วยตัวเองเพียงลำพัง แต่กลับโดนตระกูลฉินมาแย่งเอาไป ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาโอกาสทวงบริษัทคืนมาได้ แต่สุดท้ายคุณปู่กลับไม่รักษาคำพูด
“ไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”
นายท่านฉินพูดอย่างเย็นชา “ถ้าหากไม่ใช่เพราะสามีไร้ประโยชน์ของเธอล่วงเกินจางกว่างเข้าละก็ ป่านนี้สัญญาของตระกูลจางก็คงจะอยู่ในมือของพวกเราแล้ว ยิ่งรวมกับสัญญาของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั่น ปีนี้ตระกูลฉินของพวกเราจะต้องแทรกเข้าไปเป็นตระกูลชั้นหนึ่งได้แน่ ตอนนี้เธอยังจะมีหน้าอะไรมาไม่ยอมรับอีก?”
คำพูดของนายท่านฉินกรีดแทงเข้ามาในหัวใจของฉินซีอย่างเหี้ยมโหดราวกับมีด
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าถ้าหากฉินซีสามารถคว้าเอาสัญญาของตระกูลจางมาได้ คุณก็จะมอบตำแหน่งประธาน ฯ ให้กับเธอ?”
เวลานี้หยางเฉินยืนมองนายท่านฉินที่อยู่ข้างกายของฉินซีด้วยสีหน้าสงบ ถ้าหากหม่าชาวอยู่ด้วยละก็ เขาจะต้องรู้แน่ว่าท่าทางของหยางเฉินในตอนนี้แหละเป็นตอนที่น่ากลัวที่สุด
“แกนับเป็นอะไรได้? คู่ควรจะมาตั้งเงื่อนไขกับฉันหรือ?”
นายท่านฉินมองหยางเฉินอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็มองไปที่ฉินซีอีกครั้ง “ต่อให้เธอเอาสัญญาของตระกูลจางมาอีกสักร้อยฉบับ ตำแหน่งประธานก็ไม่ตกเป็นของเธอหรอก”
ทิ้งประโยคนี้เอาไว้แล้วนายท่านฉินก็หันหลังจากไป
กลุ่มคนเอนเอียงไปตามอิทธิพลของฉินเฟย
“ฉินซี เธอนึกว่าเธอคว้าเอาสัญญามาได้แล้วก็จะถือเป็นผู้มีความดีความชอบงั้นเหรอ?”
“นั่นสิ แบบนี้น่ะ เรียกว่าทำบุญล้างบาป”
“ดีนะที่ผู้นำตระกูลหลักแหลมที่ไม่ส่งต่อบริษัทให้กับผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้”
“เสี่ยวเฟยสิ ถึงจะเป็นผู้สืบทอดของนายท่าน เธอคู่ควรที่จะไปแย่งชิงอำนาจกับเขาหรือ?”
ผู้คนมากมายที่ประจบสอพลอฉินซีอยู่เมื่อครู่ ในตอนนี้กลับมีท่าทีเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ฉินซีถูกคำพูดของนายท่านฉินทำร้ายจิตใจอย่างถึงที่สุด ซานเหอกรุ๊ปถูกแย่งเอาไป ในใจของเธอไม่ยินยอมถึงเพียงไหน ห้าปีมานี้เธอทุ่มเทมามากเพื่อที่จะควบคุมบริษัทได้อีกครั้ง เธอทุ่มเทสุดแรงกายแรงใจ นึกไม่ถึงว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้
“ฉินซี ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันเป็นประธานของซานเหอกรุ๊ป และต่อไปฉันยังจะเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลฉิน”
ฉินเฟยเดินเข้ามาด้วยความโอหังอวดดี จากนั้นก็มองกวาดหยางเฉินอย่างเหยียดหยาม แล้วหันกลับมามองฉินซีอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “ถ้าหากฉันเป็นเธอนะฉันจะหย่ากับไอ้ตัวไร้ประโยชน์นี่ มีเขาอยู่เธอก็ทำได้แค่แหงนหน้ามองดูฉันตลอดไป”
หยางเฉินก้าวเท้าเดินออกไปทันที ฉินเฟยหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง “ทำไมเหรอ? อยากต่อยฉันเหรอ? แกก็ลองทำดูสิ ถ้าแกแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเล็บ ก็รอดูฉินซีโดนขับไล่ออกจากตระกูลได้เลย!”
อุณหภูมิของทั้งทางเดินนั้นลดลงมาหลายองศาโดยเฉียบพลัน หยางเฉินมองฉินเฟยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ความลับไม่มีในโลก เรื่องบางเรื่องทำลงไปแล้วก็ต้องชดใช้”
ฉินเฟยหวาดผวาขึ้นมาในทันที พูดอย่างโมโหร้ายว่า “แก ไอ้สวะ แกพูดเพ้อเจ้ออะไร? พูดกับขยะอย่างแกประโยคเดียวก็ถือว่าขายหน้าฉันแล้ว”
เขาพูดจบก็จากไปอย่างเร่งรีบ
สายตาของหยางเฉินเยือกเย็นราวกับน้ำค้างแข็ง เมื่อห้าปีก่อนเป็นฉินเฟยที่วางแผนใส่ร้ายฉินซี เรื่องนี้จำเป็นต้องมีคนรับผิดชอบ
ผู้คนแยกย้ายกันออกไป เหลือเพียงแต่ฉินซีและหยางเฉิน
“ฉินซี พวกเราไปกันเถอะ!”
หยางเฉินมองดูท่าทางเจ็บปวดของฉินซี ในใจมีความทุกข์ที่พูดออกมาไม่ได้
“ทำไมถึงเป็นนายอีกแล้ว? ทำไมต้องกลับมา? ฉันติดค้างอะไรนายไว้เหรอ? เป็นเพราะนายที่ทำให้ฉันล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า! นายรู้ไหมว่าซานเหอกรุ๊ปมีความหมายกับฉันอย่างไร?”
สายตาทั้งคู่ของฉินซีที่มองไปยังหยางเฉินเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ร้องไห้ออกมาเสียงดังเพื่อระบายความหมดอาลัยตายอยากอย่างถึงที่สุดในตอนนี้
เวลาผ่านไปนานมาก อารมณ์ของฉินซีมั่นคงขึ้น เธอมองดูหยางเฉินด้วยความรู้สึกซับซ้อน เธอกัดริมฝีปากแดงแล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมากะทันหัน “ขอโทษนะ!”
หยางเฉินมีสีหน้าประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าฉินซีจะขอโทษเขา เขาส่ายศีรษะเบา ๆ สีหน้าจริงจังขึ้นทันที “เธออยากจะแย่งซานเหอกรุ๊ปกลับมาไหม?”
“ฉันก่อตั้งซานเหอกรุ๊ปมาด้วยตัวเอง มองดูมันค่อย ๆ เติบโตขึ้นทีละก้าว ๆ มันเป็นเหมือนลูกของฉัน ฉันจะต้องแย่งมันกลับมาแน่ หลายปีมานี้ฉันทำเพื่อตระกูลมามากมายขนาดนั้น กลับโดนพวกเขาเหยียดหยามทุกทาง ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าใจฉันไม่ยินยอมละก็ ฉันไปจากตระกูลฉินนานแล้ว”
ฉินซีพูดด้วยดวงตาแดง ๆ ทั้งคู่ สายตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังต่อตระกูลฉิน
“ขอเพียงเธอยินยอม อย่าว่าแต่ตระกูลฉินจิ๊บจ้อยนั่นเลย ต่อให้เป็นโลกทั้งใบ ขอเพียงเธอต้องการฉันก็ให้เธอได้” หยางเฉินสีหน้าจริงจัง
ฉินซีได้ยินคำนี้ ความผิดหวังบนใบหน้ายิ่งเข้มข้นขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “นายรู้ไหมว่าชีวิตนี้ฉันเกลียดคนแบบไหนที่สุด?”
โดยไม่รอให้หยางเฉินตอบสนอง ฉินซีก็พูดต่อ “ก็คือคนหลอกลวง! คนที่ฉันรักไม่ต้องเป็นยอดวีรบุรุษก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่ซื่อตรง เป็นผู้ชายที่เด็ดเดี่ยว”
เธอพูดจบก็เดินโซเซจากไป
มองส่งฉินซีตลอดจนเงาร่างของเธอหายไปจากระยะสายตาของเขา หยางเฉินโทรศัพท์ออกไปสายหนึ่ง “ฉันต้องการให้นายเอาซานเหอกรุ๊ปมาให้ได้ภายในสามวัน ห้ามใช้เงินแม้แต่แดงเดียว!”
“ครับ ท่านประธาน!”
……
ห้องทำงานท่านประธานชั้นบนสุดของซานเหอกรุ๊ป
นายท่านฉินจัดการเรื่องราวอย่างรวดเร็วเฉียบขาด ตอนเช้าประกาศอย่างเป็นทางการว่าฉินเฟยรับตำแหน่งประธาน ฯ ตอนบ่ายหนังสือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการก็ถูกส่งไปยังทุก ๆ แผนก
นายท่านฉินมองดูฉินเฟยที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตน สีหน้าพึงพอใจ “เสี่ยวเฟย ปู่เอาตำแหน่งประธานส่งต่อให้เจ้าแล้ว และก็ถือเป็นบททดสอบหนึ่งก่อนที่เจ้าจะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล เจ้าจะต้องรักษามันไว้ให้ดี ๆ นะ”
ได้ยินคำว่าตำแหน่งผู้นำตระกูล ในใจของฉินเฟยก็ดีใจจนแทบบ้า แต่ท่าทางภายนอกกลับแสดงออกเหมือนได้รับความชอบจากผู้ใหญ่ “ท่านปู่ ท่านวางใจได้ ผมจะไม่ทำให้ท่านปู่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ!”
นายท่านฉินพยักหน้าน้อย ๆ พอนึกถึงคนอีกคนหนึ่ง เขาก็ถอนหายใจเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “ก่อนที่เจ้าจะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล ปู่จะหาโอกาสขับไล่ฉินซีออกจากตระกูล”
ฉินเฟยยิ้มอย่างจองหอง “ท่านปู่ ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกดูหมิ่นเท่านั้นเอง เธอจะยังสามารถก่อเรื่องอะไรได้อีกอย่างนั้นเชียวหรือ?”
“อย่าดูถูกเธอเชียว เธอสามารถใช้เวลาช่วงมหาวิทยาลัยก่อนตั้งซานเหอกรุ๊ปขึ้นมา จะไร้ความสามารถได้อย่างไรกัน? ถ้าหากเจ้ากล้าดูถูกเธอ ช้าเร็วก็ต้องพลาดท่าเสียทีแน่” นายท่านฉินมีท่าทีร้อนรนอยากจะให้หลานชายปฏิบัติตามคำสอน
ฉินเฟยมองท่าทีไม่สบอารมณ์ของนายท่านฉินออก เขาจึงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ท่านปู่สั่งสอนได้ดี ผมจะไม่ประมาทศัตรูแน่นอนครับ”
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของสำนักงานก็ส่งเสียงดังขึ้นมาในทันที
นายท่านฉินมองฉินเฟย “หนังสือแต่งตั้งประธานส่งไปถึงทุกแผนกแล้ว ตอนนี้ภาระหน้าที่ทุกอย่างในบริษัทขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของเจ้าแล้ว”
ฉินเฟยรีบรับโทรศัพท์ในทันที เขาได้ฟังเพียงไม่กี่ประโยคสีหน้าก็เปลี่ยนอย่างรุนแรงในฉับพลัน เหงื่อเม็ดโตบนหน้าผากไหลลงมาไม่ขาดสาย
“พลั่ก!”
วางสายโทรศัพท์แล้ว ฉินเฟยก็นั่งชาไปทั้งตัวอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
นายท่านฉินเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีอย่างมากขึ้นมาในฉับพลัน
ใบหน้าของฉินเฟยขาวซีด “ทีมกฎหมายของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปโทรศัพท์มา บอกว่าจะยกเลิกสัญญากับพวกเราครับ”
“อะไรนะ?”
นายท่านฉินก็ตกใจจนหน้าถอดสี
“ไม่เพียงเท่านี้ เยี่ยนเฉินกรุ๊ปยังบอกว่าพวกเราผิดสัญญา จะให้พวกเราชดใช้ค่าปรับราคาแพง” ฉินเฟยพูดอีก
ถึงแม้ว่าจะเป็นนายท่านฉิน แต่ในตอนนี้ก็หวาดกลัวจนแตกตื่นไม่แพ้กัน สีหน้าขาวซีดจนถึงขีดสุด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะทรุดลงไป