The king of War - บทที่ 1640 มีจุดประสงค์
บทที่ 1640 มีจุดประสงค์
ขณะนี้ พลังบู๊อันน่ากลัว ระเบิดออกจากตัวหยางเฉิน ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ตรงกลางระหว่างคิ้ว มีลายตระกูลสายเลือดคลั่งปรากฏขึ้น
เดิมทีแดนบู๊ของเขาคือ แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้น แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าสิ่งที่ขัดขวางอยู่ในร่างกายเขา ได้ทะลุไปแล้ว
“ตู้ม!”
แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นกลาง!
ทะลุแดน ภายใต้ความโกรธ!
แม้แดนจะก้าวหน้าขึ้นเพียงชั้นเล็กๆ แต่ความก้าวหน้าเล็กๆ นี้ ทำให้พละกำลังของหยางเฉิน เพิ่มขึ้นทันที
ก่อนหน้านี้ เขาพอฝืนปล่อยพลัง ที่เกือบเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นออกมาได้ แต่ตอนนี้ เขาสามารถปล่อยพลังที่ทัดเทียมกับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น ออกมาได้อย่างสบายๆ
“พลั่ก!”
วินาทีต่อมา หมัดของหยางเฉิน ปะทะกับฝ่ามือหญิงชรา พลังอันบ้าคลั่ง อยู่ในฝ่ามือหญิงชรา จากนั้น แผ่ซ่านไปทั่วแขนและร่างกายของหญิงชรา
หญิงชราหน้าเปลี่ยนสี สีหน้าตกตะลึง
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งของจวนเจ้าเมือง กำลังตกตะลึง ตัวของหญิงชรา ลอยกระเด็นออกไปเหมือนลูกบอล
หญิงชรายังไม่ทันตกลงบนพื้น ก็กระอักเลือดออกมา
หลังกระเด็นออกไปหลายสิบเมตร ตัวกระแทกลงกับพื้น ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว
ทุกคนเงียบกันหมด!
ทุกคนมองหยางเฉินด้วยสีหน้าช็อก หญิงชราเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่ง อันดับต้นๆ ของจวนเจ้าเมือง แม้ไม่ใช่พวกระดับสูงสุด แต่เมื่ออยู่ข้างนอก นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ
แต่ตอนนี้ หญิงชราพ่ายแพ้หมัดของหยางเฉิน และบาดเจ็บสาหัส
นี่หมายความว่า พละกำลังของเด็กหนุ่มตรงหน้า เหนือกว่าหญิงชรา ไม่ใช่หรือไง
หญิงชราคือผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นเจ็ด แม้ไม่ได้ทะลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น แต่ปล่อยพลังที่เกือบจะถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น ออกมาได้
ตอนนี้หยางเฉินเอาชนะหญิงชราได้ งั้นหมายความว่า หยางเฉินสามารถปล่อยพลังแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น ออกมาได้แล้วน่ะสิ
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด อายุไม่ถึง 30
แต่ตอนนี้ มันเกิดขึ้นจริงแล้ว จินตนาการถึงความตกตะลึง ของผู้แข็งแกร่งจวนเจ้าเมืองได้เลย
ปี เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ
หยางเฉินยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามฆ่าต่อ ไม่มองหญิงชราแม้แต่น้อย
แต่มองไปยังตรงกลางของจวนเจ้าเมือง พูดเสียงดังว่า “หยางเฉิน คิงแห่งเยี่ยนตู
มาเยี่ยมเยียนเจ้าเมืองหวยเฉิง!”
เสียงเขาเหมือนสายฟ้า ฟาดไปยังสิ่งก่อสร้างสุดหรู ตรงกลางจวนเจ้าเมือง
ขณะนั้น พลานุภาพบู๊อันแข็งแกร่ง แผ่ซ่านจากสิ่งก่อสร้างนั้น ปกคลุมหยางเฉินเอาไว้
หยางเฉินแอบตกใจ
ไม่เสียแรงที่เป็นเจ้าเมืองหวยเฉิง แข็งแกร่งตามคาด แค่พลานุภาพบู๊
ก็ทำให้หยางเฉินรู้สึกกดดันแล้ว
ตอนนี้เขามีพละกำลัง ทัดเทียมกับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น
ยังรู้สึกถึงความกดดันอันน่ากลัวขนาดนี้ พละกำลังของเจ้าเมืองหวยเฉิง
คงอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าแล้ว
จู่ๆ หยางเฉินนึกถึงคำพูดที่อาจารย์ผู้ไร้นาม ให้ผู้แข็งแกร่งเมืองหวยเฉิง มาบอกเจ้าเมืองหวยเฉิง
ห้ามแตะต้องเขา เจ้าเมืองหวยเฉิง
ไม่ได้แตะต้องเขามาตลอด งั้นหมายความว่า พละกำลังของผู้ไร้นาม ต้องแข็งแกร่งกว่าใช่ไหม
แดนบู๊ของเจ้าเมืองหวยเฉิง ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า งั้นพละกำลังของผู้ไร้นาม ก็คงอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าเช่นกัน
“ไม่เสียแรง
ที่เป็นศิษย์ของไอ้แก่เลวนั่น เก่งกาจตามคาด อายุแค่นี้ มีพละกำลังแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นแล้ว ถ้าให้เวลานายมากขึ้นอีก เข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า
คงไม่ใช่เรื่องยาก”
ทันใดนั้น
เสียงก้องกังวาน ดังมาจากสิ่งก่อสร้างสุดหรู
กลางจวนเจ้าเมือง “เข้ามาสิ!”
หยางเฉินไม่คาดฝัน กับคำพูดของเจ้าเมืองหวยเฉิงมาก
เดิมทีนึกว่าต้องเจอความโกรธของเจ้าเมืองหวยเฉิง แต่คิดไม่ถึงว่า
อีกฝ่ายไม่แสดงความโกรธใดๆ ออกมาเลย
อีกทั้งฟังจากคำพูดของเจ้าเมืองหวยเฉิง เขาเป็นเพื่อนกับผู้ไร้นามเหรอ
ไม่งั้น จะเรียกผู้ไร้นามว่าไอ้แก่เลว ได้ยังไง
เมื่อเจ้าเมืองหวยเฉิงพูดออกมา ไม่มีใครกล้ามาขวางอีก หยางเฉินมาบนจวนเจ้าเมืองโดยราบรื่น
โถงต้อนรับขนาดใหญ่ ตรงตำแหน่งด้านหน้า
มีผู้อาวุโส หนวดเคราขาว สวมเสื้อสีขาว
นั่งอยู่เหมือนเซียน
พลานุภาพบู๊ แผ่ออกจากตัวเขาเบาๆ
หยางเฉินรู้สึกเหมือนภาพลวงตา อีกฝ่ายอายุมากแล้ว เหมือนว่าอยู่มาร้อยกว่าปีแล้ว
มีออร่าแห่งความอบอุ่นและสงบ
รู้สึกสบายมาก อบอุ่นไปทั้งตัว เหมือนกำลังอาบแดด
แผ่ซ่านออกจากตัวของเจ้าเมืองหวยเฉิง หยางเฉินจมอยู่ในนั้น
“หยางเฉินมาพบผู้อาวุโส เจ้าเมืองหวยเฉิง!”
หยางเฉินรีบทำความเคารพ ไม่ว่าจะมีบุญคุณความแค้นกับอีกฝ่ายหรือไม่
มารยาท เป็นสิ่งที่ต้องมี
เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโส
เจ้าเมืองหวยเฉิง ที่หลับตาตลอดเวลา
“ไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก! นั่งสิ!”
หลังได้ยินชื่อหยางเฉิน จึงลืมตาขึ้นช้าๆ หัวเราะแล้วมองหยางเฉิน
หยางเฉินจึงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ มองเจ้าเมืองหวยเฉิง แล้วพูดว่า
มีเรื่องจะขอร้อง ส่งเจียงลั่วมาให้ผม”
“ผู้อาวุโส ผมมาวันนี้
เจ้าเมืองหวยเฉิง พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “เจียงลั่ว
ถ้าเขาอยู่ที่จวนเมืองหวยเฉิง ก็แล้วแต่นาย ฉันไม่ก่าวก้ายเรื่องระหว่างพวกนาย”
ที่นายว่าคือใคร ฉันไม่รู้
คำพูดง่ายๆ ธรรมดาๆ กลับทำให้หยางเฉิน รู้อะไรขึ้นเยอะ
อันดับแรก เจ้าเมืองหวยเฉิง จะไม่ก้าวก่าย แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นในเมืองหวยเฉิง จะไม่ก้าวก่าย
รองลงมา ถ้าหยางเฉินอยากหาเจียงลั่ว แค่หาตัวเจอ ก็แล้วแต่เขา
หยางเฉินมองเจ้าเมืองหวยเฉิง แล้วพูดว่า “พูดแบบนี้ ถ้าผมหาเจียงลั่วเจอ แล้วพาเจียงลั่วไป ผู้อาวุโสจะไม่ก้าวก่ายเหรอ”
เจ้าเมืองหวยเฉิงหัวเราะ แล้วพูดว่า “ทำไม ไม่เชื่อฉันเหรอ”
หยางเฉินรีบพูดว่า “ไม่ใช่ไม่เชื่อ แค่อยากถามให้ชัดเจน ถ้าผู้อาวุโสไม่ก้าวก่าย ผมก็วางใจแล้ว”
จากพละกำลังของเขาในปัจจุบัน แม้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น สามารถต่อสู้ได้ ในจวนเมืองหวยเฉิง แม้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ มีมากมาย แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด ที่แท้จริง กลับมีไม่มากเท่าไร
อีกทั้งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดแต่ละคน ล้วนเป็นคนใกล้ชิดของเจ้าเมืองหวยเฉิง ในเมื่อเจ้าเมืองหวยเฉิง บอกว่าไม่ก้าวก่าย ต้องไม่ให้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด ลงมืออย่างแน่นอน
แค่คนพวกนี้ไม่ลงมือ เขาจะฆ่าเจียงลั่ว ยังมีความหวังสูงมาก
เจ้าเมืองหวยเฉิง ยังคงมีรอยยิ้มเต็มหน้า พูดออกมาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นสองสามวันนี้ นายอยู่ที่จวนเมืองหวยเฉิงเลยสิ!”
พูดจบ เขามองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วสั่งว่า “หวยหลัน สองสามวันนี้ เธอรับผิดชอบที่พักของคุณหยางด้วย!”
ผู้หญิงแต่งตัวน่ารักคนนั้น รีบพูดว่า “ค่ะคุณปู่!”
หยางเฉินเพิ่งรู้ว่า ผู้หญิงที่เหมือนนางฟ้าคนนี้ เป็นหลานสาวของเจ้าเมืองหวยเฉิง
แต่เจ้าเมืองหวยเฉิง ให้หลานสาวตัวเอง มาดูแลเขา นี่หมายความว่าอะไร
จับตามองตัวเองหรือเปล่า
หวยหลันเดินมาหน้าหยางเฉิน ยิ้มอ่อนโยนแล้วพูดว่า “คุณหยาง เชิญตามฉันมาค่ะ!”
รอยยิ้มหวยหลัน รู้สึกสดชื่นมาก ทำให้คนรู้สึกสบายใจมาก
ผู้หญิงสูงส่งแบบนี้ ไปอยู่ข้างนอก เรียกได้ว่าเป็นของชั้นดีในของชั้นดี แต่ตอนนี้เจ้าเมืองหวยเฉิง กลับให้ดูแลตัวเอง หยางเฉินยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ
เขาไม่ได้หลงตัวเอง จนคิดไปว่าเจ้าเมืองหวยเฉิง ผู้ยิ่งใหญ่ จะให้หลานสาวตัวเองมาดูแลเขา อีกฝ่ายทำแบบนี้ ต้องมีเจตนาแน่นอน