The king of War - บทที่ 1659 พลังธาตุน้ำ
บทที่ 1659 พลังธาตุน้ำ
หวยหลัน เห็นเจ้าเมืองหวยเฉิง สีหน้าซีดเผือดลงทันที
ช่วงเวลาสั้น
ๆ ในไม่กี่อึดใจ
เจ้าเมืองหวยเฉิงที่อยู่ห่างไปหลายร้อยเมตรเมื่อครู่นี้ ร่างที่เบาพลิ้วปานขนอ่อนนก ยืนลงมาบนเรือลำน้อยของเจียงเฉิงจื่อ
“หวยอวี่ผู้เป็นศิษย์ กราบคารวะท่านอาจารย์!”
เจ้าเมืองหวยเฉิงค้อมตัวลงน้อย ๆ ทำความเคารพต่อเจียงเฉิงจื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อจริงของเจ้าเมืองหวยเฉิง ฉับพลันนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหมดหวัง
เจียงเฉิงจื่อ ยังคงนั่งตกปลาเฉย
หัวเราะเสียงหุ ๆ
เอ่ยปากพูดว่า “ท่านเจ้าเมืองหวยเฉิงอย่าได้ทำความเคารพกับข้าเลย ข้าไม่ใช่อาจารย์ของท่านไปนานแล้ว”
เจ้าเมืองหวยเฉิงพูดเสียงทุ้มต่ำ “ในหัวใจของข้า มีเพียงท่าน จึงใช่เป็นอาจารย์ของข้า”
เจียงเฉิงจื่อ
ยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไร
เหมือนมองไม่เห็นเจ้าเมืองหวยเฉิง นั่งตกปลาต่อ
เจ้าเมืองหวยเฉิงก็ไม่ได้ไปยุ่งกับการต่อสู้ของเหล่าจิ่วกับสุดยอดผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนั้น
ยืนเลี่ยงออกไปข้าง ๆ
แต่กลับนั่งลงบนเรือลำเล็กของเจียงเฉิงจื่อ หวยหลันรีบลุกขึ้น
เจ้าเมืองหวยเฉิงก็ขยับนั่งที่ที่หวยหลันนั่งเมื่อครู่นี้ มองไปที่ข้องใส่ปลา
หัวเราะเหอ ๆ พูดว่า “อาจารย์ได้ปลามาไม่น้อยเลย
คืนนี้ได้ฉลองมื้อรวมปลากันได้เลยนะ”
เจียงเฉิงจื่อ หัวเราะแล้วพูดว่า
“ใช่สินะ! ได้กินมื้อรวมปลาอีกแล้วนะ ข้าจำได้ว่ากินมื้อรวมปลาครั้งที่แล้ว
มันตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อน”
ได้ยินที่เจียงเฉิงจื่อ พูด
เจ้าเมืองหวยเฉิงดูสีหน้าสลดลง จู่ ๆ
ก็พูดออกมาว่า “คืนนี้ ข้าต้องขอร่วมดื่มกับอาจารย์สักหลายจอกละ!”
เจียงเฉิงจื่อ
ก็ยังคงอยู่ในสีหน้ายิ้มแย้ม ส่ายหน้า พูดปฏิเสธไปว่า
“ข้าเคยชินกับการกินเหล้าคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คงไม่รบกวนท่านเจ้าเมืองมานั่งเป็นเพื่อนหรอก”
เจ้าเมืองหวยเฉิงก็ไม่ฝืนใจ นั่งนิ่งเงียบบนเรือของเจียงเฉิงจื่อ
“ได้ปลาตัวใหญ่อีกแล้ว!”
เจียงเฉิงจื่อ จู่
ๆ หัวเราะขึ้นมา ปลาใหญ่อีกตัวหนึ่ง
ติดเบ็ดขึ้นมา
เจ้าเมืองหวยเฉิงรีบจับปลาใส่ลงในข้องใส่ปลา
ตัวเขาในเวลาขณะนี้ หาใช่เวลาที่เขาจะวางมาดของเจ้าเมืองแล้ว ทำตัวเป็นผู้น้อย กำลังนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างผู้อาวุโส
หยางเฉินยืนอยู่บนแผ่นเศษไม้ มองบรรยากาศที่ดูปรองดองบนเรือ ในใจให้รู้สึกประทับใจ
ดูจากการสนทนาของทั้งคู่ หยางเฉินก็รู้ว่า ช่วงระหว่างนี้ศิษย์อาจารย์คู่นี้ ต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่สบายใจต่อกันอยู่
“ปึง!”
ในขณะนั้นเอง เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น มองไปเห็นผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดที่สู้กับเหล่าจิ่วอยู่เมื่อครู่นั้น ลอยกระเด็นตกลงไปในน้ำ
เหล่าจิ่วกลับพลิกจากแพ้เป็นชนะมาได้ แต่ในสภาพบอบช้ำไปทั่วทั้งตัว พลังปราณในตัวรู้สึกได้ว่าอ่อนล้ามาก
“ท่านเก้า!”
สีหน้าหยางเฉินเต็มไปด้วยความห่วงใย
เหล่าจิ่วส่ายหน้าเล็กน้อย มองไปที่เจ้าเมืองหวยเฉิงที่นั่งบนเรือด้วยสีหน้าที่หนักใจ
ขณะนั้นเอง เจ้าเมืองหวยเฉิงที่นั่งบนเรืออย่างสงบเสงี่ยมอยู่ตลอดเวลา
ได้ลุกยืนขึ้น สายตาทั้งคู่จับมองไปที่เหล่าจิ่ว จ้องเขม็งแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เสียทีที่เป็นคนของเขา ถึงขนาดเอาชนะผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนมนุษย์ขั้นแปดแห่งเมืองหวยเฉิงของข้าได้ ดูจากพลังฝีมือของเจ้าแล้ว ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นที่เก้าไม่ออกมา
ไม่น่ามีใครจะเป็นคู่ต่อสู้กับเจ้าได้เป็นแน่ มีนึกสนุกบ้างไหม มาทำงานกับเมืองหวยเฉิงของข้า?”
เหล่าจิ่วพูดเสียงเยือก ๆ “ถ้าท่านยอมปล่อยเขาไป ข้าก็จะรับพิจารณาดู!”
เจ้าเมืองหวยเฉิงหัวเราะขึ้นมาในทันใด พูดไปด้วยสีหน้าเย้ยเยาะ “คิดว่าข้าเป็นไอ้แก่สมองเลอะเลือนหรือไง?”
เพียงเสียงพูดจบคำ กระแสพลังบูโดที่น่าสะพรึงกลัว แผ่กระจายออกจากตัวเขา และในทันทีนั้นเองก็ได้ครอบเหล่าจิ่วกับหยางเฉินอยู่นวงกรอบ
ชั่วเวลานั้น หยางเฉินก็รู้สึกตัวเองว่าถูกตรึงติดอยู่กับที่
ขยับตัวไม่ได้
กระแสไหลเวียนเลือดในตัว ดูเหมือนถูกสะกดให้ไหลช้าลงไปอย่างมาก
นี่คือระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นที่เก้าหรือ?
เพียงแค่ความกดดันจากกระแสพลังบูโด ก็สามารถทำให้เขาหมดสภาพของการต่อสู้ไปได้เลย
อุณหภูมิรอบข้าง ดูเหมือนในแค่ชั่วประเดี๋ยวนั้น พุ่งสูงขึ้นไปถึงหลายองศา
บรรยากาศขณะนั้น คุกรุ่นด้วยธาตุแห่งไฟที่ร้อนรุ่ม ทำให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเตาหลอม
เหล่าจิ่วลองระเบิดพลังปราณบูโดในร่างกายขึ้นไปที่จุดสูงสุด เพื่อจะลองใช้มาต้านความกดดันจากเจ้าเมืองหวยเฉิง
แต่ผลไม่เป็นอันช่วยอะไรได้ พลังของฝ่ายตรงข้ามสูงเกินไป ทั้งสองคนต่างกันถึงคนละขั้น มันไม่มีทางที่จะไปทาบได้เลย
เหล่าจิ่วกัดฟันกร๊อดแล้วพูดว่า
“ท่านน่าจะรู้นะ ถ้าว่าท่านฆ่าหยางเฉิน
ท่านจะต้องเผชิญกับอะไร ข้าขอเตือนว่าจะให้ดีคิดให้กระจ่าง แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะฆ่าเขาหรือไม่”
เจ้าเมืองหวยเฉิงยิ้มเยาะ “ข่มขู่ข้าหรือนี่?”
เหล่าจิ่วรู้สึกได้ถึงความกดดันที่มีกับตัวเขาหนักหนาขึ้น ตัวของเขาจมลงตามไปกับเศษแผ่นไม้จากเรือที่ระเบิดพังมานั่น
ค่อย ๆ
จมหายลงไป
ช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดหายใจ เหล่าจิ่วคงเหลือแค่ส่วนหัวที่ยังโผล่พ้นน้ำ
“ข้าพูดแต่เรื่องจริง ถึงแม้ท่านจะฆ่าพวกเราทั้งหมด
เรื่องในวันนี้ ก็ยังจะต้องถูกกระจายข่าวออกไป
ถึงเวลานั้น ทั่วทั้งเมืองหวยเฉิง ก็ต้องคอยรอรับเพลิงแค้นจากเขา”
เหล่าจิ่วฝืนทนกับความกดดันมหาศาลที่โหมใส่บนตัวเขา กัดฟันพูดต่อ
“ฮึ!”
เจ้าเมืองหวยเฉิงเกิดอารมณ์โกรธ ความกดดันบนตัวเหล่าจิ่วก็เพิ่มหนักขึ้น
ชั่วเวลาต่อมา ส่วนหัวของเหล่าจิ่วก็จมลงไปในน้ำหมด
“ท่านเก้า!”
หยางเฉินคำรามลั่นด้วยความโกรธ
เห็นตาของเขาทั้งคู่แดงก่ำไปด้วยเส้นเลือด ช่วงหว่างคิ้วยังส่อเห็นลายชาติพันธุ์
กระแสเลือดที่ถูกสะกดกลับฟื้นคืน
พลังบ้าดีเดือดกระแสหนึ่ง แผ่กระจายออกมาจากร่าง
เขาถึงยังไงก็เพียงระดับในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด ถึงแม้จะกระตุ้นกระแสเลือดให้เต็มที่ยังไง ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นที่เก้า
เจ้าเมืองหวยเฉิงสะบัดเสียง “ฮึ” อย่างเหยียดหยามว่า “ไม่รู้จักเจียม!”
พูดเสียงยังไม่ทันขาด เขายกมือขึ้นโบกในฉับพลัน
พลังแรงกระแสหนึ่ง พุ่งตรงเข้าใส่หยางเฉิน
“ปึง!”
หยางเฉินตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร
ก็ช่วยอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย ตัวทั้งตัวจมลงไปในน้ำ
การหายใจที่ต้องอุดตัน ทำเอาเขาเกือบสลบไป
บนเรือลำน้อยของเจียงเฉิงจื่อ เจ้าเมืองหวยเฉิงจ้องตามองไปที่หวยหลัน
“ผลุบ!”
หวยหลัน
ทรุดคุกเข่าลงบนพื้นเรือทันที ความตื่นกลัวเต็มใบหน้าพูดว่า “ท่านปู่ ขอท่านได้โปรดกรุณา
ปล่อยพวกเราไปเถิด”
เจ้าเมืองหวยเฉิงพูดด้วยสีหน้าสยองขรึม “เจ้าทรยศกับเมืองหวยเฉิง ยังกล้ามาขอให้ข้าปล่อยพวกเจ้าไปอีกหรือ?”
หวยหลัน สีหน้ามีแต่ความผิดหวัง
ในเมื่อตอนนี้หล่อนทรยศกับเมืองหวยเฉิง ก็มีแต่ตายสถานเดียว
เจ้าเมืองหวยเฉิงอยู่ในระดับไหน หล่อนเป็นเพียงกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์ให้เจ้าเมืองหวยเฉิง รู้เรื่องดีกว่าคนอื่นมากมาย
หวยหลัน มองไปที่เจ้าเมืองอีกครั้งหนึ่ง แล้วทันทีนั้นก็กระโดดลงน้ำไป
และแล้ว บนผิวแม่น้ำหวยเหอ
ลมเรียบคลื่นสงบ คงเหลือแต่เรือลำน้อยลำหนึ่ง
บนเรือมีคนหาปลาใส่หมวกไม้ไผ่สานคนหนึ่ง อีกหนึ่งคือเจ้าเมืองหวยเฉิงยืนเอามือไพล่หลัง
ในเวลานั้นเอง ในน้ำเกิดเสียงขลุกขลักขลุกขลักแว่วมาในทันใดนั้น
“อื๋อม์?”
เจ้าเมืองหวยเฉิงขมวดคิ้ว สายตาจ้องไปที่แม่น้ำ
บริเวณที่มองไปนั้น มีฟองอากาศอยู่เป็นจำนวนมาก ปุดขึ้นจากในน้ำ
ในขณะเดียวกันนั้น
กระแสพลังที่ยังความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวให้กับเขา ค่อย ๆ
ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำ
“บรึม!”
วินาที่ต่อมา เสียงลั่นดังสนั่น เงาหนุ่มน้อยร่างหนึ่ง ทะยานพุ่งขึ้นจากในน้ำ
บนผิวน้ำ เกิดเป็นคลื่นใหญ่ยักษ์
เห็นเงาร่างสองร่าง ปรากฏลอยขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำ ร่างของเหล่าจิ่วกับหวยหลันนั่นเอง
ทั้งสองอยู่ในสภาพสลบหมดสติ แต่ยังไม่ตาย ร่างกายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ดูเหมือนนอนราบอยู่บนพื้นดิน
ส่วนหยางเฉิน ขณะนี้ยืนตระหง่านอยู่บนผิวน้ำ นัยน์ตาแดงก่ำทั้งคู่ เต็มไปด้วยแววบ้าคลั่งของการฆ่า
เจ้าเมืองหวยเฉิงหยีตาลง “มันเป็นไปได้ยังไงนี่?เขามันแค่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นกลางเท่านั้นไม่ใช่หรือ ทำไมฝึกบรรลุพลังแห่งธาตุน้ำมาได้?