The king of War - บทที่ 168 ยังไม่ขอโทษอีก
ภายใต้ความตื่นตกใจของทุกคน หงฝูเดินมาถึงด้านหน้าหยางเฉินด้วยตนเอง ใช้มือทั้งคู่ถือบัตรทองดำยื่นเข้าไปให้ พูดจาด้วยท่าทีเคารพที่สุด “คุณหยาง ท่านผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยครับ เมื่อสักครู่ที่ผมเสียมารยาทไป รู้สึกเสียใจต่อท่านเป็นอย่างยิ่งครับ ขออภัยด้วยนะครับ!”
คาดไม่ถึงว่าหงฝูจะขอโทษแล้ว
แถมยังโค้งตัวเก้าสิบองศาขอโทษด้วย
ฉากนี้ทำเอาผู้คนตกตะลึงไป และทำให้พวกเขารู้ว่าบัตรทองดำของหยางเฉินเป็นของจริง
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
หยวนเซ่าหน้าตาตกตะลึงพรึงเพริด “นี่เป็นไปไม่ได้! จะต้องเป็นพวกคุณเข้าใจผิดแล้ว! ลูกเขยแต่งเข้าบ้านของตระกูลรั้งท้ายแห่งหนึ่ง เป็นไปได้ยังไงที่จะมีบัตรทองดำ?”
“นี่นายกำลังสงสัยตระกูลเมิ่งอยู่?”
บนหน้าหงฝูเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ เพราะหยวนเซ่าเกือบทำให้เขาสูญเสียลูกค้าคุณภาพสูงคนหนึ่งไป
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้สงสัย!”
ชั่วขณะนั้นหยวนเซ่าตกใจยกใหญ่ จากนั้นถึงสำนึกได้ว่าตนเองพูดผิดไปแล้ว
“ไอ้สารเลว ยังไม่รีบขอโทษคุณหงอีก!”
เวลานี้หยวนมู่เดินเข้ามาแล้ว ตบบนหน้าของหยวนเซ่าทีหนึ่ง พูดจาเดือดดาล
หงฝูทำเสียงฮึดฮัด “ไม่ใช่ขอโทษฉัน แต่ว่าขอโทษคุณหยาง!” พอหงฝูพูดประโยคนี้ออกไป สีหน้าหยวนเซ่าดูแย่ถึงขั้นสุด
ให้เขาขอโทษกับหงฝู เขายังพอรับได้ แต่ให้เขาไปขอโทษกับลูกเขยสวะคนหนึ่ง ถึงแม้จะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีบัตรทองดำ เขาก็ทำไม่ได้
“คุณหง เขาก็แค่ลูกเขยตระกูลเล็กๆ ที่ใกล้จะล้มละลายคนหนึ่ง เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีบัตรทองดำ? ต่อให้มี ก็ต้องเป็นเขาไปขโมยมา คุณหงอย่าโดนเจ้าหนุ่มนี้หลอกเชียวนะ”
หยวนเซ่ากัดฟันพูด จ้องหยางเฉินด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยความร้ายกาจ
พอได้ยิน หงฝูขมวดคิ้วแล้ว เห็นได้ชัดว่าสงสัยอยู่บ้าง
เวลานี้เจ้าหน้าที่คนก่อนหน้านี้ที่ไปตรวจสอบเงินคนนั้นรีบเดินเข้ามาทันที พูดกระซิบที่ข้างหูของหงฝู “เป็นชื่อสกุลของเจ้าตัวคุณหยางเอง!”
หลังจากแน่ใจว่าเป็นของหยางเฉินเอง สีหน้าหงฝูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เขาเข้าใจดี ตนเองสงสัยในตัวหยางเฉินถึงสองครั้งติดกัน ต้องลดระดับความรู้สึกดีที่หยางเฉินมีต่อเขาลงมากเป็นแน่
อยากจะลบความไม่พอใจของหยางเฉินทิ้งไป เขาทำได้เพียงทำเรื่องบางอย่างที่มีประโยชน์ต่อหยางเฉินขึ้นมา
แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้พุ่งเป้าไปยังหยวนเซ่า ทันใดนั้นก็มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น “คุณหงครับ ผมคิดว่าพี่เซ่าไม่ได้ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องอะไรเลย”
ในที่สุดเฉินอิงจวิ้นก้าวออกมา หยวนเซ่าผิดใจหงฝูเพราะเขา ถ้าเวลานี้เขายังแสร้งทำเป็นวายร้าย ผ่านวันนี้ไป เกรงว่าหยวนมู่และหยวนเซ่าคงไม่คบหาเขาอีกต่อไป
“เฉินอิงจวิ้น!”
ซูซานทำหน้าโกรธเคือง สายตาที่มองทางเขาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
หงฝูไม่ได้รีบร้อนพูดจา เพียงแต่ในแววตาลึกมีความโกรธระดับหนึ่ง ในเมื่อยังมีคนอยากกระโดดออกมาอีก อย่างนั้นรอให้พวกเขากระโดดออกมาเอง ปลามากแล้วค่อยยกแห แบบนี้จะไม่ยิ่งดีกว่าเหรอ?
“นายอยากพูดอะไร?”
หงฝูถามด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“คุณหงครับ เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานประมูลในคืนนี้จริงๆ พูดไปแล้วเขายังโด่งดังที่เมืองเจียงโจวมากอีกด้วย”
เฉินอิงจวิ้นฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ พูดแบบหน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง “ห้าปีก่อน เจ้าหมอนี่ยังเป็นแค่ยามกระจอกคนหนึ่ง ผลปรากฏว่ากลับไปมีอะไรกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจวเข้า โดยเฉพาะเจ้าหมอนี่ยังแต่งงานเข้าบ้านผู้หญิงด้วย”
“ที่อยู่ในงานส่วนมากคือคนเมืองเจียงโจว ถ้าคุณหงไม่เชื่อคำพูดของผม สามารถถามใครดูเลยก็ได้ ผมคิดว่าคนเมืองเจียงโจวน่าจะไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้ดีมั้ง?”
“ฉันนึกขึ้นได้แล้ว ห้าปีก่อนมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงด้วย นึกไม่ถึงวันนี้พวกเราจะได้มาเห็นเจ้าตัวเข้าจริงๆ”
“ว่ากันว่าตระกูลที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่เป็นตระกูลฉิน ช่วงก่อนหน้านี้ไปล่วงเกินบุคคลยิ่งใหญ่ ผลสุดท้ายเกือบโดนฆ่ายกครัว”
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ตระกูลฉินน่าจะใกล้ล้มละลายแล้ว ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงของตระกูลเล็กๆ แบบนี้ ไม่มีทางครอบครองบัตรทองดำได้แน่นอน”
……
คำพูดของเฉินอิงจวิ้นเพิ่งจบลง มีเจ้านายใหญ่ของเมืองเจียงโจวหลายคนจำเรื่องนี้ขึ้นมาได้แม่นทันที
ในใจหงฝูตกใจพอสมควรเช่นกัน เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงบุคคลใหญ่โตที่แกล้งทำตัวอ่อนแอเพื่อจู่โจมทีหลัง ตอนนี้ดูแล้วหยางเฉินยังมีชื่อเสียงไปไกล เพียงแต่เป็นชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร
แต่นี่ไม่ได้เปลี่ยนความเคารพที่หงฝูมีต่อหยางเฉิน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร บัตรทองดำคือของจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลายเซ็นยังเป็นของเจ้าตัวหยางเฉิน
การที่สามารถทำให้ธนาคารสากลเชื้อเชิญจัดการทำบัตรทองดำด้วยตนเองได้ จะเป็นคนธรรมดาได้เหรอ?
หยางเฉินยังคงนั่งอยู่ที่นั่น เหมือนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาทั้งนั้น
“ใช่แล้ว นายชื่ออะไรนะ?”
รอผู้คนสงบลงมาหมดแล้ว ทันใดนั้นหงฝูมองทางเฉินอิงจวิ้นแล้วถามขึ้น
ชั่วขณะนั้นเฉินอิงจวิ้นดีใจ คิดว่าคำพูดของตนเองทำให้หงฝูพอใจมาก รีบเอ่ยปากบอกทันที “คุณหยางครับ ผมชื่อเฉินอิงจวิ้น เป็นคนของตระกูลเฉินแห่งเมืองโจวเฉิงครับ เฉินซิงไห่คือปู่ผมครับ!”
“นายล่ะ?”
หงฝูถามไปทางหยวนเซ่าอีก
หยวนเซ่าก็ดีใจยกใหญ่ คิดว่าตนเองเปิดโปงสถานะของหยางเฉินสำเร็จ จึงรีบบอกไป “ผมชื่อหยวนเซ่าครับ เป็นคนของตระกูลหยวนแห่งเมืองเฉิงโจว”
“ยังมีนายอีกล่ะ?”
หงฝูมองไปทางอีกคนหนึ่งต่อ
“คุณหงครับ ผมชื่อหลิวจื้อครับ คนตระกูลหลิวแห่งเมืองชาง!”
……
หงฝูถามติดกันไปถึงห้าคน นอกจากเฉินอิงจวิ้น หยวนมู่ และอีกสามคนล้วนเป็นคนที่เพิ่งเหยียดหยามหยางเฉินเมื่อสักครู่
“หลายคนเมื่อกี้นี้ นายจำได้หมดแล้วสินะ?”
หงฝูมองทางผู้ช่วยที่ด้านหลังแล้วถามขึ้นทันใด
ผู้ช่วยรีบพยักหน้าทันที “คุณหงครับ จำได้หมดแล้วครับ!”
“ตั้งวันนี้เป็นต้นไป ขอเพียงเป็นงานประมูลที่ให้ฉันเป็นคนจัดการ ห้าคนนี้ ห้ามเข้างานทั้งหมด!”
หงฝูยังคงทำท่าทางนิ่งเฉยแบบนั้น จากนั้นพูดกำชับกับผู้ช่วย
“ครับ คุณหง!” ผู้ช่วยรีบรับปากทันที
ทุกคนล้วนท่าทางอึ้งทึ่ง แม้กระทั่งยังมีคนสงสัยว่าตนเองฟังผิดไปหรือไม่
“พวกคุณยังไม่ไสหัวออกไปอีก ฟังคำพูดของคุณหงไม่เข้าใจเหรอ?”
ผู้ช่วยมองเฉินอิงจวิ้นและอีกหลายคนด้วยหน้าตาหนาวเหน็บพลางตะโกนใส่
จนถึงวินาทีนี้ คนเหล่านั้นถึงมั่นใจว่าตนเองฟังไม่ผิด สายตาที่แต่ละคนมองทางหยางเฉินเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
พวกเขาไม่เข้าใจกันจริงๆ เพื่อลูกเขยสวะของตระกูลอับจนแห่งหนึ่งแล้ว ทำไมหงฝูถึงได้ปฏิเสธคนของตระกูลร่ำรวยชั้นนำห้าคนเข้างาน
“คุณหงครับ ท่านเข้าใจผิดหรือเปล่า? คนที่ควรไสหัวออกไปคือเขา!”
ชั่วขณะนั้นเฉินอิงจวิ้นโมโหเดือดดาล ยื่นมือชี้หน้าหยางเฉิน
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอเพียงเป็นงานประมูลที่ฉันรับผิดชอบหลัก คนของตระกูลเฉินแห่งเมืองเจียงโจวล้วนห้ามเข้างาน!” สายตาหงฝูเผยแสงเย็นเฉียบ
พอได้ยินดังนั้น เฉินอิงจวิ้นหน้าตาเซ่อซ่า การที่สามารถเข้าร่วมงานประมูลที่หงฝูรับผิดชอบ ไม่เพียงแค่งานประมูลงานหนึ่ง แต่ยังมีเครือข่ายนับไม่ถ้วน อีกทั้งตำแหน่งและสัญลักษณ์ด้วย
และเขาถูกส่งมาเข้าร่วมงานประมูล เป็นเพราะตระกูลเฉินเห็นความสำคัญต่อเขา อยากจะอบรมเขา
แต่ปัจจุบันนี้กลับเพราะเขา วันหลังทั้งตระกูลเฉินล้วนไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานประมูลที่หงฝูรับผิดชอบอีก
เฉินอิงจวิ้นหน้าหมดอาลัยตายอยาก
“คุณหงครับ ผมผิดไปแล้ว ขอให้ท่านถอนคำสั่งเมื่อสักครู่ด้วยครับ ผมรู้ว่าผิดจริงๆ แล้วครับ”
พอเฉินอิงจวิ้นนึกทุกอย่างที่ต้องเผชิญหน้าหลังจากกลับไปถึงตระกูล เขาจึงรีบวิงวอนขึ้นมา
“คุณหงเป็นใครกัน? แต่ไหนแต่ไรเป็นคนพูดหนักแน่นคำไหนคำนั้น ถอนคำพูดของตัวเองคืนได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“ลูกหลานตระกูลเฉินคนนี้เป็นพวกโง่เง่า ตอนที่เขาเหยียดหยามชายหนุ่มคนนั้นในครั้งแรก คุณหงก็ไม่พอใจมากแล้ว นึกไม่ถึงเขายังกล้าเถียงอีกด้วย”