The king of War - บทที่ 1687 เป้าหมายที่แท้จริง
บทที่ 1687 เป้าหมายที่แท้จริง
เห็นเพียงรถบรรทุกหลายคันมาจอดขวางอยู่ตรงกลางถนน รถธุรกิจของหยางเฉินเขาผ่านไปไม่ได้
ตรงหน้ารถของพวกเขา มีเงาหนึ่งที่คุ้นเคยยืนอยู่ นั่นก็คือมู่ฮว๋าที่ก่อนหน้านี้เคยตามติดติงชาง เพื่อไล่ฆ่าพวกหยางเฉิน
เพียงแต่ ตอนนี้ที่มาขวางอยู่ตรงหน้ารถของพวกเขา
และรถบรรทุกอีกหลายคน ภายในรถบรรทุกแต่ละคัน ก็มีเพียงแค่คนขับรถเท่านั้น
มีเพียงแค่มู่ฮว๋าคนเดียว
ดูสถานการณ์แล้ว ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับพวกหยางเฉิน
เหล่าจิ่วมองไปที่หวยหลันแล้วพูดว่า “อยู่บนรถห้ามออกไปเด็ดขาด ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น เธอก็รีบกลับรถขับออกไปทันที”
หวยหลันหันไปมองหยางเฉินที่ยังเจ็บปวดจากการถูกดูดจิตอยู่ด้วยสีหน้าลำบากใจ
เหล่าจิ่วจึงพูดว่า “ฉันตายได้ แต่เขาห้ามตาย
เข้าใจมั้ย?”
หวยหลันรีบตอบกลับว่า “ค่ะ!”
เหล่าจิ่วจึงได้ลงจากรถ แล้วเดินไปหามู่ฮว๋า
เหล่าจิ่วจ้องมู่ฮว๋าอย่างเย็นชาและพูดว่า “ตอนนี้คุณไม่คิดจะยอมแพ้แล้วหรือครับ?”
มู่ฮว๋าส่ายหัวยิ้มๆ “นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันมารอพวกนายที่นี่ ก็เพื่ออยากจะมาเชิญพวกนายไปบ้านตระกูลมู่ของพวกเราสักหน่อย”
เหล่าจิ่วยิ้มเยาะ
แต่เป็นการบังคับข่มขู่มั้งครับ? ถ้าหากว่าพวกเราไปบ้านตระกูลมู่ของคุณจริงๆ แล้วยังจะสามารถมีชีวิตรอดออกมาได้มั้ยครับ?”
“ผมว่า ไม่น่าจะใช่การเชิญ
มู่ฮว๋าพูด
“นายเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ถ้าหากว่าพวกเราไม่คิดจะหยุดจริงๆ แล้วจะปล่อยให้ฉันมาขวางพวกนายไว้คนเดียวงั้นหรอ? เพียงแค่ฉันคนเดียว อาจจะสู้ไม่ได้แม้กระทั่งเจ้าหนุ่มคนนั้นด้วยซ้ำ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายที่แข็งแกร่งมากกว่าเลย”
“ตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงยังไล่ตามฆ่าพวกนายอยู่ แล้วเมื่อกี้พวกนายก็ถูกติงชางขวางไว้นานขนาดนั้น คาดว่าผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงน่าจะใกล้ตามมาถึงแล้วละ”
“สิ่งที่ฉันบอกกับพวกนายได้ก็คือ
พวกนายไม่มีทางหนีรอดพ้นจากหุบเขา 5 นิ้ว ของจวนเมืองหวยเฉิงได้แน่นอน อำนาจของจวนเมืองหวยเฉิงยิ่งใหญ่มาก เพียงแค่ออกคำสั่ง
ก็มีผู้เก่งกาจระดับต้นนับไม่ถ้วนไล่ฆ่าพวกนาย”
“ตอนนี้ สนามบินและสถานีรถไฟของเมืองระแวงใกล้เคียง ผู้แข็งแกร่งระดับต้นในแต่ละทิศทางต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในนั้น
หากพวกนายต้องการจะจากไปโดยการนั่งเครื่องบินหรือนั่งรถไฟ ล้วนไม่มีหวังทั้งนั้น แล้วผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงสามารถไล่ฆ่าพวกนายได้โดยทุกวิถีการเดินทาง พวกนายคิดว่า
พวกนายจะสามารถหนีพ้นได้มั้ย?”
สีหน้าของเหล่าจิ่วเคร่งขรึมขึ้นมาทันที หรี่ตาจ้องมู่ฮว๋าแล้วพูดว่า “ฟังที่คุณพูดแล้ว พวกเราไม่มีทางที่จะได้มีชีวิตรอดจากไป?”
มู่ฮว๋ายิ้ม “ถ้าหากว่าพวกนายยินดีที่จะไปบ้านตระกูลมู่ของเรา
พวกเรายินดีที่จะช่วยพวกนายเลี่ยงการถูกไล่ฆ่าได้ชั่วคราว เมื่อรอให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว พวกนายค่อยจากไป
พวกเราจะไม่ขัดขวางอย่างแน่นอน”
เหล่าจิ่วพูดว่า “ผมไม่เชื่อใจคุณ!”
มู่ฮว๋ายิ้ม จากนั้นก็โบกมือให้กับทางรบรรทุกพวกนั้น
ไม่นาน รถบรรทุกที่เดิมทีจอดขวางทางไว้ ต่างก็ขับออก
มู่ฮว๋ามองเหล่าจิ่วแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้
อย่างนั้นฉันก็จะไม่บังคับ พวกนายไปเถอะ!นายวางใจได้ ตระกูลมู่ของเราจะไม่ไล่ฆ่าพวกนายอีกแน่นอน
และก็จะไม่เผยแพร่การเคลื่อนไหวของพวกนายด้วย”
เหล่าจิ่วไม่ได้พูดอะไร สายตาจับจ้องมู่ฮว๋า ในเวลานี้ภายในใจของเขาเองก็มีความลังเลเล็กน้อย
เหมือนอย่างที่มู่ฮว๋าพูด ผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงสามารถไล่ฆ่าพวกเขาได้โดยทุกวิถีการเดินทาง ส่วนพวกเขากลับทำได้แค่เดินทางจากไปโดยรถยนต์เท่านั้น
และเมืองระแวงใกล้เคียงต่างก็มีผู้เก่งกาจระดับต้นอยู่ ในตอนนี้ต่างก็กำลังไล่ฆ่าพวกหยางเฉิน หากพวกเขาคิดอยากจะจากไปโดยปลอดภัย คงจะยากมาก
เหมือนดั่งติงชางคนก่อนหน้านี้ก็แข็งแกร่งมากแล้ว และนี่ก็เป็นเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น แล้วถ้าหากว่ารวมกับตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเขาด้วยละ?
ในขณะนี้เอง
เงาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ก็ได้เดินลงจากรถธุรกิจที่อยู่ด้านหลังเหล่าจิ่ว มองไปยังมู่ฮว๋าแล้วพูดว่า
“ในเมื่อท่านมู่เชิญ งั้นเราก็ไปบ้านตระกูลมู่กันสักหน่อย”
“หยางเฉิน!”
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินเดินลงจากรถ
เหล่าจิ่วก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เมื่อครู่นี้ หยางเฉินยังเจ็บปวดทรมานจากการถูกดูดจิตอย่างหนักอยู่เลย ใช้เวลาเร็วขาดนี้
หยางเฉินก็หายแล้วงั้นหรอ?
ครั้งก่อนที่หยางเฉินสู้กับการถูกดูดจิต ใช้เวลานานมากถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม แต่ครั้งนี้ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เพียงแต่ สีหน้าของหยางเฉินก็ยังมีความซีดเซียว
หันไปมองทางมู่ฮว๋าแล้วพูดว่า “ท่านมู่ นำทางเถอะครับ!”
เขาพยักหน้าให้กับเหล่าจิ่วเล็กน้อย
มู่ฮว๋ามองหยางเฉินอย่างลึกซึ้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สมแล้วที่เป็นเจ้าหนุ่มที่แม้แต่เจ้าเมืองหวยเฉิงยังกลัว ช่างมีความกล้าหาญ!”
มู่ฮว๋าขึ้นไปนั่งบนรถของพวกหยางเฉิน
แล้วชี้นำทางด้านหน้า พูดว่า
“ถนนทางด้านหน้า เลี้ยวซ้าย”
เหล่าจิ่วสีหน้าเคร่งขรึม ขณะเดียวกันก็ยังสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างระแวดระวัง
ต่างจากหยางเฉิน ที่ดูนิ่งเฉย นั่งอยู่ตำแหน่งอย่างเงียบสงบ เพียงแต่พลังบู๊ในตัวของเขาไม่สงบเลย
เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ
เหล่าจิ่วเหลือบมองหยางเฉินอย่างเป็นห่วง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหยางเฉินเป็นอะไร แต่เขารู้ดีว่าสถานการณ์ของหยางเฉินในตอนนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับการใช้ของอาถรรพ์ต่อกรกับการดูดจิตอย่างแน่นอน
บางที เมื่อครู่ที่หยางเฉินเดินลงรถ อาจจะพยายามบังคับตัวจากการที่ของอาถรรพ์ดูดจิต และตอนนี้ก็ยังต่อกรกับการดูดจิตอยู่
มู่ฮว๋าที่นั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับรถ ถึงแม้จะไม่สามารถหันกลับไปมองอย่างโจ่งแจ้งได้ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ว่าพลังในตัวของหยางเฉินไม่มั่นคงอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปยี่สิบนาที
บนป้ายมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า “จวนตระกูลมู่”
รถขับมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์แห่งหนึ่ง หน้าประตูคฤหาสน์ยังมีป้ายทองป้ายหนึ่ง
ภายในใจเหล่าจิ่วแอบตะลึงเล็กน้อย แล้วถึงคิดได้ว่า มู่ฮว๋าคนนี้ เป็นคนของตระกูลมู่จากจวนเจ้าเมืองซ่านเฉิง
รถเพิ่งขับมาถึงหน้าประตู ก็ถูกผู้อารักขาสองคนขวางไว้
กระจกรถตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับค่อยๆเลื่อนลง ใบหน้าของมู่ฮว๋าปรากฏต่อสายตาของผู้อารักขาทั้งสองคน
“ผู้อาวุโสฮั๋ว!”
เมื่อเห็นมู่ฮว๋า ผู้อารักขาทั้งสองคนก็รีบโค้งคำนับ ในสายตาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
ครั้งนี้ ไม่มีการขัดขวางใดๆอีก แล้วรถก็ขับเข้าจวนตระกูลมู่ได้อย่างราบรื่น
ภายใต้การชี้นำของมู่ฮว๋า ไม่นาน รถก็จอดลงตรงหน้าคฤหาสน์หรูหราหลังหนึ่ง
“ถึงแล้วละ!”
มู่ฮว๋าพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหวยหลันจอดลงแล้ว เหล่าจิ่วและหยางเฉินก็ลงจากรถ
ในเวลานี้ สีหน้าของหยางเฉินดูดีขึ้นบ้างแล้ว
เห็นได้ชัดว่าของอาถรรพ์ของการดูดจิตยังไม่หายไปทั้งหมด
แต่พลังในตัว ก็ยังไม่มั่นคงเหมือนเดิม
“ทุกท่าน เชิญด้านใน!”
มู่ฮว๋าพูดด้วยรอยยิ้ม
ไม่นาน ทุกคนก็เข้าสู่ด้านในคฤหาสน์หลังนี้
เพิ่งเข้าไปยังคฤหาสน์ ก็เห็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็น ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าของทุกคน
“ท่านเจ้าเมืองครับ เชิญแขกสำคัญมาให้ท่านแล้วครับ!”
มู่ฮว๋าไปยังตรงหน้าของผู้อาวุโสท่านนั้น โค้งคำนับเล็กน้อยและพูด
พูดจบ มู่ฮว๋าก็ยิ้มหันมามองทางหยางเฉินและพูดว่า “ท่านนี้คือท่านเจ้าเมืองแห่งเมืองซ่านเฉิงของเรา เจ้าเมืองมู่”
พวกหยางเฉินทั้งหลายต่างก็หันไปมองเจ้าเมืองมู่
เจ้าเมืองมู่ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า “ขออภัยด้วย ขาของฉันไม่สะดวก ไม่สามารถลุกขึ้นต้อนรับได้ ถ้าหากว่าดูเป็นการไม่ให้เกียรติแขกสำคัญทั้งหลาย
ก็ขอให้แขกสำคัญทั้งหลายให้อภัยกันด้วย”
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเมืองมู่พูดเกินไปแล้วครับ!”
เขาไม่คาดคิดเลยว่า เจ้าเมืองมู่จะเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็น และก็ไม่คาดคิดว่า เจ้าเมืองมู่จะให้เกียรติกันมากขนาดนี้
เหล่าจิ่วยื่นอยู่ด้านหลังของหยางเฉินอย่างระแวดระวัง
ไม่กล้าที่จะประมาทสักนิด ยังไงซะที่นี่ก็เป็นถิ่นของคนอื่น จนถึงตอนนี้
เขายังไม่เข้าใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของจวนมู่ที่พาพวกเขามายังที่แห่งนี้เลย