The king of War - บทที่ 1693 คนขับรถคนดี
บทที่ 1693 คนขับรถคนดี
เมื่อเฝิงเสียวหว่านได้รับสายของหยางเฉินแล้ว ก็รีบไปสนามบินทันที ที่โชคดีก็คือ อีกครึ่งชั่วโมงมีตารางบินจากเมืองเยี่ยนตูไปยังเมืองซ่านเฉิงพอดี
“ตารางบินเวลาบ่ายโมง ประมาณอีกสามชั่วโมงครึ่งก็น่าจะถึงเมืองซ่านเฉิงแล้ว”
สนามบินนานาชาติเยี่ยนตู เฝิงเสียวหว่านมองดูเวลา พูดด้วยรอยยิ้ม
สามารถช่วยเหลือหยางเฉินได้ เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
หยางเฉินที่อยู่ในเมืองซ่านเฉิงเองก็ได้รับข้อความที่เฝิงเสียวหว่านส่งมาให้ จึงรู้สึกโล่งใจขึ้น
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว ระยะเวลาที่เฝิงเสียวหว่านจะมาถึงสนามบินซ่านเฉิง เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
หยางเฉินเอาแต่รู้สึกกระวนกระวายใจ แล้วจู่ๆก็ลุกขึ้นยืน เอ่ยปากพูดว่า “ฉันเป็นห่วงเสียวหว่าน ฉันต้องไปรับเธอที่สนามบินด้วยตัวเอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเหล่าจิ่วและหวยหลันต่างก็ตกใจ
หวยหลันพูดว่า “พี่หยาง ตอนนี้พี่ห้ามแสดงตัวเด็ดขาดเลยนะ!พวกเราอยู่ที่จวนมู่ คนอื่นยังมีความหวาดระแวงอยู่บ้าง แต่ถ้าหากออกจากจวนมู่แล้ว คนพวกนั้นต้องไม่มีความกังวลใดๆอีกแน่นอน ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่จะนำพาความอันตรายมาให้กับพี่ แล้วยังนำพาอันตรายไปให้กับเสียวหว่านอีกด้วยนะคะ!”
เหล่าจิ่วเองก็พูดเสียงเข้มว่า “หวยหลันพูดถูก คนของจวนเมืองหวยเฉิงเคยมาหาพวกเราที่จวนมู่แล้ว จะต้องมั่นใจแล้วว่าพวกเราอยู่ที่จวนมู่แน่นอน และคงจะจัดเตรียมผู้แข็งแกร่งชั้นยอดคอยจับตามองไว้แล้วแน่นอน ถ้าหากนายออกไปจะต้องถูกจับได้แน่นอน”
หยางเฉินพูดว่า “เป็นเพราะจวนมู่ได้ถูกคนจับตามองไว้แล้วนั่นแหละ ฉันถึงจะออกไป ไม่อย่างนั้นถ้าผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ออกไปจากจวนมู่แล้ว ต้องดึงดูดความสนใจจากจวนเมืองหวยเฉิงและตระกูลติงแน่นอน เมื่อพวกเขารับตัวเสียวหว่านแล้ว เสียวหว่านก็จะยิ่งเสี่ยงอันตรายมากขึ้นไปอีก”
เมื่อได้ฟังคำพูดของหยางเฉินแล้ว เหล่าจิ่วก็นิ่งเงียบในทันที
หวยหลันพูดด้วยสีหน้ากังวล “แต่ว่า พี่ถึงจะเป็นคนที่ถูกพวกมันจับตามอง หากพี่จากไป ถึงจะอันตรายมากกว่าสิ!พี่หยาง ไม่ก็ ให้เสียวหว่านมาที่จวนมู่เอง?อย่างนี้แล้วเป้าหมายก็เล็กลง ผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงและตระกูลติง จะต้องไม่ได้สนใจเสียวหว่านแน่นอน”
หยางเฉินส่ายหัว “ไม่ได้!ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ กลัวว่าคนรอบข้างของฉัน คงจะถูกผู้แข็งแกร่งต่างๆจับจ้องไว้แล้ว เสียวหว่านออกจากเยี่ยนตูมา ไม่แน่ก็อาจจะถูกจับตามองไว้แล้วก็ได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุด”
ไม่ว่ายังไง เฝิงเสียวหว่านก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เขาไม่อยากให้เด้กสาวที่บริสุทธิ์คนนี้ได้รับความลำบากใดๆสักนิด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันไปกับนาย!”
จู่ๆเหล่าจิ่วก็เอ่ยปากพูด
หยางเฉินส่ายหัว “ท่านเก้า ผมจะหาวิธีแอบออกไป ยิ่งคนเยอะ เป้าหมายก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น ผมปลอมตัวสักหน่อย จากนั้นก็ออกไป ไม่น่าจะถูกจับได้”
เมื่อเหล่าจิ่วลังเลสักพักแล้วก็พยักหน้า พูดว่า “โอเค นายไปเถอะ!”
หวยหลันร้อนรนขึ้นมาทันที “ท่านเก้าคะ ทำไมคุณถึงได้ตอบตกลงให้พี่หยางออกจากจวนมู่ละ? สถานการณ์ของพี่หยางในตอนนี้อันตรายมากนะคะ ตระกูลติงฉันไม่รู้เท่าไหร่นัก แต่กำลังของจวนเมืองหวยเฉิง ฉันรู้ดีมาก ถ้าหากว่าพวกเขาจับจ้องจวนมู่แล้วจริงๆ ไม่ว่าใครออกจากจวนมู่ ก็ล้วนต้องถูกพวกเขาจับตามองไว้ค่ะ”
เหล่าจิ่วพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “เธอคิดว่า ถ้าฉันขัดขวางไว้ หยางเฉินก็จะไม่ไปแล้วงั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวยหลันก็เงียบไปทันที ตั้งแต่ที่รู้จักกับหยางเฉินมา หยางเฉินเป็นคนยังไง เธอก็ยังพอรู้ดีอยู่บ้าง
หยางเฉินยิ้มให้กับทั้งสองคน “สบายใจได้ ฉันไม่เป็นอะไรแน่นอน!”
พูดจบ เขาก็หันหลังจากไป
เหล่าจิ่วและหวยหลันมองูแผ่นหลังที่จากไปของหยางเฉิน ในสายตาของทั้งสองคนล้วนเต็มไปด้วยความกังวล
หยางเฉินเพิ่งออกมาจากจวนมู่ ก็สังเกตเห็นว่ามีคนคอยจับตามองตัวเองอยู่ แต่ว่าเขาปลอมตัวไว้แล้ว นอกจากความอ้วนความสูงที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ สิ่งอื่นๆล้วนไม่สามารถดูออก ว่าเขาคือหยางเฉิน
เขาทำเหมือนกับไม่รู้สึกตัวว่าด้านหลังมีคนคอยสะกดรอยตามอยู่ แต่กลับเดินออกจากจวนมู่อย่างเฉิดฉาย
การปลอมตัวของเขาถือว่าใช้ได้ผลมากทีเดียว หลังจากที่ออกมาจากจวนมู่แล้ว มีเพียงคนเดียวที่สะกดรอยตามเขา ดูจากพลังอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวของอีกฝ่ายแล้ว อีกฝ่ายน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม
เห็นได้ชัด ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สงสัยในตัวเขา เพราะถ้าหากสงสัยในตัวเขาจริงๆ จะต้องไม่ใช่แค่ส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามมาสะกดรอยตามเขาเท่านั้นแน่นอน
คนๆนี้น่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้แข็งแกร่งที่จับตามองจวนมู่ไว้ เพียงแค่เป็นคนที่ออกจากจวนมู่ น่าจะมีคนคอยจับตามองทั้งหมด เพียงแค่เขาไม่มีการกระทำที่ผิดปกติ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางลงมือกับเขา
อย่างที่คิด อีกฝ่ายแค่คอยสะกดรอยตามเขา ไม่ได้มีการกระทำอื่นๆอีก
เมื่อออกจากจวนมู่แล้ว หยางเฉินก็เรียกรถแท็กซี่ที่ริมถนน แล้วตรงไปที่สนามบิน
ส่วนผู้แข็งแกร่งคนที่คอยสะกดรอยตามเขา ขึ้นรถอาวดี้สีดำคันหนึ่ง คอยตามเขาอยู่ในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกล
หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมา ถ้าหากว่าถูกตามอย่างนี้ตลอดทางไปจนถึงสนามบิน แม้เขาจะไม่อยากถูกเปิดเผยก็คงจะยาก
ถ้าหากว่าข้างกายเขาพาตัวเฝิงเสียวหว่านไว้ด้วย และถูกไล่ฆ่าไปด้วย อย่างนั้นก็ลำบากแน่ละ
“ลุงครับ ผมรีบ รบกวนคุณขับเร็วหน่อยได้มั้ยครับ?”
หยางเฉินพูดจบ ก็ได้เอาเงินสดในตัวออกมาทั้งหมด มีอยู่ประมาณสามพัน แล้วเอายัดให้คนขับรถทั้งหมด
คนขับรถเห็นเงินเยอะมากขนาดนี้ ก็ดีใจทันที หัวเราะยิ้มแย้ม “คุณนั่งให้ดีนะครับ!”
เพิ่งพูดจบ คนขับรถก็เหยียบคันเร่งลงไป แล้วรถก็ได้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
อย่างที่คิด ไม่ว่าไปที่ไหน เงินก็สำคัญมากที่สุด
คนขับรถไม่สนใจไฟแดง เร่งความเร็วรถจนถึงขีดสุด แล้วซอกแซกบนถนนไปมาไม่หยุด
ส่วนรถอาวดี้ด้านหลังที่คอยตามติด ในเวลานี้ก็ได้เพิ่มความเร็วรถถึงขีดสุดเช่นกัน พยายามขับเร่งตามมาอย่างบ้าคลั่ง
ไม่นาน คนขับรถแท็กซี่ก็สังเกตเห็นว่าด้านหลังมีรถคอยขับตาม เขาถึงได้รู้ว่า หยางเฉินไม่ได้รีบ แต่เพราะอยากจะสะบัดรถคันด้านหลังทิ้ง
เขาเหลือบมองไปทางกระจกมองหลัง หัวเราะยิ้มแย้ม “พวกนายอยากจะเล่น ฉันก็จะเล่นด้วย!”
เพิ่งพูดจบ ความเร็วของรถก็เร็วมากขึ้นกว่าเดิมอีก
หลังจากการขับเคลื่อนอย่างชำนาญแล้ว ระยะห่างระหว่างรถอาวดี้ก็ยิ่งอยู่ยิ่งห่างไกลมากขึ้น
หยางเฉินมองคนขับรถแท็กซี่อย่างลึกซึ้ง เอ่ยปากพูดว่า “ลุงฝีมือดีมากจริงๆ!ขอบคุณครับ!”
คนขับรถยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ!”
หลังจากนั้นสิบนาที เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงสนามบินแล้ว คนขับรถก็พูดยิ้มๆว่า “ถ้าหากว่านายคิดอยากจะสะบัดคนด้านหลังทิ้ง ที่ปากทางด้านหน้า ฉันเลี้ยวซ้าย แล้วนายใช้โอกาสนี้ลงรถ จากนั้นฉันค่อยหาวิธีสะบัดพวกเขาทิ้งเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางเฉินก็ดีใจขึ้นมาทันที พูดด้วยสีหน้าขอบคุณว่า “อย่างนั้นก็ขอบคุณมากเลยครับ!”
คนขับรถพูดยิ้มๆว่า “ไม่ต้องเกรงใจ!”
เพิ่งพูดจบ รถก็เร่งความเร็วกะทันหัน ปากทางด้านหน้า สะบัดล้อเลี้ยวขวาเข้าไป
“ลงรถ!”
คนขับรถเหยียบเบรกกะทันหัน แล้วรถก็จอดที่ข้างทางอย่างรวดเร็ว
หยางเฉินรีบเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงจากรถทันที
วินาทีที่เขาเพิ่งลงจากรถแล้ว รถแท็กซี่ก็เร่งความเร็วอย่างกะทันหันอีกครั้ง แล้วขับจากไปทางด้านหน้า
หยางเฉินรีบหลบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ตามมาด้วย เห็นรถอาวดี้สีดำคันนั้น เร่งตามรถแท็กซี่ไป
แล้วหยางเฉินก็รีบเดินไปทางสนามบินอย่างรวดเร็วทันที
เมื่อเขามาถึงที่สนามบิน ก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นสิบห้านาทีพอดี ส่วนตารางบินลงจอดของเฝิงเสียวหว่าน คือเวลาสี่โมงเย็นสิบเจ็ดนาที
เพียงแต่ เขาเพิ่งถึงหน้าประตูรับผู้โดยสาร ก็พบเห็นว่าในกลุ่มผู้คน มีผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์แฝงตัวอยู่หลายสิบคน ที่สำคัญคือ ภายในกลุ่มคนพวกนี้ เขายังเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยด้วยอีกคนหนึ่ง สีหน้าของเขาจึงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที