The king of War - บทที่ 1702 ท่านเจ้าเมืองเรียนเชิญ
ไม่นาน คนจากตระกูลต่างๆที่มายังจวนมู่ ต่างก็กลับกันไปหมด แล้วจวนมู่ก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
จวนมู่ ภายในคฤหาสน์หรูหลังหนึ่ง
มู่ฮว๋ายืนอยู่ตรงหน้าของเจ้าเมืองมู่ พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ท่านเจ้าเมืองครับ จวนเมืองหวยเฉิงคงจะไม่หยุดง่ายๆแน่นอนเลยครับ!”
เจ้าเมืองมู่ยิ้มเยาะ “ถ้าหากจวนเมืองหวยเฉิงคิดว่าจวนมู่ของเรารังแกได้ง่าย อย่างนั้นก็เชิญมาได้เต็มที่ ฉันจะให้พวกมันได้รู้ ว่ากล้ามาทำตัวเหิมเกริมที่จวนมู่มีผลลัพธ์ร้ายแรงแค่ไหน!”
มู่ฮว๋าสีหน้าขมขื่น เมื่อเห็นเจ้าเมืองมู่พูดเช่นนี้แล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
จู่ๆเจ้าเมืองมู่ก็พูดว่า “นายออกไปก่อน!”
“ครับ!”
มู่ฮว๋าจากไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้อง เหลือเพียงแค่เจ้าเมืองมู่ สายตาของเขาคมเข้ม จู่ๆก็พูดว่า “นายไปด้วยตัวเอง ไปฆ่าติงชางทิ้งซะ!”
“ครับ!”
หลังจากเสียงเขาสิ้นสุดลง ผู้แข็งแกร่งเพ้าดำคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมมืด รับคำสั่งแล้วจากไป
ในเวลานี้ ติงอู่ได้พาคนกลับถึงบ้านตระกูลติงแล้ว
ติงอู่พูดด้วยสีหน้าโมโหว่า “ไอ้แก่คนนี้ เก็บเงียบได้ดีจริงๆ มีพลังแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้”
ติงชางที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยปากถามว่า “พี่ว่า เขาแค่กำลังวางมาดตบตาผู้คนอยู่หรือเปล่าครับ?”
ติงอู่ถามว่า “วางมาดตบตาผู้คน? ทำไมคิดเช่นนั้น?”
ติงชางพูดว่า “เจ้าเมืองมู่เป็นถึงคนที่มีฉายาว่า ‘เจ้าเมืองโหดเหี้ยม’ ตอนนั้นที่ขาของเขายังไม่พิการ โหดร้ายมากเพียงใด? ในมืองซ่านเฉิง เรียกได้ว่า ฆ่าทุกคนที่ขวางทาง แต่วันนี้ พวกเราตระกูลเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงมากมายบุกเข้าจวนมู่ เขากลับไม่ฆ่าใครเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ติงอู่ขมวดคิ้ว มองไปทางติงชาง พูดว่า “นายหมายความว่าเขาเองก็ไม่กล้าลงมือกับพวกเรา?”
ติงชางพยักหน้า “ผมสงสัยว่า เขาน่าจะแอบกินยาลับบางอย่าง หรืออาจจะใช้วิธีลับบางอย่าง เพื่อสามารถระเบิดพลังอำนาจเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดได้ ยาลับและวิธีลับพวกนี้ ในเวลาปกติแล้ว ทำได้แค่ช่วยให้ระเบิดพลังอำนาจเท่านั้น พลังอำนาจนี้ มิใช่พลังที่แท้จริงของอีกฝ่าย”
เมื่อฟังคำพูดของติงชางแล้ว ติงอู่ก็ประหลาดใจขึ้นมา “หมายความว่า เจ้าเมืองมู่ในตอนนี้ อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันด้วยซ้ำ แต่ที่วันนี้ปรากฏตัว และแสดงอำนาจแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดออกมา ที่จริงแล้วก็เพื่อวางมาดตบตาผู้คน เพื่อสร้างแรงกดดันให้กับเรา? ทำให้พวกเราเข้าใจผิดว่าพลังของเขาก็ยังอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดอยู่เหมือนเดิม เพื่อข่มขู่ให้เราถอย?”
ติงชางพยักหน้า “แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของผมเท่านั้น ส่วนพลังของเจ้าเมืองมู่ได้ฟื้นคืนกลับมาหรือยัง ไม่ได้มีหลักฐาน”
สีหน้าของติงอู่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง พูดด้วยความแค้นว่า “ในเมื่อมีความเป็นไปได้อย่างนี้ งั้นก็หมายความว่า พวกเรามีโอกาสฆ่าเจ้าเมืองมู่ทิ้งได้ เพียงแค่เขาตายไป หลังจากนี้เมืองซ่านเฉิงก็จะกลายเป็นของตระกูลติง!”
“แล้วถ้าหาก ได้มีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉินมาอีก แม้จะเป็นเจ้าเมืองหวยเฉิง ฉันก็ไม่กลัว!”
ในสายตาของติงชางมีความโหดร้ายปรากฏ มองไปทางติงอู่และพูดว่า “พี่ใหญ่ครับ ตอนนี้ก็ดูแค่พี่แล้วว่าจะพนันสักตั้งมั้ย!ถ้าหากว่าชนะ ก็จะได้ทุกอย่างมา แต่ถ้าหากแพ้พี่ นั่นก็คือวันสิ้นสุด!”
ติงอู่ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับว่ากำลังวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะลงมือจัดการกับเจ้าเมืองมู่
นิ่งเงียบไปสักพัก ติงอู่มองไปทางติงชาง พูดว่า “เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตระกูลติง ให้ฉันคิดวิเคราะห์ก่อน นายไปฝึกฝนก่อนแล้วกัน!”
ติงชางพยักหน้า “ครับ พี่ใหญ่!ไม่ว่าสุดท้ายพี่จะเลือกยังไง ผมก็สนับสนุนพี่!”
พูดจบ ติงชางก็หันหลังจากไป
ติงอู่ยืนอยู่กับที่คนเดียว และยังวิเคราะห์ว่าจะลงมือจัดการกับเจ้าเมืองมู่ดีหรือไม่
แต่ในเวลานี้ พลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวสิ่งหนึ่ง ได้มาลงมาจุติที่บ้านตระกูลติง
ติงอู่สีหน้าเปลี่ยนตกใจ พลังอำนาจบูโดในตัวได้ระเบิดออกทันที ตะคอกว่า “ใคร?”
ส่วนติงชางที่เพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ปล่อยพลังบูโดในตัวออกมาเช่นกัน เขารู้สึกได้ว่า อีกฝ่ายพุ่งเป้ามาที่เขา
“พรุ่บ!”
ในตอนที่ติงชางเพิ่งเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ คมดาบได้สาดส่องในอากาศ คมดาบฟาดฟันผ่านคอติงชาง
ติงชางเบิกตาโพลง สีหน้าสิ้นหวัง สองมือจับรอยดาบที่คอของตัวเองไว้
เพียงแต่ รอยดาบลึกมากเกินไป ไม่สามารถใช้เพียงแค่สองมือปิดไว้มิด เลือดไหลทะลัก ซึมแทรกออกมาจากซอกนิ้วของติงชาง
ร่างกายของติงชางค่อยๆล้มลงกับพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ตายตาไม่หลับ
ส่วนผู้แข็งแกร่งลึกลับคนที่ฆ่าติงชางเมื่อกี้นี้ ได้หายลับไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
“น้องรอง!”
ติงอู่เห็นติงชางล้มลงกับพื้น จึงตะโกนเสียงดังว่า “ลูกน้อง รีบมาช่วยคนเร็ว!รีบมาช่วยคน!”
เพียงแต่ ติงชางได้ถูกดาบฟันเข้าที่หลอดเลือดบนคอขาดแล้ว ถึงแม้ฮัวโต๋จะอยู่บนโลก ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตติงชางไว้ได้
ไม่นาน ข่าวสารที่น่าตกใจก็ได้แพร่กระจายไปทั่วซ่านเฉิง
นักดาบเงาเพชฌฆาตที่ไม่ปรากฏตัวมาแล้วสิบปี จู่ๆก็ปรากฏตัวที่บ้านตระกูลติง และฆ่าติงชางในชั่วพริบตาเดียว
เมื่อข่าวนี้ดังออกไป ตระกูลเศรษฐีที่ตามหวยเจิ่นไปที่จวนมู่ก่อนหน้านี้ แต่ละคนต่างก็หวาดกลัวกันทั้งนั้น
เวลานี้ จวนมู่ ที่พักของพวกหยางเฉิน
“นักดาบเงาเพชฌฆาต!”
หยางเฉินพูดออกมา ในใจเขาเองก็เต็มไปด้วยความตะลึง
ข่าวที่ติงชางถูกฆ่า หวยหลันได้ใช้ความสัมพันธ์ภายนอกรับรู้มาแล้ว
เหล่าจิ่วพูดสีหน้าเป็นกังวลว่า “ติงชางมีพลังแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด บวกกับเคล็ดลับครอบระฆังทองของตระกูลติง เทียบเท่าได้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นแล้ว แต่กลับถูกคนอื่นฟันคอในดาบเดียว พลังของนักดาบเงาเพชฌฆาตคนนี้ อย่างน้อยก็อยู่ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง”
หยางเฉินพยักหน้า “ได้ยินมาว่า พลังของติงอู่เองก็อยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเช่นกัน นักดาบเงาเพชฌฆาตสามารถฆ่าติงชางต่อหน้าติงอู่ได้ในพริบตา เห็นได้ชัดว่ามั่นใจในกำลังของตัวเองอย่างมาก หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าติงอู่ก็ได้”
หวยหลันพูดว่า “นักดาบเงาเพชฌฆาต เป็นผู้แข็งแกร่งในตำนาน เมื่อสิบปีก่อน เขาก็ได้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าแล้ว เพียงแต่เขาไปมาอย่างไร้ร่องรอย จึงไม่มีใครรู้จักตัวตนของเขา แต่มีข่าวลือว่า นักดาบเงาเพชฌฆาตมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเจ้าเมืองมู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางเฉินมีสีหน้าตกใจ พูดว่า “เมื่อกี้ตระกูลติงได้พากลุ่มผู้นำตระกูลเศรษฐีมาจวนมู่ คิดจะบีบบังคับให้เจ้าเมืองมู่ส่งตัวฉันออกไป แต่ปรากฏว่าตอนนี้ ติงชางได้ถูกฆ่าทิ้งไปแล้ว มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเจ้าเมืองมู่กำลังเชือดไก่ให้ลิงดู”
เหล่าจิ่วพูดเสียงเข้มว่า “พวกนี้ล้วนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา ตอนนี้ที่ฉันกังวลก็คือ การตายของติงชาง จะทำให้เรื่องที่นายมีมีดพกอาถรรพ์ถูกเปิดเผยหรือเปล่า”
หยางเฉินเองก็พูดอย่างเป็นกังวลว่า “คงจะไม่หรอกมั้งครับ?”
หวยหลันพูดว่า “มีความเป็นไปได้ นักดาบเงาเพชฌฆาตสามารถฆ่าติงชางในพริบตาต่อหน้าติงอู่ได้อย่างเงียบเชียบ ก็หมายความว่าฝีมือการซ่อนตัวของเขาเก่งกาจมาก ถ้าหากว่าตอนที่ติงอู่และติงชางคุยกันเรื่องมีดพกอาถรรพ์ ถูกอีกฝ่ายได้ยินเข้าละ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าหยางเฉินก็ซีดลง
เขาได้รู้ถึงความสำคัญของมีดพกอาถรรพ์แล้ว ถ้าหากข่าวหลุดออกไป สถานการณ์ของเขาจะต้องอันตรายเป็นอย่างมากแน่นอน
ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ เจ้าเมืองมู่จะยังปฏิบัติต่อเขาอย่างก่อนหน้านี้อีกมั้ย?”
ในเวลานี้เอง มู่ฮว๋าเดินมา พูดกับหยางเฉินว่า “คุณหยางครับ เจ้าเมืองมู่เรียนเชิญครับ!”