The king of War - บทที่ 1705 รับมือกับการทดสอบ
เจ้าเมืองหวยเฉิงมองหวยเจิ่นอย่างเย็นชา พูดว่า “แกคิดว่ามันเป็นแค่คนพอการที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่งจริงๆงั้นหรอ? ถ้าหากว่ามันเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง แล้วจะปราบปรามตระกูลมหาเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงพวกนั้นนานหลายปีแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
“ตอนนั้น เมืองซ่านเฉิง เขาได้มีฉายาที่น่าเกรงขามอย่างมากว่า ‘เจ้าเมืองโหดเหี้ยม’ เชียวนะ”
“ฉายานี้ คนอื่นเป็นคนตั้งให้เขา คนพิการคนหนึ่งที่สามารถถูกคนอื่นเรียกว่าเจ้าเมืองโหดเหี้ยม แกเคยพบเจอมั้ย?”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหวยเจิ่นเปลี่ยนไป มองไปทางเจ้าเมืองหวยเฉิง พูดว่า “ท่านพ่อ พวกนี้ก็แค่อดีต แต่ว่าตอนนี้ เขาก็เป็นค่คนพิการคนหนึ่ง ถึงแม้พลังจะแข็งแกร่งยังไง ก็คงไม่ถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดหรอกมั้งครับ?”
“ตามกำลังของท่านพ่อในตอนนี้แล้ว ถึงระดับบูโดของเขาจะถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอยู่ดี”
ความผิดหวังในสายตาของเจ้าเมืองหวยเฉิงเพิ่มมากยิ่งขึ้น พูดเสียงทุ้มว่า “หวยเจิ่น แกทำให้ฉันผิดหวังอย่างมาก!หากรู้ว่าแกธรรมดาแบบนี้แต่แรก ฉันคงไม่ปล่อยให้แกเป็นผู้สืบทอดจวนเมืองหวยเฉิงแล้ว”
จนกระทั่งตอนนี้ หวยเจิ่นเพิ่งรู้ว่าตัวเองพูดจาผิดไป แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีเสียงดัง “ฟุ่บ” คุกเข่าลงกับพื้น
หวยเจิ่นพูดด้วยความหวาดกลัวอย่างมาก “ท่านพ่อ ขออภัยครับ ผมผิดไปแล้ว!ได้โปรกท่านเห็นแก่ที่ผมตั้งใจทำเพื่อจวนเมืองหวยเฉิงเช่นนี้ ให้โอกาสกับผมอีกสักครั้ง ผมรับประกันว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ!”
เขารู้ดีว่าเพียงคำพูดเดียวของเจ้าเมืองหวยเฉิง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตหลังจากนี้ของเขาได้
เจ้าเมืองหวยเฉิงพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ลุกขึ้นพูด!”
หวยเจิ่นไม่กล้าขัดคำสั่ง จึงรีบลุกขึ้น “ครับ ท่านพ่อ!”
เจ้าเมืองหวยเฉิงมือไขว้หลัง ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง สายตามองออกไปด้านนอก พูดเสียงทุ้มว่า “ตอนนั้น เจ้าเมืองมู่ก็ได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดแล้ว ในเวลานั้น แม้แต่ฉัน ก็มีพลังเพียงแค่ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายเท่านั้น”
“ตอนนี้ สองขาของเขาพิการ แต่รากฐานบูโดของเขาไม่ได้หายไป ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด พลังของเขาน่าจะยังอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดอยู่เหมือนเดิม”
“ถ้าหากมีวันใดวันหนึ่ง ขาของเขาหายดีแล้ว พลังจะต้องก้าวหน้าเพิ่มขึ้นอีกมากแน่นอน”
หวยเจิ่นถามอย่างระมัดระวังว่า “พลังของเจ้าเมืองมู่ แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือครับ?”
เจ้าเมืองหวยเฉิงพูดว่า “ไม่ใช่เพราะพลังของเขาทำให้ฉันไม่กล้าลงมือจัดการกับจวนมู่ แต่เป็นเพราะจวนมู่ ไม่ได้มีผู้แข็งแกร่งแค่เขาคนนี้คนเดียว”
หวยเจิ่นตกใจขึ้นมาทันที “หรือว่า ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดอยู่ในจวนมู่อีกหรอครับ?”
เจ้าเมืองหวยเฉิงส่ายหัว “ลูกน้องของเจ้าเมืองมู่ มีนักดาบชั้นยอดคนหนึ่ง ฉายานามว่านักดาบเงาเพชฌฆาต ถึงแม้เขาจะมีพลังอยู่แค่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง แต่ว่าดาบในมือ กลับเป็นของอาถรรพ์เล่มหนึ่ง”
Smart address bar. th.readeraz.com The king of War บทที่ 1705 รับมือกับการทดสอบ – th.readeraz
“นักดาบเงาเพชฌฆาตที่มีดาบอาถรรพ์ในครอบครอง ถึงแม้แดนบูโดจะยังไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด แต่ก็ไม่ห่างจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดมากนัก”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหวยเจิ่นก็ตกตะลึง พูดอย่างตกใจว่า “อย่างนี้ก็หมายความว่า จวนมู่มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนหรือครับ?”
เจ้าเมืองหวยเฉิงหันหลังมองไปทางหวยเจิ่น พูดว่า “เพราะเหตุนี้ ฉันถึงไม่ขยายอำนาจไปที่ซ่านเฉิงสักที ไม่อย่างนั้น เพียงแค่เจ้าเมืองมู่เพียงคนเดียว จะมาขัดขวางฉันขยายอำนาจได้งั้นหรอ?”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
หวยเจิ่นรีบตามเข้าไป “ท่านพ่อ ท่านจะไปไหนครับ?”
“จวนมู่!”
ได้ยินคำพูดของเจ้าเมืองหวยเฉิงแล้ว สีหน้าของหวยเจิ่นก็ตกตะลึง
จวนมู่ได้มีผู้แข็งแกร่งที่เทียบเท่าระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนแล้ว แต่เจ้าเมืองหวยเฉิงกลับยังคิดจะไปจวนมู่ คิดจะทำอะไรกัน?
เวลานี้ จวนมู่ ที่พักของพวกหยางเฉิน
หลังจากที่หวยหลันรับสายหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าก็เป็นกังวลอย่างมาก “เมื่อกี้นี้ เจ้าเมืองหวยเฉิงออกมาจากเมืองหวยเฉิงแล้ว มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะมาที่จวนมู่”
“อะไรนะ?”
เหล่าจิ่วมีสีหน้าตกใจ
หยางเฉินเองก็คิ้วขมวดแน่น มองไปที่หวยหลันแล้วถามว่า “มาเพราะฉันงั้นหรอ?”
หวยหลันส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ!”
“แต่ว่าฉันเดา ว่าเจ้าเมืองหวยเฉิงมีความเป็นไปได้อย่างมากว่ามาเพื่อทดสอบพลังของเจ้าเมืองมู่ ถ้าหากว่าพลังของเจ้าเมืองมู่คาดการณ์ไม่ได้จริงๆ แม้แต่เจ้าเมืองหวยเฉิงก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะชนะเจ้าเมืองมู่แล้ว เขาก็น่าจะกลับไปอย่างรวดเร็ว”
“แต่ถ้าหากว่า พลังของเจ้าเมืองมู่ เทียบไม่ได้กับเจ้าเมืองหวยเฉิง เจ้าเมืองหวยเฉิงก็คงจะเอ่ยปากขอตัวพี่ตรงๆเลย”
“ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ ก็ต้องดูว่าจวนมู่ จะสามารถแบกรับแรงกดดันจากเจ้าเมืองหวยเฉิงได้หรือไม่แล้วละ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของหวยหลัน สีหน้าของหยางเฉินและเหล่าจิ่วต่างก็แย่เป็นอย่างมาก
สักพัก หยางเฉินยิ้มขมขื่น “ระดับแดนบูโดของฉัน อยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดเท่านั้น ฉันมีดีอะไร ถึงได้ถูกผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดไล่ฆ่ามากมายเช่นนี้”
เหล่าจิ่วมองไปทางหยางเฉิน พูดว่า “เพราะว่าเจ้าเมืองหวยเฉิงกลัวนาย เขากลัวว่าหากปล่อยนายจากไป ก็คือปล่อยเสือกลับถ้ำ อนาคตจะนำพาอันตรายร้ายแรงมาให้กับเขา”
หวยหลันเองก็พูดว่า “ตามพรสวรรค์ด้านบูโดของพี่หยางแล้ว ถึงแม้จะอยู่ตระกูลบู๊โบราณ ก็เป็นบูโดอัจฉริยะชั้นยอด เจ้าเมืองหวยเฉิงเป็นศัตรูกับพี่ แล้วเขาจะปล่อยให้พี่มีชีวิตรอดไปง่ายๆได้ยังไงกัน?”
เหล่าจิ่วถามว่า “พวกเราต้องบอกข่าวนี้ให้กับเจ้าเมืองมู่มั้ย?”
หวยหลันส่ายหัว “เจ้าเมืองมู่จะต้องรู้เรื่องนี้แล้วแน่นอน สำหรับพวกเราแล้ว ตอนนี้ทำได้แค่ภาวนา ภาวนาขอให้เจ้าเมืองมู่แบกรับแรงกดดันจากเจ้าเมืองหวยเฉิงไหว”
“ถ้าหากเจ้าเมืองมู่รับไม่ไหว พวกเราทำได้แค่สู้กันสักตั้ง แต่ว่าผลลัพธ์มีเพียงแค่อย่างเดียว นั่นก็คือพวกเราตายจนหมด”
หยางเฉินและเหล่าจิ่วเงียบกริบ ไม่คิดเลยว่าจะมาถึงในจุดนี้
หวยหลันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน พวกเราเองก็ไม่ต้องมีกดดันมากนัก ในเมื่อมาแล้วก็ทำตัวให้สบายใจ ยังไงซะตอนนี้ถึงคิดจะหนี ก็หนีไม่รอด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงไม่ฝากฝังความหวังไปที่ตัวเจ้าเมืองมู่ละ?”
“จากที่ฉันเห็น พลังของเจ้าเมืองมู่นั้นคาดการณ์ไม่ได้ สองขาพิการ แต่ยังสามารถปราบปรามตระกูลมหาเศรษฐีพวกนั้นได้นานหลายปีเช่นนี้ จะต้องมีสิ่งที่แกร่งกว่าคนอื่นๆแน่นอน ไม่อย่างนั้นจวนมู่คงถูกทำลายไปนานแล้ว”
“ถึงแม้เจ้าเมืองหวยเฉิงจะมา ก็คงจะไม่กล้าต่อสู้กับเจ้าเมืองมู่ในจวนมู่หรอกค่ะ”
หยางเฉินพยักหน้า พูดว่า “ตอนนี้ หวังแค่ว่า พลังของเจ้าเมืองมู่จะสามารถแข็งแกร่งขึ้นอีกสักหน่อย”
“พี่หยางคะ!”
ในเวลานี้เอง เฝิงเสียวหว่านที่เงียบมาตลอด จู่ๆก็พูดออกมาอย่างระมัดระวัง “พี่หยาง ฉันมีวิธี ที่จะทำให้ขาของเจ้าเมืองมู่หายได้ในระยะเวลาสั้นๆ”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างก็มองไปที่เฝิงเสียวหว่าน
“จริงหรอ?”
หยางเฉินตื่นเต้นดีใจ
เฝิงเสียวหว่านพยักหน้า “ฉันใช้การฝังเข็ม ไปกระตุ้นเส้นประสาทและจุดลมปราณที่ขาของเจ้าเมืองมู่ ทำให้ขาของเขาหายดีในระยะเวลาสั้นๆ แน่นอน ว่านี่มันเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ตามฝีมือวิชาการแพทย์ของฉันแล้ว อย่างมากก็สามารถทำให้ขาของเจ้าเมืองมู่หายเป็นปกติได้ประมาณสิบนาที”
“หมายความว่า หลังจากนั้นสิบนาที ขาของเจ้าเมืองมู่ก็จะกลับเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ที่สูญเสียความรู้สึกในทันที”
หยางเฉินดีใจอย่างมาก พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แค่นี้ก็มากพอแล้ว!”
“เสียวหว่าน เธอรีบไปหาเจ้าเมืองมู่พร้อมกับฉันเร็ว!”
พูดจบ หยางเฉินก็ลากตัวเสียวหว่านเดินไป
ในเมื่อเจ้าเมืองหวยเฉิงมาเพื่อทดสอบเจ้าเมืองมู่ อย่างนั้นแค่ทำให้เจ้าเมืองมู่ลุกยืนได้ จะต้องสามารถปรามเจ้าเมืองหวยเฉิงได้แน่นอน ยังไงซะตอนที่ขาของเจ้าเมืองมู่เป็นปกติแข็งแรง ก็เคยเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดมาก่อน