The king of War - บทที่ 1745 ใครกล้าไปข้างหน้า
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ผ่านไปอีกสามวัน
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา ทุกอย่างในจวนมู่เป็นปกติดี
นักดาบเงาเพชฌฆาตจำศีลฝึกฝนมาโดยตลอด เจ้าเมืองมู่เฝ้าดูด้วยตัวเอง และสถานที่ที่นักดาบเงาเพชฌฆาตจำศีลฝึกฝน ภายในระยะ 500 เมตร ถูกปิดกั้น
ตอนนี้ คนเดียวที่สามารถก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้คือเจ้าเมืองมู่
ในอีกด้านหนึ่ง หยางเฉินยังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ออร่าของบูโดบนร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน และผนึกบนจุดตันเถียนของเขาก็เริ่มหลวมและคลายตัว และอาจแตกได้ทุกเมื่อ
ตั้งแต่ที่เจ้าเมืองมู่ไปเยี่ยมหยางเฉินเมื่อสามวันก่อน และบอกเรื่องที่หยางเฉินรู้สึกตัวแก่เฝิงเสียวหว่านและหวยหลัน เมื่อพวกเธอทั้งสองเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้หยางจิ่วเทียน ผู้หญิงสองคนก็ระมัดระวังขึ้นมาก
“บูม!”
ทันใดนั้น ออร่าของบูโดอันทรงพลังก็แทรกซึมออกมาจากห้องที่นักดาบเงาเพชฌฆาตจำศีลฝึกฝน
ในเวลานี้ ทั้งจวนมู่ ถูกปกคลุมด้วยห้วงดาบอันทรงพลัง และยังมีเงาดาบวิบวับบนจวนมู่
เจ้าเมืองมู่ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็มีความสุขมากในทันที และพึมพำกับตัวเองว่า“ในที่สุดก็จะทะลุแล้วหรือ?”
เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นสัญญาณว่านักดาบเงาเพชฌฆาตกำลังจะทะลุ
ห้วงดาบอันทรงพลังเช่นนี้ ทำให้แม้แต่เขาก็รู้สึกถึงความกดดัน หากนักดาบเงาเพชฌฆาตทะลุแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด มือถือดาบอาถรรพ์ จะแข็งแกร่งเพียงใด
สถานการณ์ของจวนมู่ ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองซ่านเฉิงในทันที จากนั้นจึงแพร่กระจายไปยังจวนเมืองหวยเฉิงอย่างรวดเร็ว
จวนเมืองหวยเฉิง
“พ่อ เมื่อกี้มีข่าวมาจากจวนมู่ว่านักดาบเงาเพชฌฆาตกำลังจะทะลุ”
กวยเจิ่นมาที่ห้องของเจ้าเมืองหวย กล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมอย่างมาก”เดิมที นักดาบเงาเพชฌฆาตเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายอยู่แล้ว หากเขาละลุ ความแข็งแกร่งก็ไปถึงจุดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด และยังมีดาบอาถรรพ์ด้วย ถึงตอนนั้น ความแข็งแกร่งเทียบได้กับกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งเชียว!”
“พ่อ เราเสียเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว ไปทำสงครามกับจวนมู่ตอนนี้เถอะ?”
ใบหน้าของเจ้าเมืองหวยเพียงรู้สึกตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็สงบลงและกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“พรสวรรค์ด้านบูโดของนักดาบเงาเพชฌฆาตนั้นโดดเด่น ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถทะลุผ่านไปยังแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดได้”
“ครั้งที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการระเบิดของราชายาที่ขัดขวางการทะลุของเขา เขาคงจะก้าวไปสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดแล้ว”
หวยเจิ่นรีบพูด“พ่อ ตอนนี้ ในจวนเมืองหวยเฉิงของเรา ท่านเป็นคนเดียวที่มีความแข็งแกร่งของกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง หากนักดาบเงาเพชฌฆาตทะลุแดนด้วย มีดาบอาถรรพ์ บวกกับเจ้าเมืองมู่ จวนมู่ก็จะมีผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งสองคนแล้ว ถึงตอนนั้นเราก็จะไม่มีโอกาสชนะเลยนะ”
เจ้าเมืองหวยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“คุณคิดว่าตระกูลมู่ที่ผิดใจกับตระกูลบู๊โบราณแห่งตระกูเจียง ตระกูลเจียงจะปล่อยให้นักดาบเงาเพชฌฆาตทะลุไปได้งั้นหรือ?บัดนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เราจะลงมือตระกูลบู๊โยราณแห่งเจียงจะลงมือกับตระกูลมู่แน่นอน รอให้พวกมันสู้กันก่อน เสร็จแล้วก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวจวนมู่แล้ว”
หลังจากฟังคำพูดของเจ้าเมืองหวย หวยเจิ่นก็เข้าใจในทันใด และกล่าวด้วยความตกตะลึง“ท่านพ่อ ผมเข้าใจแล้ว นี่ท่านกำลังใช้เทคนิคตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง ให้ตระกูลบู๊โบราณแห่งตระกูลเจียงจัดการกับจวนมู่ก่อน เมื่อสาหัสกันทั้งคู่ เราค่อยไปลงกับจวนมู่ใช่ไหม?”
เจ้าเมืองหวยพยักหน้า“ไปเถอะ!”
หวยเจิ่นจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาจากไป บนใบหน้าของเจ้าเมืองหวยก็ดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย และเขาพึมพำกับตัวเองว่า “จวนมู่ ไม่ธรรมดาจริงๆ ความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองมู่เพิ่งพัฒนาไปถึงกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง นักดาบเงาเพชฌฆาตก็กำลังจะทะลุด้วย”
ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งแล้ว แต่ต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งสองคนเพียงลำพัง เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะรับมือได้ไหม
สำหรับเขาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการซ่อนเร้นความสามารถไว้ แม้ว่าช่วงนี้ได้ผ่านสงครามที่เข้มข้น ยังได้กลืนกินกองกำลังระดับสูงจำนวนมาก แต่ความแข็งแกร่งแค่นี้ก็ยังไม่เพียงพอ
หากจวนเมืองหวยเฉิงต้องการยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไร้คู่ต่อสู้ พึ่งแค่เขาตัวคนเดียว มันยังไม่พอ ต้องมีผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งอีกสักสองสามคน
ในเวลานี้ กลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ข้างนอกจวนมู่
ผู้นำคือเจียงเหยียน
ข้างหลังเจียงเหยียน ผู้แข็งแกร่งสองคนที่มีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวยืนอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของเขา
นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าหลายคน
หลังจากความล้มเหลวในครั้งที่แล้ว เจียงเหยียนกลับมาที่จวนมู่อีกครั้ง และผู้แข็งแกร่งที่พามา ก็แข็งแกร่งกว่ามาก
“รื้อประตูบานนั้นซะ!”
เจียงเหยียนมองไปที่ประตูที่ปิดสนิทและออกคำสั่ง
“ครับ!”
ผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่ข้างเขาถือมีดเล่มใหญ่ในมือขวา แล้วเขาก็โบกมีด
“บูม!”
ด้วยเสียงดังปั้ง ประตูถูกเปิดออกด้วยมีด
“ใคร?”
เมื่อยามของจวนมู่หลายคนเห็นมีคนบุกเข้ามา สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปในทันใด และพวกเขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดกั้นเจียงเหยียนพวกเขา
“ฆ่า!”
ดวงตาของเจียงเหยียนกระพริบด้วยเจตนาฆ่าและเขาสั่งให้ฆ่าโดยตรง
เมื่อคำสั่งของเขาสั่งลงไป ผู้แข็งแกร่งสองคนที่อยู่ข้างๆเขาไม่จำเป็นต้องลงมือเลย ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าเหล่านั้นก็พุ่งออกไป
“ปัง!”
เมื่อเห็นว่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจียงกำลังจะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ ในช่วงเวลาที่วิกฤตนี้ หอกยาวก็ตกลงมาจากท้องฟ้า และตกลงตรงหน้าผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจียง
ในขณะที่หอกยาวตกลงสู่พื้น มีโมเมนตัมบูโดที่น่าสะพรึงกลัว กวาดไปทางผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจียง
“เติ้งเติ้งเติ้ง!”
ผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจียงก้าวถอยหลังไปหลายก้าว และบนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจ
ผู้แข็งแกร่งสองคนที่อยู่ข้างๆเจียงเหยียน ขวางตรงหน้าเจียงเหยียนเกือบจะในทันที และมองไปที่ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางเคร่งขรึมมองไปที่เจ้าเมืองมู่ที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร
หอกที่ตกลงบนพื้นก็ได้ปรากฏอยู่ในมือของเจ้าเมืองมู่แล้วในเวลานี้
“เจ้าเมือง!”
หลังจากที่ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่เห็นเจ้าเมืองมู่ ต่างก็ตื่นเต้นมาก
สายตาทั้องสองของเจียงเหยียนจับจ้องไปที่เจ้าเมืองมู่ กัดฟันและพูดว่า”คุณ สามารถยืนได้งั้นหรือ!”
เจ้าเมืองมู่มองไปที่เจียงเหยียนอย่างไร้ความรู้สึกและกล่าวว่า”แม้ว่าพวกคุณจะมาจากตระกูลบู๊โบราณ แต่จวนมู่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่พวกคุณสามารถมารังแกได้ ผมขอเตือนให้พวกคุณออกไปเดี๋ยวนี้จะดีกว่า”
หอกยาวในมือของเขา ปลายหอกพ่นลมหายใจที่น่ากลัว
ผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจียงก็รู้สึกถึง รัศมีอันทรงพลังที่เล็ดลอดออกมาจากหอกยาวนี้ เห็นได้ชัดว่า นี่คือหอกยาวอาถรรพ์
สิ่งนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจียงต่างก็ตกใจมาก
แม้แต่ในตระกูลบู๊โบราณก็มีของอาถรรพ์ไม่มากนัก ตอนนี้ ในจวนมู่ขนาดเล็กนี้ กลับมีของอาถรรพ์สามอย่าง ดาบอาถรรพ์ที่อยู่ในมือของนักดาบเงาเพชฌฆาต มีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉิน และหอกอาถรรพ์ในมือของเจ้าเมืองมู่
เมื่อทำลายล้างจวนมู่ นั่นก็หมายความว่า ตระกูลเจียงจะได้ของอาถรรพ์สามอย่างพร้อมกันแล้วสิ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาทั้งคู่ของเจียงเหยียนก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
เขาจ้องไปที่เจ้าเมืองมู่ กัดฟันและพูดว่า”เจ้าเมืองมู่ ที่ผมมาในวันนี้ ผมแค่ต้องการนำตัวหยางเฉินไป ทางที่ดีคุณอย่างมายุ่งจะดีกว่ามิฉะนั้น วันนี้จะเป็นวันแห่งความพินาศของจวนมู่!”
เจ้าเมืองมู่เยาะเย้ย และทันใดนั้น ออร่าของบูโดอันทรงพลังก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา เกือบเป็นกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง
เขาถือหอกอาถรรพ์ในมือ เหมือนเทพเจ้าจากฟากฟ้า หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน
เจ้าเมืองมู่ตะโกนอย่างเย็นชา”ใครกล้าก้าวมาแม้แต่ก้าวเดียว ฆ่าโดยไม่มีการยกเว้น!”