The king of War - บทที่ 1756 ออมมือ
สายตามองเห็นฝ่ามือของท่านเหอกำลังจะตบลงบนศีรษะของตนเองแล้ว หยางเฉินไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัว ดวงตาสีแดงเลือดยังคงจ้องท่านเหอไม่กะพริบ
“ตึง!”
ในเวลานี้เอง ป้ายสุสานแผ่นหนึ่ง ร่วงลงจากท้องฟ้า เสียบพื้นดินด้านหน้าของหยางเฉินโดยตรง ท่านเหอตบลงมา
เสียงดังสนั่น ป้ายสุสานไม่ขยับสักนิด
ทุกคนต่างทำหน้าตื่นตกใจ มองป้ายสุสานไร้ชื่อที่ขวางด้านหน้าหยางเฉินแผ่นนั้น
ท่านเหอก็สีหน้าเปลี่ยนไปมากเช่นกัน ในสายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ป้ายสุสานแผ่นหนึ่ง คาดไม่ถึงขวางการโจมตีสุดแรงของเขาไว้แล้ว
ประเด็นคือ จากบนป้ายสุสานแผ่นนี้ เขาไม่รู้สึกถึงกระแสเหนือธรรมชาติใดๆ นี่คือป้ายสุสานธรรมดามากแผ่นหนึ่ง กลับสามารถแบกรับการโจมตีสุดแรงของเขาไว้ได้ นี่ได้เพียงอธิบายว่า ผู้แข็งแกร่งที่โยนป้ายสุสานแผ่นนี้ลงมา ความสามารถห่างจากเขาขึ้นไป
หยางเฉินทำหน้าตกใจเหมือนกัน เดิมคิดว่าตนเองต้องตายแน่ๆ กลับไม่เคยนึกถึงว่า ป้ายสุสานแผ่นหนึ่งจะช่วยชีวิตของตนเองไว้แล้ว
เขาเข้าใจแน่นอนว่า ป้ายสุสานแผ่นนี้มีคนโยนลงมาขวางการโจมตีของท่านเหอเอาไว้
“ท่านเป็นใครกัน? ทำไมต้องแทรกแซงเรื่องของพวกเราตระกูลเจียงด้วย?”
ท่านเหอเงยหน้ามองทางท้องฟ้าว่างเปล่า ถามด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“ป้าบ!”
วินาทีต่อมา เสียงตบที่ดังกังวานดังขึ้น เห็นเพียงท่านเหอที่เมื่อสักครู่ยังยืนอยู่ที่เดิม ร่างกายลอยออกไปไกลสิบกว่าเมตร
ส่วนบนหน้าของท่านเหอ ยังมีรอยฝ่ามือที่แจ่มชัดรอยหนึ่ง มุมปากของเขา ยังมีเลือดสดไหลออกมา
ตรงตำแหน่งที่ท่านเหออยู่เมื่อสักครู่นี้ กลับมีผู้อาวุโสผมขาวที่สวมชุดสามัญชนโบราณคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแล้ว
ตอนที่หยางเฉินมองเห็นภาพคนผู้นี้ ชั่วขณะนั้นอึ้งค้างอยู่กับที่เดิม หน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ มีความรู้สึกเหมือนฝันไป
“ทำไม? เห็นอาจารย์แล้ว ไม่รู้จักเลยเหรอ?”
ผู้อาวุโสยิ้มกริ่มมองทางหยางเฉินแล้วพูดขึ้น
ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส หยางเฉินก็ไม่มีทางควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เสียงดัง“ตึก”ทีหนึ่ง คุกเข่าทั้งสองลงบนพื้นอย่างแรง ตาแดงก่ำพูดว่า “ศิษย์หยางเฉิน ทำความเคารพอาจารย์ครับ!”
ผู้อาวุโสไม่ใช่ใครอื่น ก็คืออาจารย์ของหยางเฉิน ผู้ไร้นาม
หยางเฉินรู้ว่า อาจารย์ของตนเองยิ่งใหญ่เกรียงไกรอย่างมาก แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ความสามารถของผู้ไร้นามจะแกร่งขนาดนี้ตบมาทีเดียวทำเอาผู้แข็งแกร่งแดนนภาลอยไปไกลสิบกว่าเมตร
เห็นได้ชัดว่า ความสามารถของผู้ไร้นาม ก็อยู่แดนนภา มิฉะนั้นจะสามารถตบผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนหนึ่งลอยไปได้อย่างไร?
ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นของจวนมู่ เวลานี้เข้าใจขึ้นมาทันใด ที่แท้ผู้อาวุโสยิ่งใหญ่เกรียงไกรจนทำให้ผู้คนแทบหยุดหายใจผู้นี้ เป็นอาจารย์ของหยางเฉิน
ผู้ไร้นามหัวเราะฮาๆ มาถึงข้างกายหยางเฉิน พยุงหยางเฉินขึ้นมาด้วยตนเอง มองหยางเฉินด้วยท่าทางพอใจ จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เลวนี่ ไม่เจอกันตั้งนาน นึกไม่ถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดแล้ว กลัวว่าอีกไม่นานนัก นายคงก้าวสู่แดนนภาได้แล้ว”
หยางเฉินพูดแบบหน้าตาตื่นเต้น “อาจารย์ครับ ท่านมาได้อย่างไรกันครับ?”
ผู้ไร้นามหัวเราะแล้ว “มีคนรังแกลูกศิษย์ของฉัน ฉันจะไม่มาได้อย่างไร?”
พูดจบ เขามองทางท่านเหอแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปฉับพลัน ในดวงตามีจิตอาฆาตแค้นดุเดือดแวบผ่าน หรี่ตาจ้องท่านเหอไว้พูดว่า “คนของตระกูลบู๊โบราณ ยิ่งหน้าไม่อายขึ้นเรื่อยๆ ผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่น่าเกรงขาม นึกไม่ถึงจะลงมือกับคนที่ยังไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดได้ลงคอ ขายขี้หน้าไปถึงโคตรเหง้าแกเลย”
ท่านเหอสีหน้าดูแย่มากๆ มองทางผู้ไร้นามแล้วบอกว่า “คุณเหยียดหยามพวกเราตระกูลเจียงเช่นนี้ ไม่กลัวจะนำหายนะมาสู่คุณเหรอ?”
ผู้ไร้นามหัวเราะเยาะ “หายนะ? แค่สวะกระจอกๆ ระดับต่ำของตระกูลบู๊โบราณเนี่ยนะ ยังกล้าอวดดีต่อหน้าฉัน?”
พอได้ยิน ชั่วขณะหนึ่งท่านเหอสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
ผู้แข็งแกร่งที่สามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ และยังตบเขาจนลอยได้ในทีเดียว จะเป็นพวกธรรมดาทั่วไปได้เหรอ?
ที่โลกบู๊โบราณ ไม่ใช่ว่าทุกตระกูลจะเป็นตระกูลชั้นนำทั้งหมด แต่ว่ายังเหมือนกับที่โลกทั่วไป โลกบู๊โบราณก็แบ่งแยกความแกร่ง ตระกูลบู๊โบราณจะแบ่งออกเป็นสามระดับสูงกลางต่ำ
ส่วนตระกูลเจียง ก็คือหนึ่งในตระกูลบู๊โบราณจำนวนมากสุด และมีความสามารถอ่อนสุดประเภทนั้น ที่โลกบู๊โบราณ ตระกูลเจียงถือได้ว่าเป็นเพียงตระกูลระดับต่ำ
ท่านเหอถามด้วยเสียงเย็นชา “คุณเป็นใครกันแน่?”
ผู้ไร้นามขี้เกียจตอบคำถาม แต่มองทางหยางเฉินแล้วถามว่า “นายอยากเห็นฉันฆ่าเขาอย่างไร?”
หยางเฉินไม่มีคำจะพูด อาจารย์ยังอารมณ์ร้อนเหมือนกับเมื่อก่อน พอความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็อยากสังหาร
ท่านเหอสีหน้าดูแย่ถึงขีดสุด ในสายตาของผู้ไร้นาม เขาเหมือนเป็นคนต่ำต้อยที่ฆ่าทิ้งได้อย่างง่ายดาย
“สารเลว! แกรังแกคนโหดเกินไปแล้ว!”
ท่านเหอตวาดใส่ พุ่งไปทางผู้ไร้นามโดยตรง
ผู้ไร้นามไม่ได้มองอีกฝ่ายสักแวบเดียว หัวเราะหึๆ มองทางหยางเฉินแล้วบอกไปว่า “งั้นใช้วิธีการของคนคนนั้นมาสั่งสอนตัวเขาเองก็พอ เป็นอย่างไรบ้าง?”
หยางเฉินหัวเราะแบบขมขื่น จากนั้นตอบว่า “ขอเพียงอาจารย์สนุกก็พอครับ! เชิญท่านตามสบายเลย!”
“ได้!”
ทันใดนั้นผู้ไร้นามมองทางท่านเหอ วินาทีนี้ ลักษณะพลังบนตัวของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตเห็นคือ พลังรอบตัวเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล
ท่านเหอที่กำลังพุ่งไปทางผู้ไร้นาม ถึงแม้จะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แต่เขาก็พุ่งไปทางผู้ไร้นามแล้ว ย่อมไม่สามารถหยุดยั้งได้
“ไปตายซะเถอะ!”
ท่านเหอร้องคำรามทันใด ชั่วพริบตาเดียวควงหมัดออกมา ต่อยไปยังผู้ไร้นาม
แต่หลังจากที่เขาเพิ่งตะโกนคำพูดนั้นออกมา ท่าทางบนใบหน้าเปลี่ยนไปมากในชั่วขณะหนึ่ง เหมือนเขากำลังเข้าสู่เขตแดนแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มเป็นสองเท่า บนตัวเหมือนโลกอีกด้านทับไว้อยู่
ระดับความเร็วของเขาเปลี่ยนไปเป็นช้าลงหลายเท่า แรงโน้มถ่วงสองเท่าที่น่าสยองขวัญ ทำให้เขาก้าวเท้าอย่างยากลำบาก
คนที่อยู่รอบด้านเหล่านั้น ต่างไม่รู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นเพียงตอนที่ท่านเหออยู่ห่างจากผู้ไร้นามสี่ห้าเมตร ทันใดนั้นระดับความเร็วก็ช้าลงเป็นหลายเท่า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว?”
“ผู้แข็งแกร่งแดนนภาของตระกูลเจียง ดูเหมือนกำลังแบกรับแรงกดดันมหาศาลเอาไว้”
“หรือว่า เป็นอาจารย์ของหยางเฉิน ใช้ลูกไม้อะไรแล้ว ลูกไม้ที่พวกเรามองไม่เห็นกัน ทำให้ผู้แข็งแกร่งแดนนภาของตระกูลเจียงเจ็บหนักแล้ว?”
……
เวลานี้ ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ต่างทำท่าทางไม่เข้าใจ
ผู้ไร้นามตะโกนทันใด “คุกเข่าลง!”
เสียงตะโกนแบบโมโหเสียงนี้ ราวกับความโกรธของพระเจ้า อากาศที่เดิมมีแรงโน้มถ่วงสองเท่า บวกกับเสียงคำรามของผู้ไร้นาม แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มาเยือนบนตัวของท่านเหอโดยตรง
“ตุบ!”
ในความตื่กตกใจของทุกคน ท่านเหอคุกเข่าทั้งสองลงอย่างหนักอึ้ง เหมือนว่ายังมีเสียงกระดูกแตกหัก นี่คือเสียงหัวเข่าทั้งสองของท่านเหอแตกแล้ว
หน้าท่านเหอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เวลานี้ สำหรับเขานั้น ความอัปยศอดสูในใจ มันเจ็บมากยิ่งกว่าหัวเข่าที่แตกละเอียด
เขาเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งตระกูลเจียงที่น่าเกรงขาม และคุ้มครองญาติสายตรงของตระกูลเจียง ถึงแม้อยู่ที่ตระกูลเจียง ล้วนเป็นคนที่ได้รับการเคารพ เคยถูกบังคับกดขี่คุกเข่าต่อหน้าสาธารณชนตั้งแต่เมื่อไร?
หยางเฉินมองท่านเหอที่คุกเข่าลงบนพื้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหมายในคำพูดประโยคนั้นของอาจารย์แล้ว
ก่อนหน้านี้ ท่านเหอใช้แดนวิถีบู๊รังแกกดดันหยางเฉิน ตอนนี้ ผู้ไร้นามจึงใช้แดนวิถีบู๊มากดดันให้ท่านเหอคุกเข่าลงเช่นกัน
ท่านเหอพูดด้วยท่าทางอัปยศอดสู “คุณรังแกคนอื่นแรงไปแล้วนะ! ผมเป็นคนของตระกูลเจียงตระกูลบู๊โบราณ คุณทำแบบนี้ตระกูลเจียงจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
ผู้ไร้นามเยาะเย้ย “ตอนนี้ไม่ใช่ตระกูลเจียงไม่ปล่อยฉันไว้ แต่เป็นฉันจะปล่อยตระกูลเจียงไว้หรือเปล่า!”
เพิ่งพูดจบ เขายื่นนิ้วทั้งห้าออกฉับพลัน จับบนศีรษะของท่านเหอแล้ว
วินาทีนี้ สีหน้าท่านเหอดูตกใจกลัว ร่างกายที่คุกเข่าบนพื้น สั่นระริก เขาสัมผัสได้ว่า ผู้ไร้นามอยากฆ่าเขาจริงๆ
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เสียงที่แก่หง่อมเสียงหนึ่ง ดังขึ้นกะทันหัน “ผู้ไร้นาม ได้โปรดออมมือด้วย!”
มุมปากผู้ไร้นามวาดยิ้มเยาะขึ้น จากนั้นมือทั้งห้าที่จับบนศีรษะท่านเหอ ออกแรงในทันใด
“กึก!”
เสียงกระดูกแตกหักที่กังวานดังขึ้นทีหนึ่ง ในความตื่นตกใจของทุกคน ศีรษะของท่านเหอหมุนวนร้อยแปดสิบองศา ตายตาไม่หลับ