The king of War - บทที่ 1763 โด่งดังจนน่าตกใจ
บทที่ 1763 โด่งดังจนน่าตกใจ
ฟังคำพูดของหยางเฉินแล้ว ชั่วขณะนั้นหวยหลันท่าทางประหม่า รีบพูดว่า “พี่หยาง พี่อยากทำอะไร?”
เฝิงเสียวหว่านก็มองหยางเฉินด้วยท่าทางกังวลใจเช่นกัน
หยางเฉินกวาดสายตามองจวนมู่รอบหนึ่ง ทุกที่ล้วนเป็นผู้บาดเจ็บทั้งนั้น จากนั้นมองทางเฝิงเสียวหว่านแล้วพูดว่า “เธอวางใจได้ ฉันยังไม่ลงมือง่ายๆ แค่อยากจะเพิ่มความกล้าหาญให้ตัวเองในการเจรจากับคนอื่นสักหน่อย
“ตอนนี้ เจ้าเมืองมู่หายตัวไป นักดาบเงาเพชฌฆาตอยู่ระหว่างทางกลับจวนมู่ ซึ่งอันตรายอย่างมาก ถ้าไม่มีใครรับบทแสดงนำขึ้นในเวลานี้ กลัวว่าคนที่หลบในที่ลับพวกนั้นจะลงมือต่อจวนมู่เดี๋ยวนี้”
“ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้ถ้าไม่มีจวนมู่ พวกเราคงตายไปนานแล้ว ฉันจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อจวนมู่สักหน่อย”
เฝิงเสียวหว่านกับหวยหลันเงียบงันในชั่วขณะหนึ่ง สองสาวตาแดงก่ำไปหมด พวกเธอย่อมเข้าใจดีว่า ถ้าเกิดหยางเฉินเปิดศึกกับผู้แข็งแกร่งที่หลบซ่อนพวกนั้น ผลที่ตามมาต้องร้ายแรงมากๆ
ผู้แข็งแกร่งที่กล้าเล็งจวนมู่เอาไว้ จะอ่อนแอได้อย่างไร?
ผู้แข็งแกร่งที่หลบซ่อนในที่ลับของจวนมู่เหล่านั้น เกรงว่าอย่างน้อยย่อมมีความสามารถแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น ส่วนหยางเฉิน อยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดเอง
หยางเฉินมองทางเฝิงเสียวหว่าน พูดแบบท่าทางจริงจัง “เสียวหว่าน เริ่มกันเถอะ!”
เฝิงเสียวหว่านพยักหน้า ดวงตาแดงก่ำ ไม่พูดไม่จา หยิบห่อใส่เข็มออกมา จากนั้นนำเข็มทีละเล่ม ปักเข้ากลางจุดตามร่างกายบนตัวของหยางเฉิน
ชั่วขณะที่ปักเข็มเล่มสุดท้ายลงนั้น หยางเฉินเบิกดวงตาโต ความรู้สึกเจ็บปวดอันรุนแรงโจมตีเข้ามา
เขามีความรู้สึกว่า ร่างกายของตนเองเหมือนกำลังถูกกำลังอันน่าสะพรึงกลัว ฉีกขาดไม่หยุด
เฝิงเสียวหว่านพูดแบบตาแดงๆ “อดทนอีกห้านาที ก็เสร็จแล้ว!”
หยางเฉินพยักหน้า กัดฟันเอาไว้แน่น
เฝิงเสียวหว่านดึงเข็มออกเสร็จสิ้นขั้นตอนเรียบร้อย เขาเพียงต้องอดทนสักห้านาที ก็สามารถเพิ่มความสามารถขึ้นไปอีกแดนหนึ่งได้แล้ว
หยางเฉินรู้สึกได้อย่างแจ่มชัด จุดตันเถียนของตนเอง เหมือนเปลี่ยนแปลงไปมาก ลักษณะพลังวิถีบู๊บนตัวของเขา กำลังแกร่งขึ้นไม่ขาดสาย
ห้านาทีเต็มๆ กลิ่นอายบนตัวของหยางเฉิน กำลังแกร่งขึ้นไม่หยุดมาตลอด
ชั่วขณะที่นาทีที่ห้ามาถึงนั้น พลังวิถีบู๊บนตัวของหยางเฉิน หยุดเพิ่มขึ้นพอดี
ส่วนแดนวิถีบู๊ของหยางเฉินที่เดิมทีอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด ในที่สุดก็บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นแล้ว
ความเจ็บปวดรุนแรงแบบนั้นที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ ค่อยๆ หายไป
หยางเฉินมองหวยหลันและเฝิงเสียวหว่านอย่างลึกล้ำ พูดด้วยเสียงทุ้ม “พวกเธอดำเนินการรักษาผู้บาดเจ็บของจวนมู่กันต่อไปนะ ฉันจะคิดหาวิธีสกัดคนพวกนั้นเอาไว้”
“พี่หยาง ระวังตัวด้วยนะ!”
สองสาวต่างทำหน้ากังวลใจ
บนหน้าหยางเฉินเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนออกมา พยักหน้าแล้ว จากนั้นก้าวเท้าออกไป
รอบด้านของจวนมู่ ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากหลบซ่อนอยู่ การกระทำของทุกคนในจวนมู่ ล้วนอยู่ในการควบคุมของเขาหมด
ตอนพวกเขาพบว่า หยางเฉินเดินออกจากจวนมู่มาตัวคนเดียว ความสนใจของทุกคนย้ายมาอยู่บนตัวของหยางเฉิน
ตอนที่พวกเขาไม่รู้ว่าหยางเฉินอยากทำอะไร ทันใดนั้นหยางเฉินหยุดฝีเท้าลง พูดเสียงดังฟังชัด “ออกมาให้หมดเถอะ!”
เพียงแต่ ไม่มีใครเดินออกมาเลย
ทันใดนั้น ลักษณะพลังอันยิ่งใหญ่ กระจายออกมาจากบนตัวหยางเฉิน
กลิ่นอายวิถีบู๊ที่เทียบได้กับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ระเบิดออกจากบนตัวเขา เข้ามาเยือนโดยตรง ปกคลุมผู้แข็งแกร่งพวกนั้นที่ซ่อนตัวอยู่รอบด้านของจวนมู่เอาไว้แล้ว
ทุกคนที่ยังคิดจะหลบซ่อนต่อไป ต่างสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่
“ไอ้หนุ่ม นี่คือนายคิดจะอาศัยกำลังของตัวเอง มาลงมือกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์สามสิบในที่นี้อย่างพวกฉัน?”
ในที่สุด มีคนเดินออกมาแล้ว เป็นผู้แข็งแกร่งวัยกลางคนแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายคนหนึ่ง
ที่ด้านหลังเขา ยังมีผู้แข็งแกร่งสี่คนติดตามมาด้วย ความสามารถล้วนอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางและชั้นต้น
เห็นได้ชัดว่า ห้าคนนี้เป็นพวกเดียวกัน
หยางเฉินกวาดสายตามองทั้งห้าคนแบบเฉยเมย เอ่ยปากบอกว่า “ถ้าพวกคุณเป็นคนฉลาด สถานที่ที่ควรจะไปก็คือจวนเมืองหวยเฉิง และไม่ใช่ที่จวนมู่”
พอได้ยิน ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายคนนั้นขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว พูดด้วยเสียงเย็นชา “นายอยากจะสื่ออะไร?”
หยางเฉินพูดจานิ่งๆ “ปัจจุบันนี้ เจ้าเมืองหวยหายตัวไปแล้ว ทั้งจวนเมืองหวยเฉิง ก็เละเทะเป็นโจ๊ก อิทธิพลมากมายถือโอกาสนี้แย่งทุกอย่างที่เดิมทีเป็นของจวนเมืองหวยเฉิง”
“ส่วนจวนมู่ ถึงแม้เจ้าเมืองมู่จะหายตัวไป แต่ว่ายังมีนักดาบเงาเพชฌฆาตที่ความสามารถเทียบเท่ากึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง นอกจากนั้นแล้ว ในจวนมู่ ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์มากมายอีก”
“พวกคุณคิดว่า ถ้าอยากเปิดศึกกับจวนมู่จริง พวกคุณจะได้รับอะไรไป?”
คำพูดประโยคนี้ย่อมไม่ใช่พูดเฉพาะกับผู้แข็งแกร่งห้าคนนี้ที่ปรากฏตัวออกมาก่อน แต่ว่าพูดให้ผู้แข็งแกร่งที่หลบซ่อนอยู่ในที่ลับทั้งหมดฟัง
“ของมูลค่ามากขนาดนี้ แต่ว่าทุกคนต่างอยากจะแบ่งเอาผลประโยชน์กันหมด ตัวหารมากไป สิ่งที่ได้รับย่อมน้อยลง”
ทันใดนั้นหยางเฉินเอ่ยปากอีกครั้ง กวาดสายตามองรอบด้าน พูดเสียงคมชัด “ทุกคนน่าจะรู้ดีเหมือนกัน ก่อนหน้านี้จวนมู่ต่อสู้กับจวนเมืองหวยเฉิง อยู่ภายในเมืองหวยเฉิง จวนมู่ก็ได้รับกิจการที่เดิมเป็นของจวนเมืองหวยเฉิงส่วนหนึ่งมา”
“ผมกะว่า จะนำกิจการทั้งหมดของจวนมู่ที่จวนเมืองหวยเฉิงออกมาให้หมด มอบให้อิทธิพลที่มีความสามารถแกร่งสุดในบรรดาพวกคุณเหล่านี้”
พอพูดแบบนี้ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายคนนั้นที่ปรากฏตัวขึ้นก่อน ในสายตามีความโกรธแวบผ่าน จ้องหยางเฉินไม่กะพริบแล้วพูดว่า “ไอ้หนุ่ม นายเห็นพวกเราเป็นคนโง่เหรอ? อยากจะให้พวกเราแข่งขันกัน ส่วนนายมานั่งรอรับผลประโยชน์ไป?”
“ป้าบๆๆ!”
ในเวลานี้ มีเสียงปรบมือดังขึ้นทันใด
“ไม่เสียแรงเป็นคนหนุ่มมีพรสวรรค์ที่ทำให้เจ้าเมืองหวยเสียหน้าได้ มีความกล้าตามคาด!”
ตามหลังเสียงปรบมือดังขึ้น ชายหนุ่มอายุสามสิบต้นๆ คนหนึ่งเดินออกมา ภายใต้การติดตามของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคน
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินสีหน้าสีหน้าอึมครึมขึ้นมา อีกฝ่ายดูหนุ่มมาก อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี แต่บนตัวอีกฝ่าย กลับตลบอบอวลด้วยลักษณะพลังวิถีบู๊ของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น
ถึงแม้ไม่เท่าเขา แต่ในหลายปีนี้ ในบรรดาชายหนุ่มที่เขาพบเจอมา นี่เป็นคนหนึ่งที่ความสามารถแกร่งสุด
ด้านหลังอีกฝ่ายยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนติดตามมา อธิบายได้ว่า ที่มาของอีกฝ่ายไม่ธรรมดา
หลังจากเขาปรากฏตัว ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ ต่างปรากฏตัวขึ้น ล้อมรอบหยางเฉินเอาไว้ตรงกลาง
หยางเฉินกวาดสายตามองโดยรอบ พูดอย่างเย็นชา “ทำไม? นี่คือพวกคุณคิดจะร่วมมือกัน จัดการผมก่อนงั้นเหรอ?”
ดีที่นอกจากผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนที่ติดตามด้านหลังชายหนุ่มคนนั้นที่เพิ่งปรากฏตัวเมื่อสักครู่แล้ว ผู้แข็งแกร่งคนอื่น แกร่งสุดก็มีเพียงความสามารถแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายเท่านั้น
“ไอ้หนุ่ม นายไม่ใช่คนของจวนมู่ ฉันเตือนนายว่าดีที่สุดอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ออกไปตอนนี้ ฉันยังปล่อยนายไปสักครั้งได้”
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายคนหนึ่ง พูดจาแบบเย็นชา
หยางเฉินพูดแบบหน้าตาไร้อารมณ์ “จวนมู่มีบุญคุณกับผม ต่อให้ตาย ผมก็ต้องผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันกับจวนมู่ให้ได้”
“ในเมื่อนายรนหาที่ตาย งั้นฉันจะทำให้สมหวังเอง!”
พออีกฝ่ายพูดจบ พุ่งไปทางหยางเฉินโดยตรง
คนอื่นๆ ล้วนมีท่าทางมองดูเรื่องสนุกกันหมด
ในสายตาหยางเฉินมีแสงหนาวเหน็บแฉลบผ่าน จ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ ในเมื่อต้องเจรจา งั้นก็จำเป็นต้องให้คนเหล่านี้มองเห็นว่าเขามีสิทธิ์เจรจากับพวกเขา
ส่วนตอนนี้ มีเพียงเขาพิสูจน์ความสามารถของตนเองให้กระจ่าง ถึงจะมีสิทธิ์เจรจากับคนเหล่านี้
ในเมื่ออยากพิสูจน์ความสามารถ งั้นก็ไม่อาจปิดซ่อนใดๆ ได้อีก จำเป็นต้องทำจนโด่งดังทะลุฟ้า