The king of War - บทที่ 1814 ดูมีคุณธรรมโดดเด่น
บทที่ 1814 ดูมีคุณธรรมโดดเด่น
หยางเฉินยังคงนั่งอยู่กับที่ที่นั่งอยู่ ตาที่ให้มองยังไม่มองติงเหวินจัวเลย ยกแก้วชาขึ้น จิบดื่มน้ำชาอย่างเฉยเมย
บรรดาผู้แข็งแกร่งในห้องโถงจัดเลี้ยง ต่างมีสีหน้าตื่นผวา เหมือนคิดไม่ถึง หยางเฉินจะกล้าไม่เห็นติงเหวินจัวอยู่ในสายตา ต้องรู้ติงเหวินจัวนั้นมาจากหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ตอนเหนือ เป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลติง
ห้าตระกูลใหญ่ตอนเหนือ เบื้องหลังของแต่ละตระกูล เห็นว่าต่างมีหนึ่งตระกูลบู๊โบราณอยู่เบื้องหลัง
ตระกูลติงก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลตอนเหนือ ฐานะในจิ่วโจว เทียบได้ในระดับสองราชวงศ์โบราณ
ผู้แข็งแกร่งชั้นสุดยอดของห้าตระกูลนั้น อาจจะไม่ถึงขั้นผู้แข็งแกร่งระดับยอดฝีมือของราชวงศ์โบราณ แต่ว่า เบื้องหลังของห้าตระกูลใหญ่นั้น มีตระกูลบู๊โบราณสนับสนุนอยู่ และทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลบู๊โบราณ ล้วนแล้วแต่พึ่งพาตัวเอง
หยางเฉินอาจจะไม่เคยรู้ในประเด็นนี้ ถึงแม้จะรู้ ก็คงไม่ไปเออออตามติงเหวินจัวอีกนั่นแหละ
“ไอ้บัดซบ!ใครวะทำให้แกกล้าดีขนาดนี้ บังอาจไม่เห็นข้าในสายตา คิดว่าตัวเองเป็นคิงแห่งเยี่ยนตูจริง ๆ หรือไง?”
ติงเหวินจัวเห็นสภาพ โกรธระเบิดขึ้นเต็มที่ ยกมือกำหมัด มุ่งตรงหัวหยางเฉินอัดใส่ลงไปอย่างดุดัน
เหล่าบรรดาผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในโถงจัดงาน เห็นการลงมือของติงเหวินจัวแล้ว ต่างหน้าตื่น
ติงเหวินจัวระเบิดพลังออกมาเต็มกำลัง นี่เป็นการตั้งใจเอาชีวิตหยางเฉินในหมัดเดียวเลย!
พวกเขาต่างรู้อยู่ แดนชั้นบูโดของติงเหวินจัวนั้น ก้าวไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นแล้ว ส่วนหยางเฉิน มีพลังฝีมือเพียงแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า
แน่นอนว่า พลังฝีมือของหยางเฉินที่พวกเขารู้นั้น ยังคงอยู่ที่หนึ่งปีก่อน ตอนที่หยางเฉินเพิ่งได้เป็นคิงแห่งเยี่ยนตู
“ไปตายเถอะมึง!”
ติงเหวินจัวระเบิดพลังออกมาเต็มกำลัง นี่เป็นการตั้งใจเอาชีวิตหยางเฉินในหมัดเดียวเลย!
ติงเหวินจัวคำรามเสียงลั่น พุ่งหมัดลงไปที่หัวของหยางเฉิน
“ผัวะ!”
เห็น ๆ อยู่ว่าหมัดของเขากำลังจะกระแทกหัวของหยางเฉินแล้ว ในชั่วสะเก็ดไฟแลบจากตะบันไฟ หยางเฉินยกมือขึ้นในฉับพลันใช้นิ้วเพียงสองนิ้ว หนีบเอาข้อมือติงเหวินจัวอยู่
นาทีนั้นเอง ทั่วทั้งบริเวณสะท้านผวา!
ที่อยู่กันแต่ละคนต่างเซ่อกันเต็มหน้ากับฉากที่เห็น หยางเฉินใช้นิ้วเพียงสองนิ้ว ก็หนีบข้อมือของติงเหวินจัวไว้ได้
ติงเหวินจัวนั้นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้น โจมตีใส่อย่างเต็มแรง ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า เป็นไปได้หรือที่จะต้านรับไหว?
แต่กลับเป็นว่า หยางเฉินต้านรับอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังแค่เพียงสองนิ้วเท่านั้นที่ใช้ ก็สามารถรับการโจมตีอย่างสุดกำลังของติงเหวินจัว
ติงเหวินจัวสองตาเบิกกลมโต ตอนนี้ความรู้สึกที่ข้อมือนั้น ที่จับข้อมือไว้เป็นคีมล๊อกที่จับล๊อคตายอยู่ เขาได้พยายามที่จะสะบัดให้หลุด แต่พบว่า ไม่มีทางเลยที่จะดิ้นหลุดได้
“ใครบอกข้าได้มั่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ทำไมติงเหวินจัวโจมตีไปเต็มกำลังแล้ว ไหงหยางเฉินใช้แค่เพียงสองนิ้วก็รับไว้ได้?”
“หรือจะว่า เป็นเพราะติงเหวินจัวจู่ ๆ เก็บพลังขึ้น เพราะถึงยังไงเขาก็อยู่ในรุ่นอาวุโส ใช้อารมณ์ชั่ววูบทำรุนแรงกับเด็กรุ่นหลัง จะแปดเปื้อนทำให้ชื่อเสียงของเขาเสีย?”
“คงงั้นมั้ง!มิฉะนั้น หยางเฉินที่มีพลังฝีมืออยู่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า จะเป็นไปได้ยังไงที่ใช้เพียงแค่สองนิ้วก็รับการโจมตีใส่ของติงเหวินจัวได้ ต้องเป็นเพราะติงเหวินจัวออมมือให้เป็นแน่อยู่แล้ว”
……
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในโถงเลี้ยงรับรอง ต่างวิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา
ติงเหวินจัวกลับมีสีหน้าแดงก่ำ เขาท่าทีฮึดฮัดจะอัดกลับใส่หยางเฉิน แต่ผลสุดท้ายที่เขาใช้แรงอย่างสุดฤทธิ์ ตั้งใจเต็มที่จะเข่นฆ่าหยางเฉิน แต่ไม่คิดว่า ตัวเองที่ทุ่มแรงโจมตีไปสุดฤทธิ์นั้น กลับถูกหยางเฉินใช้แค่สองนิ้วคีบไว้
เขามาจากห้าตระกูลใหญ่แดนเหนือ ตัวเองเป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลติง กลับมาพ่ายแพ้กับเด็กรุ่นหลัง ถ้าเรื่องวันนี้กระจายออกไป อีกหน่อยหน้าตาติงเหวินจัวของเขา จะเอาไปซุกไว้ไหน?
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ต้องฝืนใจ ติงเหวินจัวก็ยังต้องกัดฟันพูดไป “ปล่อยมือ!”
คำเดียวที่พูด “ปล่อยมือ” ทำให้คนที่วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา รีบสงบปิดปาก ห้องโถงใหญ่โตนั้น เงียบสนิทเป็นตาย แต่ละคนหน้างงเซ่อ
ไม่ใช่ติงเหวินจัวออมมือ แต่ว่าเป็นเขาเองที่ไม่สามารถดิ้นหลุดจากสองนิ้วของหยางเฉินได้?
คิดมาถึงนี่ แต่ละคนอดไม่ได้ต้องสูดหายใจหนาวเยือกไปเฮือกใหญ่ หรือนี่จะบอกว่า หยางเฉินเวลานี้ พลังฝีมือบูโดได้ก้าวไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นแล้ว?
มิฉะนั้นแล้ว ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกอย่างติงเหวินจัว ทำไมใยจึงดิ้นไม่หลุด?
หยางเฉินที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรมาโดยตลอด ทันทีนั้นก็มองไปที่ติงเหวินจัว พูดเสียงหนาวเยือก “แค่เพียงข้ามานั่งในที่ตำแหน่งนี้ แกก็จะเอาข้าถึงตายเลยหรือ?”
แน่นอนที่หยางเฉินต้องรู้ด้วยความรู้สึก ติงเหวินจัวใช้พลังถึงเต็มกำลัง ก็คือต้องการฆ่าเขาแล้ว
ติงเหวินจัวขบกรามแน่น สองตาจ้องเขม็งใส่หยางเฉินพูดไปว่า “ข้ามาจากบ้านตระกูลติงหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ตอนเหนือ แกรู้ไหม เบื้องหลังตระกูลติงของพวกข้า คือตระกูลอะไร?”
หยางเฉินหัวเราะเสียงเยือก “เห็นชัดอยู่ว่า ชีวิตแกตอนนี้อยู่ในกำมือข้า ยังกล้ายโสอวดโอหังอีก ในเมื่อจะเป็นแบบนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรพูดให้เป็นเรื่องไร้สาระกับแกแล้ว”
เสียงพูดจบลง สองนิ้วที่จับข้อมือติงเหวินจัวอยู่นั้น เพิ่มแรงใส่ไปในทันที
ชั่วพริบตานั้นเอง ติงเหวินจัวรู้สึกได้ว่ากระดูกตรงข้อมือของเขา กำลังค่อย ๆ แตก
“อ๊าก……”
เขาร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ตามมาด้วยเสียงขาดหลุดของข้อกระดูก ข้อมือของเขาถูกสองนิ้วของหยางเฉินบิดขาดหลุดออก
หยางเฉินจึงได้ปล่อยมือ มองติงเหวินจัวด้วยแววตาหนาวเยือกพูดว่า “ถือเป็นการสั่งสอน ถ้ายังกล้าดีมาพูดสามหาวกับข้าอีก ข้าก็จะฆ่าเจ้า!”
พูดจบ เขาลุกยืนขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ พูดเสียงเยือก “ขณะนี้ ตระกูลบูโดประเทศซัน นัดประลองยุทธกับพวกเราผู้แข็งแกร่งชาวจิ่วโจว พวกเราสมควรจะต้องรวมตัวกันลุกขึ้นมาต้านรับ แต่ที่ทำให้ข้าผิดหวังเอามากคือ พวกท่านมาร่วมชุมนุมกันที่นี่ การคิดอ่านหาแนวทางรับศึกกับพวกตระกูลบูโดประเทศซันเป็นเรื่องบังหน้า แท้จริงคือมาแก่งแย่งชิงอำนาจกัน”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาที่นี่ ดูการแย่งชิงอำนาจกับตำแหน่งหัวหน้าสมาพันธ์บูโดสหพันธ์บูโดของพวกท่านแล้ว”
พูดเสร็จ เขาก็หันหลังเดินจากไป
เขาทำไมจะดูไม่ออก คนพวกนี้มารวมตัวกันที่นี่ ก็เพียงเพื่อตำแหน่งหัวหน้าสมาพันธ์บูโดสหพันธ์บูโด และที่ติงเหวินจัวมาทำเป็นโวยวายใส่หน้าเขานั้น ก็เพื่อวางมาดเอาใจผู้เฒ่าชุดจีนคนนั้น
หยางเฉินถึงแม้ไม่รู้ชัดว่าผู้เฒ่าชุดจีนนั้นเป็นใคร แต่จากการสัมผัสถึงกระแสพลังบูโดที่แผ่กระจายออกมาจากตัวฝ่ายตรงข้าม ก็พอจะเดาได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามนี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา
ถ้าที่เขาคิดทายไว้ไม่ผิด ผู้เฒ่าชุดจีนนี้ก็คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังระดับสุดยอดของผู้แข็งแกร่งตระกูลบู๊โบราณ
บ้านตระกูลตอนเหนือ ในระดับตระกูลสืบทอดก็ยิ่งใหญ่มากอยู่แล้ว อีกทั้งติงเหวินจัวยังเป็นผู้สืบทอดของบ้านตระกูลติง ฐานะสูงเด่น แต่ยังต้องคอยเอาใจผู้เฒ่าชุดจีนนี้ เท่านี้ก็ให้เห็นได้ว่า ฐานะของผู้เฒ่าชุดจีนท่านนี้ มีแต่จะสูงกว่า
ในตัวผู้เฒ่าชุดจีนเองนั้นก็ยังมีพลังบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอด นอกจากมาจากตระกูลบู๊โบราณแล้ว ยังจะมาจากที่ไหนได้?
ทุกคนที่อยู่ในโถงจัดงาน จ้องตาปาว ๆ มองหยางเฉินเดินออกไปทีละก้าว ๆ
“หยุดนะ!”
เห็นหยางเฉินกำลังจะออกพ้นโถงจัดงานออกไป ในขณะนั้นเอง ผู้เฒ่าชุดจีนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน พูดด้วยเสียงเย็นเฉียบออกมาในทันใด “ที่นี่เป็นงานประชุมสมาพันธ์บูโดสหพันธ์บูโด ผู้ที่มานี้ล้วนเป็นผู้อยู่ในวงการบูโดจิ่วโจว เจ้าเพียงแค่คุยไม่ลงรอยกันไม่กี่คำ ก็หักข้อมือของติงเหวินจัว คิดว่ายังเห็นพวกข้าในที่นี้อยู่ในสายตาหรือเปล่า?”
หยางเฉินชะงักหยุด หันตัวกลับ มองไปยังผู้เฒ่าชุดจีนที่กำลังพูด เบี้ยวมุมปากขึ้นเล็กน้อย พอให้เห็นความรู้สึกเหยียดหยาม “ที่ท่านพูดนั้นไม่ผิด ข้ามองพวกเศษขยะแต่วางมาดเป็นผู้มีคุณธรรมโดดเด่นอย่างพวกท่าน ไม่เห็นอยู่ในสายตา”