The king of War - บทที่ 1825 จะไปฆ่าด้วยตัวเอง
บทที่ 1825 จะไปฆ่าด้วยตัวเอง
ติงเหวินจัวมองหน้าหยางเฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล คนอื่นต่างก็มองไปที่คนคนหนึ่งยางเฉินด้วย ในใจคิดแต่อยากดู หยางเฉินตกลงจะเอายังไงแน่ ที่จะยอมเปิดโอกาสให้ติงเหวินจัวอยู่ในสมาพันธ์บูโดได้
หยางเฉินหรี่ตามองไปที่ติงเหวินจัว เอ่ยปากขึ้นพูด “พรุ่งนี้การนัดประลองยุทธจากพวกผู้แข็งแกร่งตระกูลบูโดประเทศหยาง ให้เจ้าเป็นคนรับหน้าเปิดศึกคนแรก ขอเพียงเจ้าเอาชนะได้ในครั้งนี้ก็จะให้เจ้าอยู่ในสมาพันธ์บูโดต่อไป”
พอคำพูดนี้ออกมา ติงเหวินจัวหน้าขาวซีดไปในทันที
เขามีพลังฝีมือเพียงแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นยอด ส่วนผู้แข็งแกร่งจากประเทศซัน ในเมื่อกล้ายกพลพรรคมาท้าประลองกับผู้แข็งแกร่งจิ่วโจว กองกำลังที่นำมาต้องมีพลังฝีมือที่เก่งกาจมากแน่นอน
ก็เหมือนอย่างอาโอกิ ยามาโตะที่มาท้าทายเมื่อก่อนหน้านี้ ระดับพลังบูโดก็ก้าวไปถึงกึ่งแดนหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นแล้ว และเขาคงไม่ใช่คนที่มีพลังฝีมือที่สูงที่สุดเป็นแน่
ติงเหวินจัวต้องกลัวจริง ๆ แน่นอน ให้เขาที่มีพลังฝีมือเพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นยอด ออกหน้าไปท้าดวล น่ากลัวจะดูไม่จืด
ถ้าให้เขาขึ้นเวทีประลองเป็นคนแรกจริง ผู้แข็งแกร่งจากประเทศซัน คงจะต้องฆ่าเขาทิ้งแน่นอน เพื่อจะได้เป็นการข่มขวัญผู้แข็งแกร่งจิ่วโจว
เห็นติงเหวินจัวไม่พูดอะไร ตู้จ้งออกปากเร่งรัด “ติงเหวินจัว แกจะเอาไงก็ว่ามาสิ!ท่านหัวหน้าอุตส่าห์ให้โอกาสนี้กับแกแล้ว รีบว่ามาเลย!”
“ติงเหวินจัว แกคงไม่ใช่กลัวตาย ที่ไม่กล้าขึ้นสู้ศึกแรกนะ?”
“ติงเหวินจัว ไหนแกคุยว่ามาจากตระกูลติงอันเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ตอนเหนือ อยู่เขตุตอนเหนือ ก็เป็นคนใหญ่โตดังเอาการ ทำไมยังไม่ทันได้ถึงเวลาประลองยุทธ ก็ดันกลัวที่จะต้องขึ้นไปต่อสู้ซะแล้ว?”
……
ในช่วงเวลานั้น บรรดาเหล่าสมาชิกสมาพันธ์บูโดที่อยู่ภายในโถงจัดงาน ต่างพากันพูดประชดประชัน
ติงเหวินจัวมีสีหน้าชนิดดูไม่ได้อย่างสุด ๆ เรื่องการจัดตั้งสมาพันธ์บูโด ก็เขาเป็นคนนำเสนอ เดิมทีคิดว่ามีไป๋หลี่ฉางคงอยู่ ขอเพียงให้ไป๋หลี่ฉางคงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโด ก็เท่ากับเหมือนว่าตัวเขาได้เป็นหัวหน้า
โดยฐานะส่วนตัวของไป๋หลี่ฉางคงนั้น คงไม่ได้ประจำอยู่ในสมาพันธ์บูโดตลอด ถึงเวลานั้นกิจกรรมทุกอย่างในสมาพันธ์บูโด ก็ต้องเป็นไปตามที่เขาสั่งเท่านั้น
แต่ ที่ให้เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึงก็คือ ไป๋หลี่ฉางคงกลับอ่อนด้อยในฝีมือขนาดนี้ ไม่เพียงแต่สู้อาโอกิ ยามาโตะไม่ได้ ยังถึงขนาดต้องถูกหยางเฉินฆ่าทิ้งไปเสียแล้ว
ถึงเวลานี้ เขาผู้เป็นตัวจักรสำคัญในการนำเสนอให้จัดตั้งสมาพันธ์บูโด กลับกำลังจะถูกอัปเปหิออกจากสมาพันธ์บูโดเสียแล้ว
“ติงเหวินจัว โอกาสข้าก็ให้เจ้าแล้ว จะเก็บใช้ให้ดีหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวแกเองแล้ว ตอนนี้แกก็ไม่จำเป็นต้องรีบตอบคำถามอันนี้ของข้า ตอนนี้แกออกไปให้พ้นก่อนเลย!ถ้าหากพรุ่งนี้แกกระโดดขึ้นเวทีประลองเป็นคนแรก รอให้การประลองยุทธครั้งนี้เสร็จสิ้นลง ก็จะให้แกเข้าเป็นสมาชิกของสมาพันธ์บูโด”
ในตอนนี้หยางเฉินก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา พูดจบ เขากวาดสายตามองไปที่ทุกคน เอ่ยปากพูดว่า “ทุกท่านยังมีเรื่องอะไรจะพูดไหม?ถ้าไม่มี การประชุมครั้งที่หนึ่งของสมาพันธ์บูโด ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้”
ทุกคนส่ายหน้า ตู้จ้งก้าวขึ้นมาข้างหน้า เอ่ยปากพูดว่า “ท่านหัวหน้า พวกเราพรุ่งนี้พบกันที่โรงเทพบู๊!”
“ตกลง!”
หยางเฉินผงกหัว แล้วก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากหยางเฉินจากไป ตู้จ้งมองไปที่ติงเหวินจัว สะบัดเสียงฮึออกจมูก พูดว่า “ติงเหวินจัว ข้ารู้ว่าเจ้าหวังจะครอบครองสมาพันธ์บูโดไว้ในมือเจ้า แต่ข้าจำเป็นต้องบอกแกไว้คือ มันเป็นเรื่องที่มีอยู่ได้แต่ในความฝันของแก ตอนนี้ไม่ต้องคิด ต่อไปก็ไม่ต้องคิด!”
ทุกคนส่ายหน้า ตู้จ้งก้าวขึ้นมาข้างหน้า เอ่ยปากพูดว่า “ท่านหัวหน้า พวกเราพรุ่งนี้พบกันที่โรงเทพบู๊!”
พูดจบ เขาก็หันตัวเดินจากไป
สมาชิกสมาพันธ์บูโดคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันจากไป ก่อนออกไปของแต่ละคน ต่างก็มองหน้าติงเหวินจัวอย่างไม่สบอารมณ์
คงเหลือติงเหวินจัวตัวคนเดียว ยืนอยู่ในห้องโถงจัดงาน สีหน้าท่าทาง ออกอาการบิดเบี้ยวขึ้นมา กำหมัดทั้งสองแน่น ด้วยเหตุจากความโกรธ ทั้งตัวสั่นระริกเบา ๆ
“หยางเฉิน!”
ติงเหวินจัวพูดไปกับการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ในเมื่อแกบีบคั้นข้าแบบนี้ ก็อย่ามาโทษข้าที่ไม่ไว้หน้าแกแล้ว”
พูดจบ หยิบเอาโทรศัพท์ออกมา ต่อโทรศัพท์ออกไป
ชั่วเดี๋ยวเดียว ฝ่ายตรงข้ามรับโทรศัพท์ ติงเหวินจัวก็รีบพูดไปว่า “คุณท่านไป๋หลี่ ถูกหยางเฉินในเยี่ยนตู ฆ่าตายแล้ว หยางเฉินมันยังพูดว่า ในสายตาของมัน ราชวงศ์ไป๋หลี่ก็แค่พวกเศษขยะ รอให้มันก้าวไปถึงขั้นสุดยอดของบูโดแล้ว มันจะจัดการให้ราชวงศ์ไป๋หลี่ล่มสลายไปกับมือมันเอง!”
ภายในดวงตาของเขา เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
วางสายโทรศัพท์แล้ว ติงเหวินจัวเบี้ยวมุมปากขึ้นดูหนาวเยือก พูดพึมพำกับตัวเอง “หยางเฉิน ข้าจะคอยดูแก ต่อให้แกใช้พลังของแกคนเดียว เอาชนะผู้แข็งแกร่งสายตระกูลบูโดประเทศซันได้ ให้มาเจอกับสุดยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งราชวงศ์ไป๋หลี่บ้าง ดูแกจะรับมือยังไงไหว?”
ในเวลาเดียวกันนั้น ไกลออกไปที่โลกบู๊โบราณ ราชวงศ์ไป๋หลี่
ผู้เฒ่าหน้าละอ่อนผมขาวท่านหนึ่ง สีหน้าท่าทาง แสดงออกอย่างบูดเบี้ยว พูดด้วยความเคียดแค้นเต็มหน้า “นี่มันเวลาไหนกัน ไอ้พวกมดปลวกโลกสามัญ กล้าโอหังถึงขนาดนี้?กล้าดีถึงขนาดคุยโอ่ จะมาถล่มราชวงศ์ไป๋หลี่ของข้าให้ล่มสลายเลยหรือ?”
พูดจบ เขาก็ตะโกนสั่งเสียงลั่น “ให้ไป๋หลี่จิงหวินมาพบข้าซิ!”
“ขอรับ!”
ไม่เห็นมีคน ได้ยินแต่เสียงขานรับดังมา
ไม่ถึงสองนาที เงาร่างคนวัยกลางคนร่างหนึ่ง ปรากฏขึ้นที่ข้างหน้าผู้เฒ่า ค้อมตัวทำความเคารพ เอ่ยปากพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านเรียกผมหรือ?”
ผู้เฒ่าหน้าละอ่อนผมขาวพูดเสียงหนาวเยือก “จะให้เจ้าไปเยี่ยนตูในโลกสามัญซักเที่ยว ฆ่าคนคนหนึ่ง!”
ไป๋หลี่จิงหวินคิดว่าตัวเองฟังผิด ถามว่า “ท่านบอกว่า ให้ข้าไปที่โลกสามัญ ไปฆ่าคนคนหนึ่ง?”
ในสายตาของเขา ผู้แข็งแกร่งในโลกสามัญ ล้วนเพียงแค่มดปลวก ไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะต้องให้เขาลงมือเองเลย
ผู้เฒ่าหน้าละอ่อนผมขาวพูดว่า “ไม่ผิด ก็คือให้ไปเยี่ยนตูในโลกสามัญ ฆ่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อหยางเฉิน”
ไป๋หลี่จิงหวินยิ่งให้รู้สึกสงสัย เอ่ยปากพูดว่า “ท่านพ่อ แค่เพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งในโลกสามัญนั่นนะ ให้ข้าลงมือ มันจะเป็นเหมือนให้ขี่ช้างไปฆ่าตั๊กแตนไหม?”
ผู้เฒ่าสะบัดเสียงฮึออกจมูก มองหน้าคนที่อยู่ตรงข้ามพูดว่า “มันฆ่าไป๋หลี่ฉางคงไปแล้ว”
“อะไรนะ?”
ไป๋หลี่จิงหวินงงไปเลยจริง ๆ คราวนี้ ถ้าผู้เฒ่าที่เขายืนพูดด้วยอยู่นี้ไม่ใช่พ่อของเขา เขาก็จะต้องสงสัยเป็นแน่ว่า ฝ่ายตรงข้ามกำลังล้อเล่นกับเขาหรือเปล่า
อย่าว่าแต่ในโลกสามัญ ถึงจะในโลกบู๊โบราณก็เถอะ ในกลุ่มคนรุ่นหนุ่ม ที่จะสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นได้นั้น จะมีก็ไม่กี่คน
ตอนนี้ คนคนหนึ่งในโลกสามัญที่เป็นพวกมดปลวกในสายตาพวกเขา อีกทั้งยังเป็นเด็กหนุ่ม กลับฆ่าคนที่มีพลังฝีมือถึงกึ่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นอย่างไป๋หลี่ฉางคงไปได้
ลองคิดดูเถอะ ไป๋หลี่จิงหวินจะสะท้านสะเทือนในความรู้สึกขนาดไหน
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
ไป๋หลี่จิงหวินยังไม่สามารถทำใจให้เชื่อได้ อดไม่ได้ที่ต้องพูด “ไป๋หลี่ฉางคงเป็นถึงผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น ถึงแม้ให้ไปเจอกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องแพ้”
“เด็กหนุ่มในโลกสามัญคนหนึ่ง จะสามารถฆ่าเขาได้ยังไงกัน?รายงานนี้จะมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?”
ผู้เฒ่าสะบัดเสียงฮึออกมา จ้องหน้าไป๋หลี่จิงหวินแล้วพูดว่า “เจ้ายังคิดจริง ๆ อยู่หรือว่าพวกนักบู๊ในโลกสามัญ ล้วนแต่เป็นพวกมดปลวก?ร้อยปีก่อนนั้น ก็เคยมีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่มาจากโลกสามัญ อาศัยเพียงตัวเขาคนเดียว สยบบรรดาคนตระกูลบู๊โบราณทั้งหมด”
“ในโลกสามัญไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้แข็งแกร่งบูโดชั้นสุดยอด เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก ปลีกตัวหาวิเวกไป ไม่งั้นแล้ว เจ้าคิดว่าวงการบู๊โบราณ ทำไมถึงได้หลีกออกมาฝึกกันเองนอกสังคมโลกมาโดยตลอด และไม่ยอมเข้าสู่โลกสามัญ?”
“ก็เพราะผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณต่างรู้กันดี ถ้าหากพวกโลกบู๊โบราณเข้าไปยุ่งในโลกสามัญ พวกตัวประหลาดเฒ่าทั้งหลายที่ปลีกตัวจากสังคม จะต้องลงมือเล่นงานโลกบู๊โบราณแน่นอน”
“ยังไม่ต้องไปพูดถึงพวกผู้แข็งแกร่งที่ปลีกตัวหลบออกจากโลกสามัญ ขอเพียงแต่แค่พวกพันธมิตรพิทักษ์ ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยแล้ว มีพวกกลุ่มนี้เฝ้าคุมเชิงอยู่ พวกโลกบู๊โบราณก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแล้ว”
ได้ยินที่ผู้เฒ่าพูด สีหน้าไป๋หลี่จิงหวินส่อแววหนักใจ ตัวเขาเองนั้นก็คือระดับบูโดอัจฉริยะในราชวงศ์ไป๋หลี่ แต่ก็ไม่คิดเลยว่า ในโลกสามัญยังมีอะไรไม่ธรรมดาขนาดนี้
ไป๋หลี่จิงหวินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านพ่อ ข้าคงจะพวกประเภทกบใต้กะลาไปแล้ว เรื่องเจ้าเด็กหนุ่มที่ท่านจะให้ข้าไปฆ่านั้น ข้าจะไปจัดการฆ่ามันด้วยตัวเอง!”