The king of War - บทที่ 1829 ช่างน่าเสียดาย
บทที่ 1829 ช่างน่าเสียดาย
สิ่งที่เขาไม่รู้คือ คนที่ก่อให้เกิดผลกระทบขนาดนี้ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งจากตระกูลบู๊โบราณของจิ่วโจว แต่เป็นผู้แข็งแกร่งจากโลกภายนอกในสายตาของพวกเขาต่างหาก
ยอดเมฆาในตอนนี้ เมฆดำปกคลุม ท้องฟ้าคำราม ราวกับเป็นแดนชำระบนดินไม่มีผิด
นักสู้ทุกคนในเยี่ยนตูต่างวุ่นวายกันขึ้นมา ทุกคนต่างมองไปทางยอดเมฆาด้วยความตกใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? มีคนกำลังจะข้ามลิขิตสวรรค์อย่างนั้นเหรอ?”
“ข้ามลิขิตสวรรค์? นี่นายกำลังฝันอยู่รึไง? ในโลกใบนี้ จะไปมีคนที่ข้ามลิขิตสวรรค์ได้ยังไง?”
“นายนี่มันไม่รู้อะไรซะเลย ในตระกูลบู๊โบราณก็เคยมีผู้แข็งแกร่งที่ข้ามลิขิตสวรรค์มาแล้ว ว่ากันว่าหลังจากที่บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า แล้วอยากทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นก็จำเป็นต้องข้ามลิขิตสวรรค์”
……
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตื่นตกใจ
คนมากมาต่างก็สงสัยว่าเป็นการฝึกของใครกันที่ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่นากลัวขนาดนี้
“ทิศทางนั้น เหมือนจะเป็นยอดเมฆานะ หรือว่าจะเป็นหยางเฉินคิงแห่งเยี่ยนตู กำลังบรรลุ?”
“เป็นไปไม่ได้? ฉันได้ยินมาว่าฝีมือของเขาอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าคนหนึ่ง ต่อให้บรรลุก็แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกเท่านั้น จะไปทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ได้ยังไง?”
“หรือจะบอกว่าหยางเฉินได้เชิญผู้แข็งแกร่งขั้นแนวหน้าจากตระกูลบู๊โบราณมา เพื่อช่วยเขาต่อกรกับผู้แข็งแกร่งของประเทศซันนะ?”
“อันนี้พอเป็นไปได้!”
……
ไม่มีใครเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของหยางเฉิน พวกเขายอมเชื่อว่าหยางเฉินได้ขอความช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่งขอตระกูลบู๊โบราณ
ในตอนนี้ หยางเฉินที่อยู่ในยอดเมฆาใบหน้าเริ่มบูดเบี้ยวขึ้นมา
ร่างกายของเขา กำลังทนรับต่อความเจ็บปวดที่มิอาจทนรับ
พลังอันน่าสะพรึงกลัว ปะทุออกมาจากภายใน ราวกับจะระเบิดทุกส่วนขอเขาออก
ตำราเทพสงครามไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง กลั่นกรองพลังงานในร่างกายอย่างเต็มที่ แต่พลังงานที่กักเก็บอยู่ในยาเม็ดเลือดเดือดนั้นน่ากลัวเกินไป ถึงเขาจะกำลังพยายามกลั่นกรองอย่างเต็มที่ แต่ความเร็วในการกลั่นกรองก็ไม่มีทางตามพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวที่เพิ่มพูนขึ้นมาในร่างกายได้
สายเลือดคลั่ง ถึงปลุกขึ้นมาตั้งนานแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างแดงฉาน ดูดุร้ายมาก
“อ้า…”
ทันใดนั้น ภายในส่วนลึกของลำคอได้มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น ราวกับจะปลดปล่อยความเจ็บปวดที่อยู่ในร่างกายออกมา
เวลาค่อยๆ ดำเนินต่อไป พลังงานที่ยาเม็ดเลือดเดือดปลดปล่อยออกมา ยังคงทำลายเขาอย่างบ้าคลั่งหยางเฉินทำได้แค่ฝืนทน ครั้งนี้เขาต้องผ่านมันไปให้ได้ และจำเป็นต้องผ่านไปให้ได้
เขาในตอนนี้ อยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอด แต่พรุ่งนี้เช้า เขาต้องต่อสู้กับยอดฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางหรืออาจถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายก็เป็นได้
นอกจากฝีมือของเขาบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นอย่างรวดเร็ว ไม่แน่ก็อาจจะพอเอาชนะอีกฝ่ายได้ ไม่อย่างนั้น เขาก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว
“ฉันยังไม่ได้ไปหายเสี่ยวซีกับเสี้ยวเสี้ยวเลย ฉันยังไม่ได้ช่วยหม่าชาวแก้แค้นราชวงศ์ไป๋หลี่เลย แล้วฉันจะตายได้ยังไง?”
“ฉันจะตายไม่ได้! ฉันจำเป็นต้องผ่านมันไปให้ได้ จำเป็นต้องบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นให้ได้ฉันต้องทำให้สำเร็จ!”
หยางเฉินตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ตำราเทพสงครามไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง พลังที่อยู่ภายในร่างได้เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันราวกับจะทำให้ร่างกายของเขาระเบิด
เขาสามารถรับรู้ได้ พลังงานที่ยาเม็ดเลือดเดือดปลดปล่อยออกมา กำลังทิ่มแทงไปยังเส้นเลือดและกระดูกของเขา มีเพียงทำให้เส้นเลือดและกระดูกของเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับพลังของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นได้
บนรถผู้บริหารคันหนึ่งที่กำลังวิ่งออกจากเยี่ยนตู สีหน้าของทุกคนต่างตกอยู่ในความกังวล
“มีข้อมูลแล้ว!”
จู่ๆ หวยหลันก็ได้อุทานออกมา
ทันใดนั้น ทุกคนในรถก็หันมองไปที่เธอ
เธอถือมือถือไว้ในมือ แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ทางยอดเมฆา เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ประหลาดขึ้น มีคนคาดเดาว่ามีผู้แข็งแกร่งที่มีพรสวรรค์ระดับปีศาจกำลังบรรลุ”
“ต้องเป็นพี่หยางแน่ๆ เขาต้องกำลังบรรลุอยู่แน่นอน ตอนนี้เขาก็อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอด ก็สามารถปลดปล่อยพลังที่เทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางได้แล้ว ถ้าฝีมือบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น ฝีมือของเขาจะต้องเพิ่มสูงขึ้นแน่ ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายก็ใช่ว่าจะสู้เขาได้”
สองพี่น้องตระกูลซ่งก็ทำหน้าตื่นเต้นเหมือนกัน
ซ่งจั่วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าพรสวรรค์ในวิถีบู๊ของคุณหยางจะสูงส่งถึงเพียงนี้ ผมยังจำได้อยู่เลยว่าหนึ่งปีก่อนแม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดเขายังไม่สามารถรับมือได้เลย”
“นี่เพิ่งผ่านไปแค่ปีเดียว เขากลับพัฒนาได้ถึงขั้นนี้ ถ้าต้องเจอกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดอีกครั้ง เขาก็สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ในการโจมตีเดียวแล้ว”
ซ่งโย่วพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมาว่า “ตอนที่คุณหยางยังเป็นแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอด ก็สามารถต่อกรกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางได้แล้ว ถ้าเขาบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นจริง ขอแค่ผู้แข็งแกร่งแดนสวรรค์ไม่ออกโรง เขาก็ถือว่าไร้เทียมทานแล้ว!”
หม่าชาวก็ทำหน้าตื่นเต้น กำหมัดทั้งสองข้างแน่น แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ต่อไปผมต้องพยายามให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นช่องว่างระหว่างผมกับพี่เฉินจะมากขึ้นเรื่อยๆ”
ที่แตกต่างจากคนอื่นคือ พวกเขาไม่ได้สงสัยเลยว่าผู้แข็งแกร่งที่กำลังจะบรรลุบนยอดเมฆาก็คือหยางเฉิน
มีเพียงเฝิงเสียวหว่างที่พูดด้วยสีหน้ากังวลว่า “พี่หยางน่าจะใช้ยาเม็ดเลือดเดือด แต่คุณสมบัติต่ำสุดที่ยาเม็ดเลือดเดือดต้องการคือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น พี่หยางที่เป็นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอดก็ใช้ยาเม็ดเลือดเดือดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการเดิมพันหมดหน้าตัก ถ้าบรรลุได้จะดีที่สุด แต่ถ้าไม่ การฝืนใช้ยาเม็ดเลือดเดือดอาจสร้างความเสียหายให้เขาอย่างหนัก”
เธอคือคนที่รู้จักยาลูกกลอนดีที่สุด คำพูดของเธอเป็นเหมือนน้ำเย็นๆ ที่ราดใส่หัวของทุกคน
“หวยหลัน คุณจับตาดูสถานการณ์ของทางยอดเมฆาอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอะไรที่ไม่ปกติให้รีบบอกผมทันที”
หม่าชาวหันมองหวยหลันอย่างกะทันหัน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ความสามารถด้านการหาข่าวของหวยหลันสูงส่งมาก ต่อให้ออกจากเยี่ยนตูแล้ว แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเยี่ยนตูยังอยู่ในกำมือเธอ
พอได้ยินหม่าชาวพูดมาอย่างนั้น หวยหลันก็พยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะจับตาดูสถานการณ์ของยอดเมฆาไว้ตลอด อีกอย่างพวกคุณก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว ในเมื่อพี่หยางเลือกที่จะกินยาเม็ดเลือดเดือด เขาก็ต้องมีความมั่นใจว่าจะบรรลุได้ พวกเราต้องเชื่อใจเขา!”
ตอนนี้นอกจากเชื่อมั่น แล้วยังจะทำอะไรได้?
ทุกคนที่เมื่อกี้ยังตื่นเต้น ความตื่นเต้นใจกลับหาไปไม่เหลือ ตอนนี้จะร้อนใจไปก็ไม่มีความหมาย ทำได้แค่ภาวนาอยู่ในใจ ให้หยางเฉินสามารถถ้าครั้งนี้ไปให้ได้
เยี่ยนตู ยอดเมฆา
หยางเฉินยังทนรับกับพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวที่ยาเม็ดเลือดเดือดปลดปล่อยออกมา ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้ดีขึ้นเลย แต่กลับเลวร้ายย่ิงกว่าเดิม
เขามีความรู้สึกว่าอยากสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดสักคน อยากปลดปล่อยพลังงานที่มากเกินออกไป
ทันใดนั้นเอง พลังกดดันอันน่าตกใจได้เข้าปกคลุมยอดเมฆา
จากนั้น ร่างของชายวัยกลางคน ได้ปรากฏอยู่ในห้องของหยางเฉินราวกับภูตผี ตอนมองมาที่หยางเฉินอีกฝ่ายก็ทำหน้าซับซ้อน
แววตาของอีกฝ่ายค่อนข้างสงบ เหมือนจะพูดกับตัวเองแต่ก็เหมือนพูดกับหยางเฉิน “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าในโลกภายนอกจะมีคนที่มีพรสวรรค์ด้านวิถีบู๊ระดับปีศาจแบบนี้ น่าเสียดาย! ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน!”