The king of War - บทที่ 1832 สถานการณ์ประหลาด
บทที่ 1832 สถานการณ์ประหลาด
จ้องมองไปทางที่ไป๋หลี่จิงหวินจากไป มุมปากของหยางเฉินก็ค่อยๆ แย้มขึ้น แล้วพูดขึ้นมาว่า “เป็นคนที่น่าสนใจ!”
พูดจบ เขาก็เดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วเริ่มฝึกต่อ
ก่อนหน้านี้หลังจากที่ใช้ยาเม็ดเลือดเดือดไปแล้ว แดนวิถีบู๊ของเขาก็ไม่ได้บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า แต่ถึงกึ่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นแทน
เขารู้สึกว่า การที่เขาไม่สามารถก้าวข้ามจุดนี้ไปได้ เป็นเพราะยังขาดอะไรบางอย่างไป แต่ขาดอะไรไปนั้น กลับไม่เข้าใจ
“บางที อาจเป็นเพราะหนึ่งปีที่ผ่านมา เราบรรลุได้เร็วเกินไป รากฐานจึงยังไม่มั่นคงล่ะมั้ง!”
หยางเฉินครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ยังคิดไม่ตก ว่าทำไม ถอนหายใจแล้วกลับเข้าสู่โหมดฝึกตนอีกครั้ง
ถึงเขาจะยังบรรลุไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า แต่ด้วยฝีมือของเขาตอนนี้ถ้าต้องสู้กับโยชิดะ โชก็ไม่เป็นปัญหา
ก่อนหน้านี้ที่ไป๋หลี่จิงหวินต่อสู้กับ โยชิดะ โช ถึงเขาจะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ในตอนที่พวกเขาสู้กัน ก็พอจะคาดการณ์ถึงระดับที่แข็งแกร่งที่สุดของโยชิดะ โชได้
ถึงหยางเฉินจะไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ในการโจมตีเดียว แต่ก็ไม่ถึงขั้นแพ้ให้อีกฝ่าย แน่นอนว่า ก่อนหน้านั้นประเทศซันจะไม่ส่งผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามา
เพราะการที่โยชิดะ โชแพ้ให้กับไป๋หลี่จิงหวินนั้น ไม่มีใครรับประกันได้ว่า โยชิดะ โชจะไม่ขอให้ทางตระกูลโยชิดะส่งคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามา
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่พวกโยชิดะ โชลงมาจากยอดเมฆา ก็ไปยังที่พักของ โยชิดะ โชพร้อมกัน
ภายในห้อง ทั้งสามนั่นคุกเข่าให้กัน สีหน้าของทุกคน ต่างตกอยู่ในความเคร่งขรึม
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนยอดเมฆาเมื่อกี้ ได้สร้างความกดดันให้พวกเขาอย่างมาก ทั้งสามร่วมมือกัน ก็คงจะสู้ไป๋หี่จิงหวินไม่ได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการประลองในวันพรุ่งนี้ที่ต้องสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งเลย
“พวกเราจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอก ไม่อย่างนั้นการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ พวกเราคงแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!”
หลังจากที่ทั้งสามคนกลับมาก็ไม่มีใครพูดอะไร จนคามิชิโร กุรโตเป็นคนเปิดประเด็นก่อน
ทันใดนั้น โยชิดะ โชกับอาโอกิ ยามาโตะต่างก็หันมองไปที่คามิชิโร กุนโต
คามิชิโร กุนโตพูดต่อ “เมื่อกี้ฝีมือของคนคนนั้น ทุกท่านก็ได้เห็นแล้ว อีกฝ่ายต้องเป็นคนที่มาจากตระกูลบู๊โบราณของจิ่วโจวอย่างแน่นอน แดนวิถีบู๊ของเขา น่าจะอยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย”
“รองหัวหน้าโยชิดะที่ฝีมืออยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง ก็ยังไม่สามารถต่อกรได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องขอกำลังสนับสนุน ศึกในวันพรุ่งนี้ สำหรับพวกเราแล้ว มันสำคัญแค่ไหน ทั้งสองน่าจะรู้ดี”
อาโอกิ ยามาโตะหรี่ตามองไปที่คามิชิโร กุนโตแล้วพูดว่า “คุณพูดถูก ลำพังแค่เรา ไม่สามารถเอาชนะคนของจิ่วโจวได้ เมื่อเป็นอย่างนั้น เราก็มีแต่ต้องขอให้ทางตระกูลส่งคนที่แข็งแกร่งกว่ามา”
โยชิดะ โชพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “นี่พวกคุณคิดจะให้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายมาที่จิ่วโจวอย่างนั้นเหรอ?”
ทั้งคู่เงียบไปทันที แต่การเงียบก็ถือเป็นการตอบแล้ว
ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายไม่ออกโรง การต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ พวกเขาต้องแพ้อย่างแน่นอน
โยชิดะ โชพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “พวกคุณคิดว่าผมไม่อยากขอให้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายมารึไง? แต่ว่าที่นี่คือโลกภายนอกของจิ่วโจว โลกภายนอกของจิ่วโจวมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายไม่มาก แต่ในตระกูลบู๊โบราณของจิ่วโจวนั้น แดนเหนือมนุษย์ขั้นมีอยู่มากมาย แถมยังมีผู้แข็งแกร่งแดนสวรรค์ด้วย”
“นอกจากนั้น จิ่วโจวยังมีพันธมิตรพิทักษ์อยู่ด้วย การที่เราเป็นฝ่ายท้าทายมันก็มากพออยู่แล้ว ถ้าเชิญผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายมาจริงๆ เกรงว่ามันจะสร้างปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมให้กับเรา”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้แข็งแกร่งของตระกูลบู๊โบราณแห่งจิ่วโจวเข้ามายุ่ง ‘โครงการล้างผลาญ’ ของประเทศซันเรายังไม่ทันได้เริ่มก็จะมาล้มเหลวซะแล้ว”
ในครั้งนี้ ทั้งสามคนเป็นตัวแทนจากสามแชโบลที่ยิ่งใหญ่ขอประเทศซัน มาท้าสู้กับผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวถึงที่ ความจริงแล้วพวกเขานั้นมีภารกิจมาด้วย
พอได้ฟังที่โยชิดะ โชพูด คามิชิโร กุนโตก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “จากที่คุณพูดมา การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ พวกเราควรทำยังไงดี?”
อาโอกิ ยามาโตะก็พูดขึ้นมาเหมือนกัน “รองหัวหน้าโยชิดะ การต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ พวกเราจำเป็นต้องชนะ! เมื่อไหร่ที่แพ้แผนการของเราก็จะล้มเหลวไปด้วย ต่อให้เราเชิญผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายมาจากประเทศซัน ก็ใช่ว่าจะเป็นที่จับตามองของตระกูลบู๊โบราณกับพันธมิตรพิทักษ์เสมอไป แย่สุด ก็แค่ถูกพวกเขารู้เข้า”
“ผมกลับเสนอว่า เราควรขอกำลังสนับสนุนจากที่ตระกูลดีกว่า แน่นอนว่า เราแค่ต้องการคนที่สามารถจัดการกับผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวคนเมื่อกี้เท่านั้น ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายมากันหลายคน มันกลับจะดึงความสนใจของตระกูลบู๊โบราณกับพันธมิตรพิทักษ์ซะมากกว่า”
โยชิดะ โชเงียบไปพักหนึ่ง แล้วทำท่าครุ่นคิด
อาโอกิ ยามาโตะกับคามิชิโร กุนโตก็มองมาที่โยชิดะ โช ทั้งสามต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่ถูกตระกูลส่งมา ถึงฝีมือต่างกันแต่ภารกิจที่มาจิ่วโจวในครั้งนี้เหมือนกัน ตำแหน่งก็เหมือนกัน เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องหารือกัน
ผ่านไปพักใหญ่ โยชิดะ โชถึงได้พูดออกมาว่า “เมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ขอกำลังสนับสนุนจากทางประเทศซัน เพียงแต่ เราควรเชิญผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายคนไหนมาดี?”
เหมือนอาโอกิ ยามาโตะจะคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว จึงค่อยๆ พูดไปว่า “ทิคาโนะ ทาเคชิ!”
พอคำตอบนี้ดังขึ้น คามิชิโร กุนโตกับ โยชิดะ โชก็ทำหน้าตกใจ
ทิคาโนะ ทาเคชิหัวหน้าสมาคมบูโดแห่งประเทศซัน ถือเป็นหัวหน้าของโยชิดะ โช
อาโอกิ ยามาโตะพูดต่อ “สมาคมบูโดแห่งประเทศซัน เดิมทีก็ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลของพวกเราอยู่แล้ว ตอนนี้ก็มีแต่เชิญทิคาโนะ ทาเคชิออกโรงดูจะเหมาะที่สุด”
“ทิคาโนะ ทาเคชิเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ว่ากันว่าเขาได้สัมผัสถึงขอบเขตของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดแล้ว ถ้าเขาออกโรง ไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”
โยชิดะ โชกับคามิชิโร กุนโตไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธจริงๆ ก็อย่างที่อาโอกิ ยามาโตะว่ามา สมาคมบูโดแห่งประเทศซันนั้นถูกก่อตั้งขึ้นจากอำนาจของพวกเขาทั้งสามตระกูล
แน่นอนว่า ทิคาโนะ ทาเคชิไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่มาจากทั้งสามตระกูล แต่เป็นผู้แข็งแกร่งชาวซันคนหนึ่งที่มีภูมิหลังที่แสนธรรมดาไม่ได้มาจากตระกูลอะไรทั้งนั้น
แต่ภายในสมาคมบูโดแห่งประเทศซันนั้น ตระกูลของแชโบลที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามต่างส่งคนของตัวเองเข้าไป อย่างโยชิดะ โช ก็ถูกตระกูลโยชิดะส่งไปอยู่ในสมาคมบูโดแห่งประเทศซันเหมือนกัน
ตระกูลอาโอกิกับตระกูลยูอิจิก็ส่งผู้แข็งแกร่งเข้าไปเหมือนกัน แต่คนที่พวกเขาส่งไป ไม่ได้ฝีมืออย่างโยชิดะ โช
“ผมเห็นด้วย!”
ผ่านไปพักใหญ่ คามิชิโร กุนโตก็พูดออกมาอย่างกะทันหัน
โยชิดะ โชเงยหน้าขึ้น มองหน้าทั้งคู่ แล้วพูดออกมาว่า “เมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราก็มีแต่ต้องเชิญทิคาโนะ ทาเคชิมาที่เยี่ยนตูแล้ว ศึกในวันพรุ่งนี้ เราจะเป็นต้องชนะ!”
พูดจบ โยชิดะ โช ก็หยิบมือถือออกมา แล้วโทรหาทิคาโนะ ทาเคชิ
เขาเป็นรองหัวหน้าสมาคมบูโดแห่งประเทศซัน ให้เขาเป็นคนโทรนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว
ส่วนทางด้านยอดเมฆา หยางเฉินยังคงฝึกอยู่ เขาในตอนนี้ จู่ๆ ก็ตกไปอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างประหลาด ถ้าไป๋หลี่จิงหวินอยู่ด้วย จะต้องตกใจอย่างถึงที่สุดแน่
บนตัวของหยางเฉิน ไม่มีรังสีวิถีบู๊ถูกปล่อยออกมาแม้แต่น้อย ราวกับนักบวชสูงวัยที่ปรินิพพาน ดูศักดิ์สิทธิ์อย่างถึงที่สุด