The king of War - บทที่ 1842 ถ่วงเวลา
ในตอนนี้ โยชิดะ โชทำหน้าโกรธเกรี้ยว รังสีวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวเอ่อล้นอกมาจากตัวเขา
ทันใดนั้น ทั่วทั้งโรงเทพบู๊ก็เอ่อล้นไปด้วยแรงกดดันอันรุนแรง ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างรับรู้ถึงแรงกดดัน โดยเฉพาะพวกที่แดนยังค่อนข้างต่ำ ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลนี้ ร่างกายก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
นี่แหละคือการกดขี่ที่ผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดมีต่อนักสู้ที่มีแดนวิถีบู๊ต่ำกว่า นักสู้ที่แข็งแกร่งมากๆ แค่ปลดปล่อยรังสีวิถีบู๊ของตัวเองออกมา ก็สามารถกดขี่คนที่มีระดับแดนต่ำกว่าเขามากๆ ได้แล้ว
ตู้จ้งที่ยืนอยู่กลางสังเวียน ก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลนี้อย่างชัดเจน สีหน้าของเขา ดูเคร่งขรึมมาก
แต่ถึงอย่างนั้น แววตาของเขายังคงแน่วแน่ ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้
ตู้จ้งเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย แต่โยชิดะ โชกลับอยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง ความห่างชั้นของทั้งคู่ ราวกับคนละโลก
ทันใดนั้นเอง ทิคาโนะ ทาเคชิที่เงียบมาโดยตลอดก็ลืมตาขึ้น แล้วพูดไปว่า “แค่นักสู้แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายคนเดียวยังมีมีค่าพอให้รองหัวหน้าสมาคมบูโดแห่งประเทศซันขอเราออกโรงหรอก”
พอได้ยินอย่างนั้น เท้าของโยชิดะ โชก็หยุดชะงัก ถึงเขาจะอยากจบการประลองนี้เร็วๆ โดยการจัดการตู้จ้งซะ แตคำพูดของทิคาโนะ ทาเคชิก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ทิคาโนะ ทาเคชิหันมองไปทางนักสู้คนหนึ่งของประเทศซัน แล้วพูดไปว่า “ทาคาโอะ คุณไปจัดการ!”
“ครับ!”
นักสู้ชาวซันที่ชื่อทาคาโอะ รีบโค้งตัวตอบรับ
ทาคาโอะเป็นนักสู้วัยกลางคน และเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมบูโดแห่งประเทศซันด้วย อยู่แดนเดียวกับตู้จ้ง คือแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย
นั่นจึงทำให้ตู้จ้งแอบโล่งใจอยู่ไม่น้อย ขอแค่คู่ต่อสู้ไม่ใช่โยชิดะ โช ก็หมายความว่าเขายังพอมีความหวัง
การที่เขายอมออกมาเอง ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจบการประลองเร็วๆ การที่เขาตัดสินใจออกมาเร็วขนาดนี้ แค่ไม่อยากให้นักสู้ของจิ่วโจวพากันถูกนักสู้ชาวซันเล่นงานไปมากกว่านี้เท่านั้น ถ้าเป็นไปได้เขาก็หวังว่าตัวเองจะสามารถอดทนได้สักหลายรอบ เพราะยังไงเขาก็เชื่อว่าหยางเฉินต้องมาแน่ ส่วนการที่จนถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏตัว ก็อาจจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็ได้
ขอแค่เขาสามารถถ่วงเวลาได้สักหน่อย โอกาสที่หยางเฉินมาทัน ก็มีมากขึ้น
พอคิดได้อย่างนั้น แววตาของเขาก็ดูจริงจังขึ้นมา
“เริ่มได้แล้ว!”
ตู้จ้งมองไปที่ทาคาโอะ แล้วพูดออกไป
เขาได้สัมผัสถึงแรงกดดันอันมหาศาลจากตัวของอีกฝ่ายแล้ว ยังไม่ทันได้สู้ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝีมือของทาคาโอะจะเหมือนที่นาคัตสึ เรียวสุเกะทำก่อนหน้ามั้ย คือการปกปิดแดนวิถีบู๊
พูดจบ ตู้จ้งก็ชิงพุ่งเข้าหา ทาคาโอะก่อน
พอโจมตี เขาก็ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองแทบจะโจมตีในเวลาเดียวกัน ความเร็วสูงมาก แค่พริบตาเดียวทั้งคู่ก็เข้าประชิดกันแล้ว
“ตุบ!”
เกิดเสียงที่ดังอุดอู้ขึ้น ร่างกายของตู้จ้งกับทาคาโอะปะทะเข้าด้วยกัน ไม่รู้ว่าทั้งคู่ยังดูเชิงของอีกฝ่ายอยู่รึเปล่า จึงไม่ได้ลงมือจนถึงตาย แค่ใช้พลังกำลังอันดิบเถื่อนโจมตีใส่กันเท่านั้น
หลังจากที่ปะทะกัน ร่างกายของทั้งสองก็ถอยหลังไปพร้อมๆ กัน
ไม่นาน ทั้งคู่ก็หยุดลง ตู้จ้งถอยหลังไปสามก้าว ส่วนทาคาโอะกลับถอยหลังแค่ก้าวเดียว
ลำพังแค่ตัดสินกันด้วยกำลัง ก็รู้ได้ผู้ที่เหนือกว่าแล้ว
บรรยากาศโดยรอบหลังจากที่ได้เงียบลงไปชั่วขณะ ก็กลับมีเสียงดังอีกครั้ง
แน่นอนว่า ฝ่ายที่เสียงดังก็คือเหล่านักสู้ของประเทศซัน ส่วนทางฝั่งจิ่วโจว ต่างพากันคอตก พร้อมกับสีหน้าที่สิ้นหวัง
ถึงจะเป็นการปะทะกันเพียงครั้งเดียว แต่มันก็เห็นถึงฝีมือที่แตกต่างกันของทั้งคู่แล้ว
ความกังวลบนสีหน้าหน้าของตู้จ้งชัดเจนยิ่งกว่าเดิม เขารู้ดีว่า ถ้าตัวเองสามารถระเบิดพลังออกมาได้แค่นี้ เกร็งว่าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทาคาโอะแน่นอน
ถ้าคิดจะเอาชนะทาคาโอะ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแผน
แต่ว่า สังเวียนมันก็มีอยู่แค่นี้ ทั้งคู่ต่างก็เป็นนักสู้แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายเหมือนกัน ยอดฝีมือโจมตี มันก็สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงพริบตา นอกจากใช้ความสามารถจองตัวเองเข้าต่อสู้แล้ว มันยังจะมีวิธีอะไรอีก?
จู่ๆ ทาคาโอะก็ถ้าออกมาว่า “แกคือนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายของจิ่วโจวแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก เหมือนไม่ได้ให้เกียติตู้จ้งเลยสักนิด
ตู้จ้งจ้องเขม็งไปที่ทาคาโอะ แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “คุณคิดว่า ตัวเองแข็งแกร่งนักใช่มั้ย? ถ้าตระกูลบู๊โบราณของจิ่วโจวตัดขาดจากโลกภายนอกจนไม่ยอมออกมา ลำพังแค่นักสู้ของประเทศซัน ยังกล้ามาทำตัวอวดเก่งที่จิ่วโจวอีกมั้ย? ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งระดับสูงของตระกูลบู๊โบราณไหนก็ตาม ต่างก็แข็งแกร่งกว่าผมทั้งนั้น”
ทาคาโอะทำเสียงฮึดฮัด “การประลองในครั้งนี้ ผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของประเทศซันก็ไม่ได้มาเหมือนกัน”
ตู้จ้งพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ถ้าจะพูดแบบนั้นจริงๆ การประลองของเราทั้งสองฝ่าย ก็ควรให้คนที่อยู่แดนเดียวกันมาประลองกัน เหมือนคุณกับผม ต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย แบบนี้มันถึงจะยุติธรรม”
ทาคาโอะขมวดคิ้ว “นี่แกต้องการจะสื่ออะไร?”
ตู้จ้งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณกล้าพนันกับผมมั้ย?”
ทาคาโอะถาม “แกคิดจะพนันอะไร?”
ตู้จ้งตอบ “พวกคุณต่างเข้าใจว่าผมเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายจิ่วโจว แต่ผมกลับมีฝีมือแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย และคุณก็อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายเหมือนกัน งั้นการประลองในวันนี้ของเรา ก็ให้การประลองของเราสองคนเป็นตัวตัดสิน คุณกล้าพนันกับผมมั้ย?”
พอพูดอย่างนั้นออกมา สีหน้าของทาคาโอะก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ทำไมเขาจะไม่เข้าใจเจตนาของตู้จ้ง ?
ตู้จ้งนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายของจิ่วโจวแล้ว แต่ทางฝั่งประเทศซัน กลับยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าอีกตั้งสี่คน หนึ่งในนั้นยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายอีกด้วย
ต่อให้ตู้จ้งจะเอาชนะทาคาโอะได้ ก็ไม่มีทางสู้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าได้อยู่ดี
ทาคาโอะขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “นี่แกคิดว่าฉันโง่รึไง? ถึงฉันจะมั่นใจว่าสามารถเอาชนะแกได้ แต่ก็ไม่มีทางยอมรับการเดิมพันครั้งนี้ของแกอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีความจำเป็นเลย”
ตู้จ้งขำออกมาอย่างดูแคลน “ดูท่า คุณเองก็ไม่ได้มีความกล้าอะไรขนาดนั้น พวกคุณคิดว่าพรสวรรค์ในวิถีบู๊ของประเทศซันนั้นสูงส่งมาก แต่ระหว่างคนที่อยู่แดนเดียวกัน กลับไม่กล้าสู้ด้วย ช่างปอดแหกอะไรอย่างนี้”
ทาคาโอะถูกยั่วยุจนโกรธแล้ว จึงตะคอกไปว่า “ปากะ! นี่แกอยากตายใช่มั้ย!”
ตู้จ้งพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “ถ้าไม่กล้าพนัน งั้นเราก็มาต่อกันเลย ไม่ต้องพูดอะไรที่มันไร้สาระแล้ว”
ทาคาโอะสั่นไปทั้งตัว จู่ๆ เขาก็มองไปยังทิคาโนะ ทาเคชิที่นั่งอยู่กลางค่ายประเทศซัน แล้วพูดไปว่า “หัวหน้า ผมขอสู้อย่างเป็นตายกับนักสู้จิ่วโจวคนนี้ ถ้าใครชนะ ฝั่งนั้นก็เป็นผู้ชนะในวันนี้ไป!”
พอเห็นทาคาโอะพูดกับทิคาโนะ ทาเคชิอย่างนั้น ตู้จ้งก็ได้เผยรอยยิ้มที่ไม่ชัดเจนออกมาที่มุมปาก
ไม่ว่าทิคาโนะ ทาเคชิจะรับปากหรือไม่ อย่างน้อยเขาก็ถ่วงเวลาได้บ้างแล้ว ถ้ายังสามารถถ่วงเวลาได้อีกนิด ไม่แน่หยางเฉินก็อาจจะมาทัน
ดังนั้น สาเหตุจริงๆ ที่เขาพยายามยั่วยุทาคาโอะไม่ใช่อยากให้ทางประเทศซันเห็นด้วยกับการใช้ผลแพ้ชนะของเขากับทาคาโอะมาตัดสินผลการประลองของทั้งสองฝ่ายในวันนี้ แต่เพื่อถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุดต่างหาก