The king of War - บทที่ 1868
บทที่ 1868
ลบหลู่ชื่อเสียง
“หยุดมือ!”
ทันทีที่หนิงเทียนเหอ ออกมาจากสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด เขาก็เห็นผู้อาวุโสเฉินกำลังพุ่งเข้าโจมตีใส่หม่าชาวอย่างหนักอย่างหนัก
ผู้อาวุโสเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น ส่วนแดนบูโดของหม่าชาวเพิ่งจะอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นเริ่มต้นเท่านั้น ถึงแม้ความแข็งแกร่งในเวลานี้จะเทียบได้กับแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นเจ็ด แต่ก็ยังไม่ใช่ศัตรูของผู้อาวุโสเฉินอยู่ดี
อีกทั้งการโจมตีของผู้อาวุโสเฉินก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อสังหาร ถ้าเขาโจมตีถูกหม่าชาว แม้หม่าชาวจะไม่ตายแต่ก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็สายเกินกว่าที่หนิงเทียนเหอจะห้ามเอาไว้ได้แล้ว หม่าชาวและผู้อาวุโสเฉินกำลังปะทะเข้าด้วยกัน
“ปึง!”
เสียงชนดังลั่นขึ้น ผู้อาวุโสเฉินถูกกระแทกกลับจนก้าวถอยหลังไปห้าหกก้าวทันที ในขณะที่หม่าชาวถูกผู้อาวุโสเฉินโจมตีที่เข้าหน้าอก ร่างกายของเขาเหมือนว่าวหักและกระเด็นออกไปโดยตรง
“คุณหม่า!”
เมื่อสองพี่น้องตระกูลซ่งเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นก็คำรามลั่น
เมื่อหม่าชาวถูกฝ่ามือของผู้อาวุโสเฉินโจมตีที่หน้าอกก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ร่างของเขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรงห่างออกไปเจ็ดแปดเมตร
ผู้อาวุโสเฉินยังคงไม่ยอมเลิกรา เมื่อหม่าชาวถูกฝ่ามือของเขาโจมตีจนกระเด็น เขาก็พุ่งเข้าใส่หม่าชาวอีกครั้ง และก็โจมตีใส่อย่างแรงอีกครั้งลงบนพื้น
“ตายซะ!”
ผู้อาวุโสเฉินตะโกนขึ้น จากนั้นก็พุ่งเข้าเหยียบที่หัวของหม่าชาวอย่างแรง
“หยุดนะ!”
หนิงเทียนเหอเมื่อเห็นฉากนี้ก็ร้อนรนจนแทบบ้า เขาตะโกนด้วยความโกรธทันที
แค่การโจมตีครั้งเดียว ผู้อาวุโสเฉินก็ทำร้ายหม่าชาวอย่างรุนแรง หากเท้านี้ตกลงบนศีรษะของหม่าชาว หม่าชาวก็อาจตายคาที่
เขารู้ดีอย่างยิ่งว่า ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขา ก็คือพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของหยางเฉิน!
ถ้าผู้อาวุโสเฉินฆ่าหม่าชาว หลังจากหยางเฉินฟื้น จะเกิดอะไรขึ้น?
หนิงเทียนเหอ ไม่กล้าคิดต่อไปอีก เขารู้แค่ว่าถ้าหม่าชาวตาย ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก
“ไอ้เวร! แกกล้า!”
ซ่งจั่วคำรามด้วยความโกรธ ขณะที่หม่าชาวถูกผู้อาวุโสเฉินกระแทกฝ่ามือใส่จนกระเด็นตบ เขาก็พุ่งเข้าไปหาหม่าชาวทันที
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสเฉินยังคงต้องการฆ่าหม่าชาว เขาก็โกรธถึงขีดสุด
แทบจะในเวลาเดียวกัน ซ่งโย่วเองก็มีถึงหน้าหม่าชาวด้วย ทั้งสองคนรีบพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสเฉิน ต่อให้ต้องตาย พวกเขาก็ต้องสกัดกั้นการโจมตีอันรุนแรงของอีกฝ่ายที่มีต่อหม่าชาวให้ได้
“ฮึ!”
ผู้อาวุโสเฉินมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ออร่าบู๊บนตัวของเขายังคงไม่ลดลง สองมือของเขากำหมัดไว้ จากนั้นก็แยกโจมตีเข้าใส่สองพี่น้องตระกูลซ่ง
เขาต้องการที่จะเอาชนะสองพี่น้องตระกูลซ่งในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น ในขณะที่สองพี่น้องตระกูลซ่งมีความแข็งแกร่งในแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นต้นเท่านั้น ความแตกต่างถึงสามระดับขั้น แต่เดิมก็เป็นดั่งช่องว่างที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายอย่างยิ่งสำหรับผู้อาวุโสเฉินที่จะฆ่าสองพี่น้องตระกูลซ่ง
แต่เขาก็ไม่มีความปรานีใดๆ และโจมตีเข้าที่จุดตายของทั้งสองคนโดยตรง
“ปึง!”
“ปึง!”
หมัดสองครั้งติดต่อกันกระทบหน้าอกของซ่งจั่วและซ่งโย่วตามลำดับ
ไม่มีเวลาให้พะวงใดๆ ทั้งสองคนกระอักเลือดออกมาทันทีและลอยกระเด็นออกไป
เมื่อปราศจากสองพี่น้องตระกูลซ่งมากีดขวาง หากเขาคิดจะฆ่าหม่าชาวก็ง่ายดายอย่างยิ่ง เขาพุ่งเข้าใส่หม่าชาวอีกครั้ง ในดวงตาของเขาเหลือแค่เพียงเจตนาฆ่าอันรุนแรง
แทบจะในเวลานั้น เมื่อเขาเข้าไปหน้าตัวของหม่าชาวแล้วก็จึงยกเท้าขึ้นและเตะเข้าที่หัวของอีกฝ่ายอย่างแรง
“ตุบ!”
ในเวลานี้เอง ก็มีร่างที่โกรธจัดพุ่งเข้ามาขวางหน้าหม่าชาวเอาไว้และเตะเข้าที่ท้องของผู้อาวุโสเฉิน จนร่างกายของผู้อาวุโสเฉินกระเด็นออกไปทันที
“ไอ้สารเลว! รู้ไหมว่านายกำลังทำอะไรอยู่?”
ใบหน้าของหนิงเทียนเหอ เต็มไปด้วยความโกรธขณะที่ยืนอยู่ต่อหน้าหม่าชาว เขาตะโกนอย่างโกรธจัดใส่ผู้อาวุโสเฉินที่ถูกเขาเตะกระเด็นออกไป
การโจมตีของเขาไม่ได้รุนแรงอะไร และแค่เตะผู้อาวุโสเฉินให้ออกไป
ผู้อาวุโสเฉินถูกเตะและก้าวถอยหลังไปเพียงห้าหกก้าวเท่านั้นแล้วก็หยุดลง เขามองไปที่ หนิงเทียนเหอ และพูดว่า “รองหัวหน้าหนิง คนพวกนี้พยายามที่จะบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด ถือเป็นโทษตาย!”
“โทษตายบ้าบออะไร!”
หนิงเทียนเหอ จ้องเขม็งไปที่ผู้อาวุโสเฉินและพูดว่า “พวกเขาเป็นคนของหัวหน้าสมาคม และมาที่นี่เพื่อตามหาหัวหน้าสมาคม นายสามารถป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าไปได้ แต่ทำไมต้องลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้ด้วย?”
ผู้อาวุโสเฉินไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าตัวเองทำเกินไป เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “หัวหน้าสมาคมบ้าบออะไร! เขาจะจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ก็ยังตอบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ต่อให้เขารอดมาได้แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันของเขา เกรงว่าก็คงต้องเป็นพวกพิการคนหนึ่ง สมาพันธ์บูโดไม่ต้องการให้คนพิการมาเป็นหัวหน้าสมาคม”
“ในตอนเริ่มต้นของการก่อตั้งสมาพันธ์ก็คือช่วงเวลาที่สร้างกฎขึ้นมา หากคนพวกนี้ต้องการบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด อย่างนั้นพวกเขาก็สมควรถูกลงโทษ รองหัวหน้าหนิงคุณคงจะไม่อนุญาตให้คนเหล่านี้สร้างความเสียหายในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด เพียงเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหยางเฉินหรอกนะ?”
“ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ต่อจากนี้สมาพันธ์บูโดของเราจะทำอย่างไรในจิ่วโจว?”
หนิงเทียนเหอ โกรธมากจนตะโกนลั่น “ไร้สาระ!เฉินยวี่ ถ้านายยังกล้าพูดเรื่องจามั่วซั่วอีกครั้ง ก็อย่าโทษฉันไม่เกรงใจนายแล้วกัน!หัวหน้าสมาคมต่อสู้อย่างหนักเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของนักบู๊ทั้งหมดในจิ่วโจว ถึงได้กลายมาเป็นอย่างในทุกวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา สมาพันธ์บูโดจะอยู่มาถึงตอนนี้หรือไง?”
“ตอนนี้เป็นเพราะเขาอยู่ในอาการหมดสติเพราะบาดเจ็บสาหัส แต่ใครบอกนายต่อให้เขาตื่นขึ้น เขาจะกลายเป็นคนพิการ? รองหัวหน้าตู้ได้ไปตามหายาคืนชีพแล้ว เมื่อเขาพบยาคืนชีพหัวหน้าสมาคมก็จะหายขาด”
เฉินยวี่เยาะเย้ย “รองประธานหนิง คุณเชื่อจริง ๆ หรือไม่ว่ายาคืนชีพจะสามารถรักษาหยางเฉินได้ อาการบาดเจ็บของเขาร้ายแรงมากแค่ไหน คนอื่นไม่รู้ แต่นายไม่รู้เหรอไง?”
“นอกจากนี้ ยาคืนชีพล้ำค่าอย่างมาก ต่อให้มันถูกวางไว้ในตระกูลบู๊โบราณ ก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่า ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บนโลกนี้ห็ไม่มีไม่มีนักปรุงยาแล้ว ยาทุกเม็ดที่มีอยู่มีแต่จะร่อยหรอลงไป รองหัวหน้าตู้จะไปเอายายาคืนชีพมาได้ยังไง?”
ในเวลานี้ เฉินยวี่ ไม่มีความเคารพต่อหยางเฉินแล้ว อีกทั้งยังเปลี่ยนเป็นมุ่งเป้าไปที่หยางเฉินในทุกด้านแทน
เรื่องนี้ทำให้หนิงเทียนเหอโกรธมาก ในเวลานี้ผู้อาวุโสอีกสามคนของสมาพันธ์บูโดก็ออกมาเช่นกัน เมื่อมองท่าทีโกรธเกรี้ยวของหนิงเทียนเหอ พวกเขาก็ไม่เข้าใจ
“นอกจากนี้ ยาคืนชีพล้ำค่าอย่างมาก ต่อให้มันถูกวางไว้ในตระกูลบู๊โบราณ ก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่า ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บนโลกนี้ห็ไม่มีไม่มีนักปรุงยาแล้ว ยาทุกเม็ดที่มีอยู่มีแต่จะร่อยหรอลงไป รองหัวหน้าตู้จะไปเอายายาคืนชีพมาได้ยังไง?”
“รองหัวหน้าหนิง เกิดอะไรขึ้น”
นักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดคนหนึ่งเดินขึ้นมา เขามองไปที่ หนิงเทียนเหอ และเอ่ยถาม
หนิงเทียนเหอพูดอย่างโกรธเคือง “ถามเขาสิ!”
ในเวลานี้ ทุกคนมองไปที่เฉินยวี่
เฉินยวี่ กล่าวว่า “ทุกคน ฉันขอถามพวกคุณหน่อย ถ้ามีคนกล้าบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด พวกเราควรจะฆ่าผู้กระทำความผิดเพื่อความน่ายำเกรงของสมาพันธ์บูโดหรือไม่?”
ทันทีที่เขาได้ยินเรื่องนี้ ก็มีผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดทันทีว่า “แน่นอนว่าควรฆ่า! ตอนนี้สมาพันธ์บูโดอยู่ในโลกฆราวาสอย่างจิ่วโจว ผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊ล้วนเป็นกองกำลังแรกที่ทรงพลังที่สุด หากใครกล้าบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์โดยพลการ แล้วเรื่องนี้แพร่ออกไป ความน่ายำเกรงของพวกเราจะอยู่ที่ไหน?”
“ถูกต้อง ใครก็ตามที่กล้าบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด ควรจะถูกฆ่า!”
“สมควรฆ่า!”
ผู้อาวุโสอีกสามคนพูดพร้อมกันด้วยทัศนคติที่เข้มงวดมาก
เฉินยวี่ แค่นเสียงเยาะเย้ย เขามองไปยัง หนิงเทียนเหอ ที่โกรธจัดและพูดว่า “รองหัวหน้าหนิง คุณเองก็ได้ยินแล้วใช่ไหม ผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนเห็นด้วยอย่างมาก คุณดันลำเอียงเข้าข้างผู้บุกรุก ไม่กลัวเลยหรือว่าหากเหตุการณ์นี้แพร่กระจายไปจะทำลายชื่อเสียงของสมาพันธ์บูโดยังไง?”