The king of War - บทที่ 1872
บทที่ 1872
อย่างนั้นก็มาสู้กันเถอะ
หลังจากได้ยินคำพูดขอ หนิงเทียนเหอ ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงก็คล้ายตื่นจากความฝัน ก็เป็นเหมือนที่ หนิงเทียนเหอ กล่าวไว้ ถ้าเขาตาย ท่าทีของว่านฉีและ เฉินยวี่ ในวันนี้ได้บอกเรื่องนี้ไว้แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงก็ค่อยมั่นคงขึ้น หลังจากที่พวกเขาสบตากันก็ค่อยๆ ก้าวมาข้างหน้า และยืนเป็นตำแหน่งสามเหลี่ยมกับหม่าชาว เพื่อล้อม เฉินยวี่ ไว้ตรงกลาง
เฉินยวี่ โกรธทันที “ไอ้สารเลว! พวกนายคิดจะทำอะไร?”
ผู้อาวุโสเว่ยพูดอย่างเย็นชา “เฉินยวี่ อยากสู้ก็สู้ อย่าพูดไร้สาระ!”
ผู้อาวุโสหงเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระ เขาขยับไปที่เท้าและพุ่งเข้าใส่ เฉินยวี่
เมื่อเห็นผู้อาวุโสหงพุ่งเข้าหาเฉินยวี่ ผู้อาวุโสเว่ยเองก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยและพุ่งเข้าใส่เฉินยวี่เช่นกัน ตอนนี้พวกเขากำลังเกาะติดราวกับตั๊กแตนที่ผูกติดอยู่กับเชือก
ในเวลานี้เองที่ เฉินยวี่ ถึงค่อยตระหนักได้ว่าผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงกล้าโจมตีเขาจริงๆ
“ฆ่า!”
ดวงตาของหม่าชาวมีรังสีสังหารวาบผ่าน เมื่อเสียงตะโกนดังขึ้นเขาก็พุ่งเข้าใส่ เฉินยวี่ เช่นกัน
สองพี่น้องตระกูลซ่งอยู่แค่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า ต่อให้ร่วมมือกันก็แค่สามารถระเบิดพลังของแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าออกมาเท่านั้น แถมเมื่อครู่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและแทบจะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการต่อสู้อยู่อีก ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ยืนนิ่งมองหม่าชาวด้วยความกังวล
ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น อีกทั้งหม่าชาวเองก็ยังอาศัยพลังของลูกแก้วดูดเลือดพัฒนาความแข็งแกร่งให้เทียบเท่ากับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของ เฉินยวี่ อยู่แค่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นเท่านั้น เมื่อเขาถูกโจมตีโดยผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นพร้อมกันสามคน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีและระเบิดพลังทั้งหมดที่มีออกมาต้านทานเอาไว้
“ปึง ปึง ปึง!”
การโจมตีอันทรงพลังของคนทั้งสามพุ่งเข้าใส่ เฉินยวี่ อย่างไม่หยุด เมื่ออยู่ต่อหน้าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นสามคนแบบนี้ เขาก็แทบไม่มีแรงจะไปสู้กลับด้วยซ้ำ เขาถูกโจมตีเข้าจุดตายอย่างหนักและได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในไม่กี่วินาที
ในอีกด้านหนึ่ง ว่านฉีและ หนิงเทียนเหอ ก็กำลังเผชิญหน้ากันใบหน้าของ ว่านฉีเต็มไปด้วยความโกรธ
แต่เดิมเขาคิดว่าด้วยความช่วยเหลือของ เฉินยวี่ ตนก็สามารถได้ตำแหน่งหัวหน้าสมาคมมาอย่างง่ายดาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงจะเลือกช่วยหนิงเทียนเหอ อีกทั้งหม่าชาวก็แสดงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าตัวตนของเขา ทั้งสองฝ่ายเพิ่งจะเริ่มสู้กัน เฉินยวี่ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
หนิงเทียนเหอ จ้องที่ ว่านฉีและพูดว่า “ว่านฉีสมาพันธ์บูโดเพิ่งก่อตั้งขึ้นและเป็นเวลาที่เราต้องการผู้แข็งแกร่งมากที่สุด พวกเราทุกคนล้วนเป็นนักบู๊จิ่วโจว เป็นเพื่อนร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรู ตราบเท่าที่นายยอมล้มเลิกความคิดแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าสมาคม รองหัวหน้าตู้จะต้องไม่ถือโทษแน่”
หนิงเทียนเหอ รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของ ว่านฉีนั้นเหนือกว่าเขา แม้ว่าพลังการต่อสู้ของ เฉินยวี่ จะถูกโค่นไปจนสิ้นเชิง แต่ความแข็งแกร่งของ ว่านฉีก็ยังมากเกินไป และอาจบุกทะลวงไปสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายได้ทุกเมื่อ
เมื่อ ว่านฉีถูกบีบคั้นและก้าวผ่านไปสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายได้ อย่างนั้นต่อให้เขาร่วมมือกับผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงก็ยังไม่ใช่ศัตรูของ ว่านฉี อยู่ดี
ดังนั้นสถานการณ์ของพวกเขาจึงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
หากต้องต่อสู้กับ ว่านฉีจริงๆ ก็ยังต้องรอจนกว่าตู้จ้งกลับมา
ตอนนี้หยางเฉินกำลังบาดเจ็บสาหัสไม่ได้สติ อีกทั้งตู้จ้งก็ไปยังตระกูลบู๊โบราณเพื่อหายาคืนชีพ หาว่านฉีทะลุแดนได้จริงๆ อย่างนั้นทั่วสมาพันธ์บูโดก็จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้อีก
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับมันก็คือการทำให้ ว่านฉี ใจเย็นลง
ส่วนเรื่องความเป็นความตายของ เฉินยวี่ นั้นไม่สำคัญอะไร ว่านฉีเองก็ไม่สนใจ
“ตึง!”
ในเวลานี้เอง หม่าชาวโจมตีใส่ เฉินยวี่ อย่างหนักที่ตำแหน่งหัวใจ เฉินยวี่ กระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขากระเด็นออกไปหลายเมตรจากนั้นก็กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง จนเลือดอึกใหญ่พุ่งออกมาจากมุมปากของเขา ไม่นานร่างกายของเขากระตุกสองสามครั้ง จากนั้นก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์
เฉินยวี่ตายแล้ว!
ผู้แข็งแกร่งสมาพันธ์บูโดนที่อยู่รอบๆ ต่างตกตะลึง เฉินยวี่ เป็นหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสของสมาพันธ์บูโด แต่ตอนนี้กลับตายแล้ว?
ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงต่างก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อพวกเขามองไปที่หม่าชาว ดวงตาก็เคร่งเครียดขึ้นมาหลายส่วน
หม่าชาวยังอายุน้อยขนาดนี้แต่กลับครอบครองพลังของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย เมื่อครู่ต่อให้ไม่ได้ความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงเกรงว่า เฉินยวี่ก็จะต้องตายด้วยน้ำมือของหม่าชาวอยู่ดี
ใบหน้าของ ว่านฉีมืดมนมากขึ้นเมื่อเห็นว่า เฉินยวี่ ถูกฆ่า
เขากำหมัดแน่น ดวงตาจ้องไปที่ หนิงเทียนเหอ และพูดว่า “หนิงเทียนเหอ หยางเฉินก็เป็นแค่คนกำลังจะตาย ทำไมนายถึงต้องทำขนาดนี้เพื่อคนพิการคนหนึ่งด้วย?”
“ถ้านายยินดี พวกเรามาร่วมมือกันได้”
ว่านฉีไม่ได้เอ่ยอย่างชัดเจนมากนัก แต่ความหมายของเขากลับชัดเจนอย่างยิ่ง เขาต้องดึง หนิงเทียนเหอ มาเป็นพวกเพื่อเผชิญหน้ากับตู้จ้ง
หนิงเทียนเหอ ไหนเลยจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด เขายิ้มเล็กน้อย “ผู้อาวุโสว่าน ฉันไม่มีความทะเยอทะยาน ฉันแค่ต้องการช่วยรองหัวหน้าตู้ และทำให้สมาพันธ์บูโดเป็นกองกำลังที่มีพลังมากขึ้น ไม่เพียงแค่ในจิ่วโจว แต่เป็นทั่วโลกด้วย!”
“ฮ่าฮ่า!”
ว่านฉีก็เยาะเย้ยทันที “อาศัยนายกับตู้จ้ง?”
หนิงเทียนเหอ ไม่ได้พูดอะไรและจ้องไปที่ ว่านฉีอย่างใจเย็น
ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงในเวลานี้ก็มาที่ข้างๆ หนิงเทียนเหอเช่นกัน ขอแค่ หนิงเทียนเหอ ต้องการต่อสู้กับ ว่านฉีพวกเขาก็จะยื่นมือเข้าช่วย
ถ้า หนิงเทียนเหอ ตาย ด้วยนิสัยของ ว่านฉี แล้ว อีกฝ่ายจะต้องไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่
“คุณหม่า!”
สองพี่น้องตระกูลซ่งมาถึงตัวของหม่าชาว ในสายตาของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความกังวลอย่างมาก
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าออร่าในร่างกายของหม่าชาวนั้นไม่แน่นอนมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าถูกกินโดยพลังของลูกแก้วดูดเลือด
สีหน้าของหม่าชาวดุร้ายอย่างมาก เขาพยายามที่จะระงับความรู้สึกอันรุนแรงในตัวของเขา พลังของลูกแก้วดูดเลือด กำลังไหลออกมาอย่างต่อเนื่องผ่านรอยแยกของผนึก
“คุณหม่า คุณจะใช้พลังอีกไม่ได้แล้ว!”
ซ่งจั่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หม่าชาว พูดพร้อมกับกัดฟันแน่น “พี่เฉินอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโดนี้เอง วันนี้ พวกเราต้องพาเขากลับบ้าน!”
สองพี่น้องตระกูลซ่งพยักหน้าทีละคนและตอบอย่างหนักแน่นว่า “ใช่ พวกเราจะต้องพาคุณหยางกลับบ้าน!”
ในอีกด้านหนึ่ง ว่านฉีกำลังเผชิญหน้ากับ หนิงเทียนเหอ และคนทั้งสาม ทั้งสองฝ่ายต่างแผ่ซ่านแรงกดดันวิถีบู๊ออกมาอย่างรุนแรง และแรงกดดันนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งของสมาพันธ์บูโดซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปรู้สึกอึดอัดมาก
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ลงมือกันเสียที
พูดให้ถูกก็คือ เป็นว่านฉีที่ไม่ได้ลงมือ นั่นเพราะหนิงเทียนและพวกเขาต่างก็ไม่ได้คิดจะต่อสู้ แต่หากว่านฉีคิดจะลงมืออย่างนั้นพวกเขาก็ได้แต่ต้องลงมือด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน ว่านฉีก็พูดว่า “หนิงเทียนเหอ ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง นายและฉันมาร่วมมือกันและสร้างสมาพันธ์บูโด ให้เป็นกองกำลังชั้นนำระดับโลก”
หนิงเทียนเหอ ไม่หวั่นไหวไปด้วย เขาเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “ต่อให้นายจะถามฉันอีกร้อยครั้ง แต่ก็ยังคงตอบเหมือนก่อนหน้า ว่านฉี ล้มเลิกความตั้งใจซะ!”
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็อย่างโทษที่ฉันหยาบคายกับพวกนาย!”
ออร่าบู๊ของ ว่านฉีพุ่งทะยานขึ้นไปในช่วงเวลาสั้น ๆ จากนั้นก็มาถึงจุดสูงสุดของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง และเพียงแต่อีกก้าวเดียวเขาก็จะไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นปลาย